วันพฤหัสบดีที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษที่จะถึงนี้มีข่าวอะไรอัพเดทมั่งไปชมกันเลย


บีร็อดซูฮกหลังสเตอร์ลิ่งถอดร่างมาจากเมสซี่



เมื่อ บีร็อด ได้ซูฮก เจ้าหนู สเตอร์ลิ่ง สไตล์การเล่นถอดแบบมาจาก เมสซี่ พร้อมฟันธงเฉิดฉายเจิดจรัสกับทีม หงส์แดง แน่นอนซีซั่น 2014-15

ซึ่งเบรนแดน ร็อดเจอร์ส ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล สโมสรชั้นนำแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ออกโรงวิเคราะห์บอลยกย่อง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง เจ้าหนูจอมลากเลื้อย ว่ามีสไตล์การเล่นเทียบเคียงกับ ลิโอเนล เมสซี่ ดาวเตะอัจริยะของ บาร์เซโลน่ายักษ์ใหญ่แห่งเวทีลา ลีกา สเปน พร้อมกับมั่นใจว่านักเตะรายนี้จะเฉิดฉายเจิดจรัสอย่างแน่นอนในซีซั่น 2014-15

โดยที่เจ้าหนูสเตอร์ลิ่ง วัย 19 ปีมีวิวัฒนาการที่ก้าวไกลสุดๆ จนได้กลายเป็นผู้เล่นของสำคัญของ "หงส์แดง" เมื่อซีซั่นที่แล้ว แถมยังโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมต่อเนื่องอีกด้วยในช่วงทัวร์ปรีซีซั่นที่ สหรัฐอเมริกา และด้วยวิวัฒนาการอันยอดเยี่ยมทำให้ ร็อดเจอร์ส รู้สึกเหมือนสไตล์การเล่นของ สเตอร์ลิ่ง นั้นถอดแบบมาจาก เมสซี่ เลย

หลังจากนั้น บีร็อด ได้ให้สัมภาษณ์ว่า บางสิ่งที่เราพูดถึง ราฮีม ตอนแรกที่เขาเข้าในทีม และเป็นบางอย่างที่เราพูดซ้ำก็คือคุณต้องมีเอกลักษณ์ของตัวเองในฐานะนักเตะ ซึ่งเอกลักษณ์ของเขาก็คือการทำประตูและสร้างสรรค์เกม ซึ่งนั่นคืองานของเขา เขายิงได้ 10 ลูกเมื่อปีที่แล้ว และเด็กคนนี้กำลังเก่งขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อคุณได้ดูเกมกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ นิวยอร์ค มันกี่ครั้งแล้วล่ะที่ เมสซี่ สัมผัสฟุตบอลได้แบบนั้น และเอาตัววิ่งฝ่าผู้เล่นมา

เขากล่าวต่ออีกว่า เมื่อคุณอายุยังน้อยๆ มันสำคัญนะที่ต้องเรียนรู้ว่าบทบาทของคุณนั้นคืออะไร และไม่ใช่แค่ทำให้มันดูดีนะ แต่คุณต้องทำมันให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย พัฒนาการของเขาก้าวขึ้นสู่ระดับใหม่แล้ว เขาอยู่เหนือกว่าตอนแรกที่ก้าวขึ้นมาสู่ทีมเสียอีก ทั้งในเรื่องของแท็คติกและเทคนิค เขาทำมันได้ดีในทุกย่างก้าวและตอนนี้เขาก็เป็นส่วนสำคัญของทีมในทุกๆ เกม เขาเพิ่งอายุแค่ 19 ปีเท่านั้น แต่ในเกมใหญ่ๆ เขามักโชว์ฟอร์มได้ดี และเขาก็มีพรสวรรค์ที่ดีเลิศสุดๆ ไปเลย ร็อดเจอร์ส ร่ายยาว



แลมพาร์ดได้สวมเสื้อเรือใบหลังจากที่เซ็นร่วมทัพ6ด.





ได้มีการเผยภาพ แฟรงก์ แลมพาร์ด ซึ่งเป็นมิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษในสีเสื้อทีม เรือใบสีฟ้า เป็นครั้งแรก หลังจากเซ็นสัญญาย้ายมาร่วมทีมด้วยสัญญายืมตัว 6 เดือน

โดยที่มิดฟิลด์วัย 36 ปี ย้ายออกจากเชลซีไปร่วมทีมนิวยอร์ก ซิตี้ เอฟซี ในเมเจอร์ลีก ของสหรัฐอเมริกา แต่เนื่องจากเมเจอร์ลีกจะเปิดฤดูกาลในเดือนมีนาคมปีหน้า ทำให้แมนฯซิตี้ แชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลก่อนที่เป็นพันธมิตรกับนิวยอร์ก ซิตี้ ทำสัญญายืมตัว แลมพาร์ด เป็นเวลา 6 เดือน

และล่าสุดทีม แมนฯซิตี้ ได้โพสต์รูปมิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษในสีเสื้อของทีม "เรือใบสีฟ้า" เป็นครั้งแรกลงบนทวิตเตอร์ของสโมสร และคาดว่า แลมพาร์ด ที่สวมเสื้อหมายเลข 18 อาจจะได้ลงเล่นในเกมนัดเปิดสนามที่ เรือใบสีฟ้า จะพบกับนิวคาสเซิล ในวันอาทิตย์นี้ด้วย

ในขณะเดียวกันที่ แวงซ็อง กอมปานี ซึ่งเป็นปราการหลังและกัปตันทีมแมนฯซิตี้ ได้ต่อสัญญาฉบับใหม่กับแมนฯซิตี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เป็นนักเตะรายที่ 4 ที่ได้สัญญาใหม่ต่อจาก 
1.ซาเมียร์ นาสรี่ 
2.ดาวิด ซิลบา และ 
3.อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ



รูนีย์ได้พลังแห่ง ปลอกแขนของกัปตันทีม



ซึ่งเป็นอีกครั้งแล้วนะครับที่เหมือนกับว่า หลุยส์ ฟาน ฮัล มีได้ เวทมนตร์ สามารถเสกชัยชนะได้ราวมีปาฏิหาริย์ โดยล่าสุดพาทีมชนะบาเลนเซีย 2-1 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ

โดยที่เกมนี้เป็นแมตช์ในบ้านของ โอลด์ แทรฟฟอร์ด โดยในเกมแรกของกุนซือดัตช์หลังเข้ารับตำแหน่ง หลังได้ประเดิมแชมป์ อินเตอร์เนชั่นแนล แชมเปี้ยนส์ คัพ 2014 ที่สหรัฐอเมริกา ไปแล้ว

เรียกได้ว่า เป็นการประเดิมการคุมทีมด้วยแชมป์ และเริ่มต้นในบ้านได้สวยด้วย ชัยชนะ ในสไตล์ที่เป็นทีม แมนฯยูไนเต็ด ในยุครุ่งเรืองจริงๆครับ

ซึ่งนั่นก็คือ ชนะโดยนักเตะที่โลกลืม มารูยาน เฟลไลนี่ ยิงประตูได้ในช่วง 90+ ซึ่งถือเป็นจังหวะเวลาที่เรียกว่า Fergie’s Time


ซึ่งในปัจจุบัน รูนี่ย์ ได้กลายเป็นแข้งตัวเก๋าของทีมปีศาจแดงเต็มตัวไปแล้ว

โดยที่เวลาปฏิบัติการพิเศษของทัพปิศาจแดงในยุคท่านเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่มักจะทำสกอร์ได้ในช่วงท้ายเกม

แต่ทว่า สิ่งต่างๆเหล่านี้ได้หายไปในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมากับ เดวิด มอยส์ ที่กลายเป็นว่า แมนฯยูไนเต็ด เสียประตูเยอะมากในกรอบเวลา Fergie’s Time

และการจะพูดถึง ผลงานของยูไนเต็ด ในชั่วโมงนี้คงพูดลำบาก เพราะชนะเอา ๆ ราวกับไม่รู้ว่าจะแพ้นัดแรกเมื่อไหร่กัน แม้ว่าเกมล่าสุดกับไอ้ค้างคาวจากสเปน กุนซือ LVG จะยอมรับว่าเป็นแมตช์ที่ เล่นได้แย่ ที่สุดสำหรับเค้าก็ตาม

ดังนั้นในด้านประเด็นล่าสุดจากแคมป์ปิศาจแดงเห็นจะเป็น การแต่งตั้ง เวย์น รูนีย์ เป็นกัปตันทีมตัวจริง ของสโมสรอย่างเป็นทางการ

หลังจากที่กุนซือวัย 63 ปีได้ เฝ้าดู รูนีย์ และลูกทีมทุกคนมาเป็นเวลาประมาณ 1 เดือนเต็มพอดิบพอดี และได้ทดลองผู้เล่นหลายคน อาทิ 
1.ดาร์เรน เฟลตเชอร์
2.คริส สมอลลิ่ง สวมปลอกแขนบ้างแล้ว

แต่ทว่า ท้ายที่สุด รูนีย์ คือ คนที่ฟาน ฮัล มั่นใจว่าจะมอบหัวใจ และวิญญาณเข้าทำหน้าที่กัปตันทีมหลังได้แสดงให้เห็นถึง ทัศนคติ และความเป็นมืออาชีพผ่านการฝึกซ้อมที่ผ่านมา

ซึ่งรูนีย์เองที่ยิงจุดโทษพลาดในแมตช์นี้กล่าวว่า มันเป็นเกียรติประวัติสำหรับตัวเค้า และครอบครัวที่ได้รับตำแหน่งกัปตันทีมสโมสรที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้

และด้วยวัย 28 ปี รูนีย์ไม่ใช่นักเตะจูเนียร์ในทีมอีกต่อไปแล้ว ไม่นับประสบการณ์โชกโชนทั้งระดับชาติ และสโมสร

กับการเข้ารับตำแหน่งต่อจาก ตำนาน อย่าง 
1.เอริค คันโตน่า (1996 - 1997)
2.รอย คีน (1997-2005)
3.แกรี่ เนวิลล์ (2005-2011) และ
4.เนมันย่า วีดิช (2011-2014)


โดยที่ LVG เชื่อมั่นในตัวหอกร่างอวบให้เป็นผู้นำทีม

นี่คือ อีก ไฮไลต์ ในอาชีพค้าแข้งของรูนีย์ที่จำเป็นนะครับว่าต้องมี จุดเปลี่ยน มาช่วยกระตุ้น หรือช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้รูนีย์รักษามาตรฐาน หรือพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้นต่อไป

ซึ่งผมเองมองไกลยิ่งกว่านั้นด้วยซ้ำ เพราะหลังจาก สตีวี เจอร์ราร์ด เปิดหมวกอำลาทีมชาติสิงโตคำราม

สำหรับบุคคลที่เป็น แคนดิเดท ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับปลอกแขนกัปตันทีมชาติอังกฤษก็ไม่มีใครโดดเด่น และเหมาะสมเท่ากับ เวยน์ รูนีย์ เช่นกัน

โดยผมเชื่อว่า การประกาศของ ฟาน ฮัล ครั้งนี้จะยิ่งทำให้ รอย ฮอดจ์สัน มั่นใจ ในการเลือก เวย์น รูนีย์ เป็นกัปตันทีมคุมทัพลุยแคมเปญ ยูโร 2016

เมื่อมองแบบนี้แล้ว ฤดูกาล 2014/15 น่าจะกลับมาเป็น ปีทอง ของ เวย์น รูนีย์ อีกครั้ง

เชื่อผมนะครับ ว่าพลังแห่งปลอกแขนของกัปตันทีม จะเปลี่ยนเจ้าหมู รูนีย์ ได้เยอะอย่างที่ไม่มีใครคาดถึงเลยทีเดียว




มูปัดเรื่องเผยใต๋ให้เช็กและกูร์กตัวส์ยืนมือ1



โดยที่มูรินโญ่ ปัดว่าไม่ได้เผยใต๋ ให้ เช็ก หรือ กูร์กตัวส์ เฝ้าเสาเป็นมือ 1 ยืนยัน ยังไม่มีนักเตะรายใดในทุกตำแหน่งรู้ตัวว่าใครจะเป็นตัวจริงในเกมเปิดซีซั่น

เมื่อโชเซ่ มูรินโญ่ ผู้จัดการทีม เชลซี ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยังคงปฏิเสธที่จะบอกความลับเรื่องผู้รักษาประตูมือ 1 ว่าจะให้ใครทำหน้าที่ระหว่าง ติโบต์ กูร์กตัวส์ นายด่านอนาคตไกลหรือ ปีเตอร์ เช็ก ที่รับใช้ต้นสังกัดมาอย่างยาวนาน หลังจากเมื่อคืน 12 สิงหาคม ที่ผ่านมา ให้โอกาสมือกาวชาวเบลเยี่ยมแสดงผลงานตลอด 90 นาทีเต็มในนัดที่เอาชนะ เรอัล โซเซียดาดผลบอล 2-0

โดยที่กุนซือจอมเฮี้ยบกล่าวถึงการจัดระเบียบตำแหน่งผู้รักษาประตูว่า ผมส่ง ติโบต์ ลง 90 นาที เพราะเขาบาดเจ็บเมื่อสุดสัปดาห์ ส่วน ปีเตอร์ ได้เล่นเกมครึ่งแรกที่ตุรกี และกับ เฟเรนวารอส และตั้งแต่มา เขาเพิ่งเล่นไปแค่ 45 นาที เขาต้องได้ลงเล่น

และนายใหญ่ทีม สิงห์บลูส์ ยังได้บอกด้วยว่า การให้ กูร์กตัวส์ ลงสนามในเกมอุ่นเครื่องครั้งสุดท้ายไม่ใช่เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับนัดแรกของฤดูกาล "ความจริงแล้วที่เขาได้เล่น 90 นาที (กับ โซเซียดาด) ไม่ใช่เพราะผมบอกว่า เขาจะได้เป็นตัวจริง แต่เป็นเพราะ 3 เกมที่ผ่านมา เขาไม่ได้เล่นเลย และยังไม่มีนักเตะคนไหนรู้เรื่องนี้ (ว่าจะได้เป็นตัวจริงหรือสำรอง) ผมจะบอกเขาเมื่อไรน่ะหรือ? วันอาทิตย์

ทั้งนี้ทีม เชลซี จะเปิดสนามในซีซั่นใหม่ด้วยการออกไปเยือน เบิร์นลี่ย์ วันจันทร์ที่ 18 สิงหาคม นี้



มูรับรอเซ็นสัญญากับคอสต้ามาแรมปี


เมื่อน้ามู ได้ฝากความหวังล่าตาข่ายไว้ที่ คอสต้า พร้อมเผยนับวันรอลายเซ็นตั้งแต่ปีที่แล้ว

ซึ่งโชเซ่ มูรินโญ่ เทรนเนอร์จอมห้าวของ เชลซี สโมสรมหาเศรษฐีแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยอมรับว่าพลพรรค "สิงโตน้ำเงินคราม" ฝากความหวังสูงสุดในการล่าตาข่ายไว้ที่ ดีเอโก้ คอสต้า กองหน้าตัวใหม่ของทีมที่เพิ่งย้ายมาจาก แอตเลติโก้ มาดริด เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา พร้อมกับเปิดเผยว่าหัวหอกทีมชาติสเปนรายนี้คือผู้เล่นที่ตนจับตามองและพยายามคว้าตัวมาร่วมทีมตั้งแต่ปีที่แล้ว

และนายใหญ่ชาวโปรตุเกส กล่าวถึงความคาดหวังในตัวของ คอสต้า ว่า ผมคาดหวังในตัวของ ดีเอโก้ และเขาเป็นผู้เล่นที่่ทำงานอย่างหนัก ไม่ใช่เพียงแต่เรื่องการยิงประตู มันหมายการช่วยทีมในการเล่นเกมรับ สภาพจิตใจรวมไปถึงความทะเยอทะยาน เขาคือผู้เล่นที่เรารอคอยมาตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว นั่นคือเหตุผลที่เราไม่ซื้อกองหน้าในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา และเราก็หวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดี

เขายังได้กล่าวอีกว่า เขาเหมาะกับการเล่นในศึกพรีเมียร์ลีก ไม่ใช่เฉพาะกับ เชลซี เท่านั้น เขาน่าจะมีความสุขกับ เชลซี เราเสียผู้เล่นคนสำคัญออกจากทีม แต่เราก็สามารถนำผู้เล่นระดับท็อปเข้าสู่ทีมได้เช่นเดียวกัน มูรินโญ่ กล่าวทิ้งท้าย

โดยทั้งนี้ คอสต้า ย้ายจากทัพทีม ตราหมี มาอยู่กับ เชลซี ด้วยค่าตัวสูงถึง 32 ล้านปอนด์หรือ 1,760 ล้านบาท โดยฤดูกาลที่ผ่านมาเจ้าตัวพาต้นสังกัดคว้าแชมป์ลีกได้สำเร็จจากการลงสนาม 52 นัดยิงไป 36 ประตู



เมื่อบอร์ดบริหารทีม ผีแดง ได้จัดหนักเทเงินเฉียด 4,400 ล้าน 
เร่งเช็กบิล 1.ดิ มาเรีย - 2.โรโฮ - 3.บลินด์


เมื่อเดลี่ เมล สื่อจอมแม่นของอังกฤษ รายงานว่า บอร์ดบริหารของสโมสรทีม ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เตรียมอนุมัติงบฯ ก้อนโตกว่า 80 ล้านปอนด์หรือ 4,316 ล้านบาท เพื่อหวังที่จะครอบครอง 3 นักเตะชื่อดัง ประกอบด้วย 
1.อังเคล ดิ มาเรีย จากเรอัล มาดริด 50 ล้านปอนด์
2.มาร์กอส โรโฮ จากสปอร์ติ้ง ลิสบอน 18 ล้านปอนด์ และ 
3.ดาลี่ย์ บลินด์ จากอาแจ็กซ์ฯ 15 ล้านปอนด์

ซึ่งสื่อเจ้านี้ได้ระบุว่า เอ็ด วู้ดเวิร์ด รองประธานฝ่ายบริหารและผู้อำนวยการสโมสรฯ เดินทางไปประเทศเวลส์ เพื่อชมเกมยูฟ่า ซูเปอร์คัพ ระหว่างทีม เรอัล มาดริด พบทีม เซบีย่า แต่มีวาระซ่อนเร้น คือ ต้องการไปพูดคุยกับ อังเคล ดิ มาเรีย ปีกตัวเก่งทีมชาติอาร์เจนติน่า และหวังนำตัวมาร่วมทีมให้ได้

โดยที่ก่อนหน้านี้ หลุยส์ ฟาน กัล เคยออกมาเอ่ยปากชมว่า ดิ มาเรีย เป็นหนึ่งในปีกที่ดีที่สุดของโลก และ เรอัล มาดริด ก็พร้อมปล่อยตัว ดิ มาเรีย หากได้เงิน 50 ล้านปอนด์หรือ 2,698 ล้านบาท แลกเปลี่ยน

นอกจากนี้ทีม แมนฯยูไนเต็ด ยังได้สนใจ มาร์กอส โรโฮ แบ็กซ้ายทีมชาติอาร์เจนติน่าด้วย ซึ่งล่าสุด ตัวนักเตะใจไม่ได้อยู่กับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน แล้วและมีรายงานว่า โรโฮ ไม่ยอมลงฝึกซ้อมกับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาและร้องขอให้ต้นสังกัดขึ้นบัญชีขายเขาได้เลย

และอีกคนที่ หลุยส์ ฟาน กัล ต้องการตัวคือ ดาลี่ย์ บลินด์ ฟูลแบ็กทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ซึ่งมีค่าตัวราว 15 ล้านปอนด์หรือ 809 ล้านบาท ทั้งนี้ อาแจ็กซ์ฯ ยินดีที่จะปล่อยตัว บลินด์ ให้ไปร่วมงานกับอดีตเจ้านายของเขาอีกครั้งที่โรงละครแห่งความฝัน

โดยที่ท่านสามารถรับชม ฟุตบอล ผลบอล ตารางบอล โปรแกรมพรีเมียร์ลีก

เพิ่มเติมได้ที่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น