วันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2557

แฟนอุรุกวัยแห่สวมหน้ากากให้กำลังใจซัวเรซ




ฟุตบอล : เหล่าบรรดาสาวกทีมชาติ อุรุกวัย รวมใจพากันสวมหน้ากากหน้า หลุยส์ ซัวเรซ รวมไปถึงสิ่งของที่เป็นแบรนด์ของนักเตะ เข้าชมเกม "เวิลด์ คัพ 2014" นัดพ่าย "โคเคน" เพื่อให้กำลังใจดาวยิงฟันจอบ

เหล่าบรรดาแฟนบอลประเทศ อุรุกวัย รวมใจพากันสวมหน้ากาก ซึ่งเป็นรูปหน้าของ หลุยส์ ซัวเรซ ดาวยิงฟันจอบรวมไปถึงสัญลักษณ์ต่างๆ ที่เป็นแบนเนอร์ของนักเตะเข้าชมเกม ฟุตบอลโลก 2014 รอบ 16 ทีมที่สุดท้ายที่ "จอมโหด" ต้องพ่ายต่อ โคลอมเบียด้วยสกอร์ 0-2 ในวันเสาร์ที่ 28 มิ.ย. ที่ผ่านมา เพื่อให้กำลังใจนักเตะ หลังแข้งจากค่ายลิเวอร์พูล สโมสรชื่อดังแห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ถูก "ฟีฟ่า" หรือ สหพันธ์ฟุตบอล นานาชาติสั่งแบนโหดในระยะยาว

"ฟีฟ่า" สั่งแบน หลุยส์ ซัวเรซ ห้ามลงรับใช้ทีมชาติในระยะเวลา 9 เกม พร้อมกับห้ามยุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมใดๆ ในแวดวงลูกหนังเป็นระยะเวลา 4 เดือน เนื่องจากนักเตะนั้นไปกัดหัวไหล่ของ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ กองหลังทีมชาติอิตาลี ในนัดที่ อุรุกวัย เอาชนะ "อัซซูรี่" ได้ 1-0 ในนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม ดี





เพิ่มเติมได้ที่

วันศุกร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2557

เลิฟบ่นอุบอินทรีเหล็กน่ายิงมะกันเกิน1เม็ด




"เลิฟ" ไม่พอใจลูกทีม "อินทรีเหล็ก" ซิวชัยเหนือ "มะกัน" แค่ 1-0 โวยหากคมกว่านี้ ยิงสลุตมากกว่า 2-3 ตุงชัวร์ๆ แต่พอใจได้เห็น "ฉลามขาว" อดีตลูกพี่ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายไปด้วยกัน

โยอัคคิม เลิฟ เฮดโค้ชทีมชาติเยอรมนี ยังคงไม่พอใจกับชัยชนะเหนือ สหรัฐอเมริกา 1-0 ใน ฟุตบอลโลก 2014 รอบแบ่งกลุ่ม จี นัดสุดท้าย เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา หลังมองว่าลูกทีมของเขาน่าจะทำเพิ่มได้อีก 2-3 ประตู

ในเกมดังกล่าวนั้น "อินทรีเหล็ก" มีจังหวะเข้าทำหลายครั้ง แต่เกือบทุกครั้งนั้นพวกเขาก็มักจะส่งบอลกันขาดๆ เกินๆ หน้ากรอบเขตโทษของคู่แข่ง โดยกว่าจะมาได้ประตูชัยก็ต้องรอจนถึงนาทีที่ 55 แถมยังเป็นจังหวะเก็บตกหน้ากรอบเขตโทษซึ่ง ทิม ฮาเวิร์ด ผู้รักษาประตู "พญาอินทรี" ปัดออกมาแล้วแนวรับเตะทิ้งกันไม่ขาดเลยถูก โธมัส มุลเลอร์ ตะบันสวนจากหน้ากรอบเขตโทษเสียบตาข่าย

เลิฟ กล่าวว่า "เราเล่นกันอย่างเป็นระบบได้ดี จนใกล้จะถึงช่วงนาทีท้ายๆ เราไม่ได้ปล่อยให้ สหรัฐฯ มีโอกาสมากนัก เราพลาดโอกาสที่จะจ่ายบอลทะลุช่องในพื้นที่สุดท้าย หากเราทำได้ เราก็น่าจะได้เพิ่มอีก 2 หรือ 3 ประตู ผมอยากจะให้ ซามี่ เคดิร่า ได้พัก ลูคัส โพดอลสกี้ ก็มุ่งมั่นมาก แต่เขาปรับตัวเข้ากับเกมไม่ได้จริงๆ ส่วน โธมัส มุลเลอร์ เขารู้ว่าจะต้องวิ่งไปตรงไหน (เพื่อทำประตู) แผลของเขาปิดสนิทแล้ว เขาทนมากทีเดียว"

ขณะเดียวกัน บุนเดสเทรนเนอร์ ยังไม่ลืมจะยกย่องฝีมือของอดีตลูกพี่อย่าง เจอร์เก้น คลิ้นส์มันน์ ซึ่งปัจจุบันเป็นกุนซือทีมชาติสหรัฐฯ โดยระบุว่า "ในช่วงกลางเกมนั้น สหรัฐฯ แข็งแกร่งมากๆ ในแง่ของลูกกลางอากาศ มันเจ๋งมากสำหรับเราที่ เจอร์เก้น คลิ้นส์มันน์ ก็ได้เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายด้วย"

ทั้งนี้ จากชัยชนะเหนือ สหรัฐฯ ทำให้ เยอรมัน ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายในฐานะแชมป์กลุ่ม จี โดยจะรอพบกับรองแชมป์กลุ่ม เอช ต่อไป


วันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ฟุตบอล : เฟร็ดโวแหลกลูกยิงตนสุดเจ๋งแถมใช้หนวดพังประตู




วิเคราะห์บอลนานๆ จะยิงที! เฟร็ด โม้แหลก ชม ลูกยิงของตัวเอง ในเกมถล่มเอาชนะ "หมอผี" 4-1 สุดสวย พร้อมเอาฮา ชี้ใช้หนวดทำประตูยังได้ หลังฟอร์มฝืดมา 2 นัด

เฟร็ด หัวหอกทีมชาติบราซิลจากสโมสร ฟลูมิเนนเซ่ ทีมชั้นนำประจำลีกแดนแซมบ้า ออกโรงโว สุดปลื้มที่สามารถปลดล็อกทำประตูได้สักที ในเกมที่ทัพ "เซเลเซา" เอาชนะ แคเมอรูน ไปได้ 4-1 ในเกมนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มศึกฟุตบอลโลก 2014 หลังฟอร์มฝืดมาตลอดใน 2 นัดแรก พร้อมกล่าวแบบติดตลก ที่ทำประตูได้ ก็เพราะเขาไว้หนวด ไว้เครานั่นเอง

ศูนย์หน้าวัย 30 ปี ไม่เพียงแค่ไม่สามารถทำประตูได้ใน 2 นัดแรกของศึก "เวิลด์คัพ'14" แต่เขายังโชว์ฟอร์มได้ไม่น่าประทับใจอีกด้วย อย่างไรก็ตามในเกมนัดล่าสุดกับทัพ "หมอผี" เขาก็สามารถพังประตูจนได้ โดยเจ้าตัวได้ให้สัมภาษณ์หลังจบเกมระบุว่า "มันเป็นประตูที่สุดยอด บอลมันมาอย่างแรง แต่มันก็มาโดนหนวดของผมเข้าประตู ประตูนี้ผมทำได้เพราะหนวดจริงๆ"

โปรแกรมบอลทั้งนี้ ทัพ "แซมบ้า" ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ในฐานะแชมป์กลุ่มเอ เนื่องจากประตูได้เสียดีกว่าเม็กซิโก 2 ลูก โดยคู่แข่งที่รออยู่ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ก็คือรองแชมป์กลุ่มบีอย่าง ชิลี นั่นเอง



สรุป ผลบอล บอสเนียฯทุบอิหร่าน3-1กอดคอร่วงรอบแรก


ฟุตบอลโลก 2014


รอบสุดท้าย นัดที่ 3 กลุ่มเอฟ

วันพุธที่ 25 มิถุนายน 2557

บอสเนียและเฮอร์เซโกวีน่า 3-1 อิหร่าน

สนาม : อาเรน่า ฟอนเต้ โนวา ในเมืองซัลวาดอร์
ตัดสิน : การ์ลอส เบลาสโก้ การ์บาโญ่ (สเปน)



วิเคราะห์บอลเกมนัดสุดท้ายของกลุ่มเอฟ ระหว่าง ทีมชาติบอสเนียและเฮอร์เซโกวีน่า พบ ทีมชาติอิหร่าน

เริ่มเกมได้ 9 นาที "บอสเนีย" เป็นฝ่ายได้ทักทายก่อน ทิโน่ ซูซิช ครอสมาที่กลางประตูให้ เอดิน เชโก้ ได้โขกเน้นๆ ไปที่มุมซ้าย แต่บอลก็ไปถูก อาลีเรซ่า ฮาริกี้ เซฟไว้ได้อย่างรวดเร็ว

ผ่านมาถึงนาทีที่ 23 ก็มีประตูแรกทันทีและเป็นฝั่ง บอสเนีย ที่ทำได้ก่อน เมื่อ เชโก้ รับบอลจากเกือบกลางสนาม ก่อนจะมาถึงหน้าเขตโทษแล้วจัดการซัดด้วยซ้ายเน้นๆ บอลพุ่งเรียดหนีมือ อาลีเรซ่า ฮาริกี้ เสียบเสาเข้าไปอย่างเฉียบขาดช่วยให้ทีมขึ้นนำ 1-0


น.42 บอสเนีย พลาดโอกาสบวกประตูที่สอง เมื่อ เชโก้ จ่ายทะลุช่องให้ อัฟเวียร์ เวอร์ซาเยวิช หลุดเข้าไปซัดในเขตโทษ แต่เจ้าตัวยิงไม่ดีบอลหลุดกรอบออกไปแบบไม่ได้ลุ้น

จากนั้นทั้งสองทีมทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ หมดครึ่งแรก "บอสเนีย" ขึ้นนำ 1-0

น.59 "บอสเนีย" ทำประตูที่สองได้สำเร็จ จากความผิดพลาดของแนวรับ อิหร่าน ไปจ่ายบอลพลาดจนโดนแย่งไปได้ สุดท้ายเป็น ทิโน่ ซูซิช ที่แทงทะลุช่องให้ มิราเล็ม ปานิช หลุดเข้าเขตโทษไปซัดเรียดผ่านมือ อาลีเรซ่า ฮาริกี้ เข้าไปพาทีมให้นำอีกครั้งเป็น 2-0


หลังทำประตูได้ "บอสเนีย" ก็เปลี่ยนตัวสำรองคนแรก ส่ง โอคเยน วรานเยส ลงมาเล่นแทน อาเนล ฮาดซิช

น.63 อิหร่าน เปลี่ยนตัวเพิ่มเป็นคนที่สองส่ง อาลีเรซ่า จาฮานบาค ลงเล่นแทน เอห์ซาน ฮาจ ซาฟี่

น.65 อิหร่าน พลาดโอกาสไล่ตาม จากจังหวะที่ อัซคาน เดยากาห์ ไหลมาให้ อาลีเรซ่า จาฮานบาค ที่เพิ่งเปลี่ยนลงมาได้ลองซัดด้วยซ้าย แต่บอลก็ยังไปเข้ามือ อัสเมียร์ เบโกวิช เซฟไว้ได้แบบไร้ปัญหา

น.68 อัซคาน เดยากาห์ มาถูก อิหร่าน ถอดออกไปจากสนามเป็นคนสุดท้าย ก่อนที่ทีมจะส่ง คาริม อันซาริฟาด ลงมาเล่นแทน

น.78 มูฮัมเหม็ด เบซิช มารับใบเหลืองเป็นคนแรกของเกม หลังพุ่งเข้าไปชนเสา อัฟเวียร์ เวอร์ซาเยวิช จนตัวลอยในจังหวะที่เจ้าตัวไม่มีบอลอยู่กับตัวไปแล้ว

น.79 "บอสเนีย" ส่ง เซยัด ซาลิโฮวิช ลงสนามมาเป็นคนสุดท้าย โดยถอดเอา ทิโน่ ซูซิช ออกไปพัก

ผ่านจนถึงนาทีที่ 82 อิหร่าน มาทำประตูได้สำเร็จ จากการสกัดบอลไม่ดีของผู้เล่น "บอสเนีย" ก่อนที่ จาวัด เนกูฮาม จะได้โอกาสเปิดเข้าไปหน้าประตูจากฝั่งซ้าย บอลเลยไปถึง เรซ่า กูชานเนจฮัด วิ่งสอดเข้ามาจัดการแหย่ชาร์จจ่อๆ เข้าไปให้ทีมตีไข่แตกเป็น 1-2


แต่มาได้นาทีเดียว "บอสเนีย" มายิงหนีห่างอีกครั้ง เมื่อ เซยัด ซาลิโฮวิช แทงออกขวาให้ อัฟเวียร์ เวอร์ซาเยวิช ที่เติมขึ้นมาได้ลากเข้าไปในเขตโทษ ก่อนที่สุดท้ายเจ้าตัวจะซัดด้วยขวาผ่านมือ อาลีเรซ่า ฮาริกี้ ชนเสาเข้าไปให้ทีมหนีห่างอีกครั้งเป็น 3-1

พอยิงได้ "บอสเนีย" ก็ถอด เอดิน เชโก้ ผู้ทำประตูแรกของทีมออกไปพัก แล้วให้ เอดิน วิสก้า ลงสนามมาประจำการในแดนหน้าแทน

หลังจากนั้นไม่มีการยิงประตูกันเพิ่มอีก หมดเวลา บอสเนียและเฮอร์เซโกวีน่า เอาชนะ อิหร่าน ไปได้ ส่งผลให้ทีมขยับขึ้นมารั้งอันดับที่ 3 ของกลุ่มเอฟ โดยมี 3 คะแนน ขณะที่ อิหร่าน จบเป็นที่ 4 ของกลุ่มมีอยู่ 1 คะแนน กอดคอกันตกรอบแรก "เวิลด์ คัพ 2014" เรียบร้อย
รายชื่อผู้เล่น ทีมชาติบอสเนียและเฮอร์เซโกวีน่า (4-3-1-2) :
อัสเมียร์ เบโกวิช - อัฟเวียร์ เวอร์ซาเยวิช, โทนี่ ซูนยิช, เอเมียร์ สปาฮิช, เซอัด โคลาซินัค - มูฮัมเหม็ด เบซิช, อาเนล ฮาดซิช (โอคเยน วรานเยส น.61), ทิโน่ ซูซิช (เซยัด ซาลิโฮวิช น.79) - มิราเล็ม ปานิช - เอดิน เชโก้ (เอดิน วิสก้า น.84), เวดัด อิบิเซวิช
ผู้เล่นสำรอง
จาสมิน เฟร์ซิช - อัสเมียร์ อัฟดูคิช - เออร์มิน บิคัคซิช - เซนิยัด อิบิรซิช - ซเวดาน มิสซิโมวิช - เมนซูร์ มุดซ่า - เซนาด ลูลิช - ฮาริส เมดุนยานิน - อิเซ็ต ฮาจ์โรวิช

รายชื่อผู้เล่น ทีมชาติอิหร่าน (4-2-3-1) :
อาลีเรซ่า ฮาริกี้ - เพจมาน มอนตาเซรี่, จาลาล ฮอสเซนี่, อามีร์ ซาเดกี, เมเฮอร์ดาด ปูลาดี้ - อันดรานิค เตย์มูเรียน, จาวัด เนกูฮาม - มาซุด โชจาอี (คอสโร เฮย์ดารี่ น.46), เอห์ซาน ฮาจ ซาฟี่ (อาลีเรซ่า จาฮานบาค น.63), อัซคาน เดยากาห์ (คาริม อันซาริฟาด น.68) - เรซ่า กูชานเนจฮัด
ผู้เล่นสำรอง
รามาน อามาห์ดี้ - ดาเนี่ยล ดาวารี่ - ฮอสเซน มาฮินี่ - อาหมัด อัลนาเมห์ - เรซ่า ฮาริกี้ - กาเซ็ม ฮัดดาดิฟาร์ - บาคเตียร์ ราห์มานี่ - ฮาเช็ม เบซาเดย์ - เมห์ดัด เบห์ทาชู

วันพุธที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2557

โปรแกรมบอล : โคเคนทุบซามูไรนิ่ม 4-1 ชนจอมโหดรอบ 16 ทีม ในศึก ฟุตบอลโลก 2014





รอบสุดท้าย นัดที่ 3 กลุ่ม ซี

วันอังคารที่ 24 มิถุนายน 2557

ญี่ปุ่น 1-4 โคลอมเบีย

สนาม : อาเรน่า ปานตานาล ในเมืองกุยาบา
ผู้ตัดสิน : เปโดร โปเอ็นก้า (โปรตุเกส)

ฟุตบอลเกมนัดสุดท้ายกลุ่มซี ระหว่าง "ซามูไร" ทีมชาติญี่ปุ่น พบ "โคเคน" ทีมชาติโคลอมเบีย

เริ่มเกมได้ 16 ญี่ปุ่น ต้องมาพลาดเสียลูกโทษ เมื่อ ยาซึยูกิ คอนโนะ ไปเสียบ อาเดรี่ยน รามอส 
ล้มในเขตโทษ ผู้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษทันทีพร้อมชักใบเหลืองแก่เจ้าตัวอีกด้วย และเป็น ฮวน กวาดราโด้ รับหน้าที่สังหารเข้าไปไม่มีพลาด ช่วยให้ โคลอมเบีย ขึ้นนำไปได้ก่อน 1-0


ผ่านมาถึงนาทีที่ 26 ญี่ปุ่น เกือบตีเสมอได้สำเร็จ โยชิโตะ โอคุโบะ โหม่งตั้งมาให้ ชินจิ คางาวะ ได้กดด้วยขวาเน้นๆ นอกเขตโทษ บอลพุ่งเข้ามุมซ้ายของประตู แต่ก็ถูก ดาวิด ออสปิน่า ล้มตัวปัดออกหลังไว้ได้อย่างรวดเร็ว

น.33 ญี่ปุ่น มาได้ลุ้นจากลูกฟรีคิกหน้าเขตโทษ เคซึเกะ ฮอนดะ วิ่งกดด้วยซ้ายเข้าหาประตู แต่บอลกลับพุ่งเฉี่ยวเสาออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย

ช่วงทดเจ็บท้ายครึ่งแรก ญี่ปุ่น มาตามตีเสมอได้สำเร็จ เคซึเกะ ฮอนดะ เปิดจากฝั่งขวามาให้ ชินจิ โอกาซากิ ได้โขกเต็มๆ ผ่านมือ ดาวิด ออสปิน่า เข้าไปให้ทีมเป็น 1-1 และพร้อมกับจบครึ่งแรกไปทันที



กลับมาในช่วงครึ่งหลัง โคลอมเบีย รีบแก้เกมทันที ส่ง ฮาเมส โรดริเกซ กับ คาร์ลอส คาร์โบเนโร่ ลงสนาม โดยถอดเอา ฮวน ควินเตโร่ และ ฮวน กวาดราโด้ ออกไป

น.55 "โคเคน" มาได้ประตูอีกครั้ง เมื่อ ฮาเมส โรดริเกซ ลากเข้าเขตโทษโดยดึงแนวรับญี่ปุ่นเข้ามาหา ก่อนที่เจ้าตัวจะจ่ายออกซ้ายให้ แจ็คสัน มาร์ติเนซ ที่รออยู่โล่งๆ จับแล้วซัดด้วยขวาเน้นๆ ผ่านมือ เอจิ คาวาชิม่า เข้าไปอย่างเฉียบขาด โคลอมเบีย นำ 2-1


น.62 ทัพ "ซามูไร" เปลี่ยนตัวเอา โฮตารุ ยามางูชิ ลงสนาม โดยถอดเอา โทชิฮิโร่ อาโอยาม่า ออกไป

น.63 เฟรดดี้ กัวริน มารับใบเหลืองเป็นคนแรกของ โคลอมเบีย หลังเจ้าตัววิ่งเข้าไปผลักใส่ ชินจิ คางาวะ อย่างน่าเกลียด

น.69 ญี่ปุ่น เปลี่ยนเพิ่ม ถอด ชินจิ โอกาซากิ ผู้ตีเสมอให้ทีมออกไป แล้วให้ โยอิจิโระ คากิตานิ ลงสนาม

น.74 ทัพ "ซามูไร" พลาดโอกาสตีเสมอ คางาวะ รับลูกจ่ายจาก ยูโตะ นางาโตโมะ ก่อนตามด้วยซัดนอกกรอบด้วยขวา บอลพุ่งหาประตูแต่ก็ยังไปถูก ดาวิด ออสปิน่า เซฟไว้ได้อีกครั้ง

น.81 โคลอมเบีย มาได้ประตูนำอีกครั้งเป็น 3-1 จากการเล่นสวนกลับเร็ว ฮาเมส โรดริเกซ จ่ายให้ แจ็คสัน มาร์ติเนซ ที่อยู่โล่งๆ ได้ซัดด้วยซ้ายเน้นๆ บอลเลี้ยวหนีมือ เอจิ คาวาชิม่า เข้าไปอย่างเฉียบขาดพร้อมกับเป็นประตูที่สองของเจ้าตัวในเกมนี้

น.84 โคลอมเบีย ตัดสินใจถอด ดาวิด ออสปิน่า ออก แล้วส่ง ฟาริด มอนดรากอน นายทวารจอมเก๋า ลงสนามเป็นการส่งท้ายการเล่นในนามทีมชาติ ด้วยวัย 43 ปี กับอีก 3 วัน ซึ่งเป็นผู้เล่นที่อายุมากที่สุดในฟุตบอลโลกหนนี้ ขณะที่ ญี่ปุ่น ส่ง ฮิโรชิ คิโยทาเกะ ลงสนามเป็นคนสุดท้าย แทน ชินจิ คางาวะ

ท้ายเกม โคลอมเบีย ได้ประตูหนีห่างเป็น 4-1 เมื่อ อาเดรี่ยน รามอส จ่ายทะลุช่องให้ ฮาเมส โรดริเกซ สปีดหลุดเข้าไปเขตโทษไปรับบอลพร้อมกับแตะหลบ มายะ โยชิดะ จนหัวทิ่ม ก่อนที่เจ้าตัวกระดกข้ามตัว เอจิ คาวาชิม่า เข้าไปแบบนิ่มๆ


หลังจากนั้นไม่มีประตูเพิ่ม หมดเวลา โคลอมเบีย เอาชนะ ญี่ปุ่น ไปได้แบบท่วมท้นด้วยผลบอล 4-1 ส่งผลให้ทีมผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายในฐานะแชมป์กลุ่มซีได้สำเร็จ โดยจะเข้าไปพบกับ ทีมชาติอุรุกวัย อันดับที่สองของกลุ่มดี ต่อไป

รายชื่อผู้เล่น ทีมชาติญี่ปุ่น (4-2-3-1) :
เอจิ คาวาชิม่า - อัตซึโตะ อูชิดะ, ยาซึยูกิ คอนโนะ, มายะ โยชิดะ, ยูโตะ นางาโตโมะ - โทชิฮิโร่ อาโอยาม่า (โฮตารุ ยามางูชิ น.62), มาโกโตะ ฮาเซเบะ - โยชิโตะ โอคุโบะ, เคซึเกะ ฮอนดะ, ชินจิ คางาวะ (ฮิโรชิ คิโยทาเกะ น.85) - ชินจิ โอกาซากิ (โยอิจิโระ คากิตานิ น.69)

ผู้เล่นสำรอง
ชูซาคุ นิชิคาวะ - ชูอิจิ กอนดะ - โกโตคุ ซากาอิ - มาซาโตะ โมริชิเกะ - ฮิโรกิ ซากาอิ - ยาซูฮิโตะ เอ็นโดะ - - มาซาฮิโระ อิโนฮะ - ยูยะ โอซาโกะ - มานาบุ ไซโตะ

รายชื่อผู้เล่น ทีมชาติโคลอมเบีย (4-2-3-1) :
ดาวิด ออสปิน่า (ฟาริด มอนดรากอน น.84) - ซานติอาโก้ อารีอาส, คาร์ลอส วัลเดส, เอแดร์ บาลันต้า, ปาโบล อาร์เมโร่ - อเล็กซานเดอร์ เมเจีย, เฟรดดี้ กัวริน - ฮวน กวาดราโด้ (คาร์ลอส คาร์โบเนโร่ น.46), อาเดรี่ยน รามอส, ฮวน ควินเตโร่ (ฮาเมส โรดริเกซ น.46) - แจ็คสัน มาร์ติเนซ

ผู้เล่นสำรอง
คามิโล่ วาร์กัส - คริสเตียน ซาปาต้า - มาริโอ เยเปส - ฮวน ซูนิก้า - คาร์ลอส ซานเชซ - อาเบล อาร์กิล่า - วิคเตอร์ อิบาร์โร่ - เตโอฟิโล่ กูเตียร์เรซ - คาร์ลอส บัคก้า