แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ฟุตบอล แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ฟุตบอล แสดงบทความทั้งหมด
วันอังคารที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2564

ติดตามผลบอล และ บทวิเคราะห์บอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : เชลซี vs เอฟเวอร์ตัน

 


ผลบอล Live Score

เชลซี 2-0 เอฟเวอร์ตัน

วันอังคาร 9 มีนาคม 2564 เวลา 01:00 สนาม : สแตมฟอร์ดบริดจ์

ข้อมูลที่น่าสนใจ : เชลซี vs เอฟเวอร์ตัน


พรีวิว : เชลซี เปิดบ้านชนะ เอฟเวอร์ตัน 2-0 ยังคงยึดอันดับ 4 ไว้ได้อย่างสวยงาม ทั้งยังไม่แพ้ใครมา 11 นัดแล้ว ซึ่งเกมนี้ ไค ฮาแวร์ตซ์ ทำผลงานได้ดีมีส่วนร่วมประตูถึง 2 ลูก ในตอนนี้ เชลซี มี 50 คะแนน หนีเอฟเวอร์ตัน ไปอีก 4 แต้ม

วิเคราะห์ก่อนเกม

ทีมเชลซี : ตอนนี้อยู่อันดับที่ 4 ของตาราง มี 47 แต้ม จาก 27 นัด โดยยังมีฟอร์มที่ยอมเยียมต่อเนื่องในลีก ชนะ 5 เสมอ 3 ยังไม่แพ้ใคร ตั้งแต่ โธมัส ทูเคิ่ล เข้ามาคุมทีม

ทีมเอฟเวอร์ตัน : ตอนนี้อยู่อันดับที่ 5 ของตาราง แข่ง 26 นัดมี 46 แต้ม โดยหลังจากพวกเขาสะดุดแพ้ 2 เกม ก็กลับมาโชว์ผลงานที่ยอดเยียมอย่างต่อเนื่อง คว้า 3 คะแนนในลีกไปแล้ว 3 นัดติดต่อกัน

สถิติ

ผลงานที่เจอกันล่าสุด 5นัด 

วันที่รายการทีมvsทีม
09 มี.ค. 64พรีเมียร์ลีกเชลซี2-0เอฟเวอร์ตัน
13 ธ.ค. 63พรีเมียร์ลีกเอฟเวอร์ตัน1-0เชลซี
08 มี.ค. 63พรีเมียร์ลีกเชลซี4-0เอฟเวอร์ตัน 
07 ธ.ค. 62พรีเมียร์ลีกเอฟเวอร์ตัน3-1เชลซี
17 มี.ค. 62พรีเมียร์ลีกเอฟเวอร์ตัน2-0เชลซี

ผลงาน 5 นัดล่าสุด

ทีมเชลซี 

วันที่รายการทีมvsทีม
05 มี.ค. 64พรีเมียร์ลีกลิเวอร์พูล0-1เชลซี
28 ก.พ. 64พรีเมียร์ลีกเชลซี0-0 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
24 ก.พ. 64ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกแอต.มาดริด0-1เชลซี
20 ก.พ. 64พรีเมียร์ลีก เซาแฮมป์ตัน1-1เชลซี
16 ก.พ. 64พรีเมียร์ลีกเชลซี2-0นิวคาสเซิล

 

ผลงาน 5 นัดล่าสุด

เอฟเวอร์ตัน

วันที่รายการทีมvsทีม
 05 มี.ค. 64พรีเมียร์ลีกเวสต์บรอมวิช 0-1 เอฟเวอร์ตัน 
 02 มี.ค. 64พรีเมียร์ลีกเอฟเวอร์ตัน 1-0 เซาแฮมป์ตัน 
 21 ก.พ. 64พรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล0-2เอฟเวอร์ตัน 
 18 ก.พ. 64พรีเมียร์ลีก เอฟเวอร์ตัน1-3 แมนเชสเตอร์ ซิตี้
 15 ก.พ. 64พรีเมียร์ลีก เอฟเวอร์ตัน0-2 ฟูแล่ม 


วันพุธที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2564

ข่าวเชลซี : แลมพาร์ด ยืนยันไม่กดดัน แม้สิงห์ฟอร์มรูด

 

แฟร้งค์ แลมพาร์ด ผู้จัดการทีม เชลซี ทีมดังแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เปิดใจหลังศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่เชลซี พ่ายให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-3 พร้อมเป็นไร้ชัยติดต่อ 3 เกมรวด

โดย แฟร้งค์ แลมพาร์ด กล่าวหลังเกมว่า “ปีนี้ผมคาดหวังถึงช่วงเวลาที่ยากลำบากเอาไว้ ผมเคยพูดตอนที่พวกเราเอาชนะลีดส์และผู้คนพากันยกให้เราเป็นทีมที่เป็นเต็งแชมป์ ผมรู้ว่ามันไม่ได้มาง่าย ๆ แบบนั้น ผมรู้ว่าเราอยู่ในตำแหน่งไหน

เมื่อหนึ่งเดือนที่แล้วมีคนถามว่าผมจะต่อสัญญาใหม่เมื่อไร ถึงตอนนี้พวกเขาคงพูดเรื่องที่แตกต่างไปจากเดิมเพราะเราอยู่ในจุดที่มีโปรแกรมแข่งขันอัดแน่นและเราก็แพ้ไป 4 นัดในเวลาสั้น ๆ

งานนี้ความกดดันมันมีอยู่เสมอ ในช่วงเวลาที่ยากลำบากความกดดันคือมีอยู่ ผมไม่ได้ไม่ตระหนักถึงสิ่งดังกล่าวครับ หน้าที่ของผมคือการเฝ้าทำงานและให้กำลังใจนักเตะ

พวกเรากำลังสู้เพื่อพยายามทาบขึ้นไปอยู่ในระดับเดียวกับพวกเขาและผมรู้ว่ามันต้องใช้เวลา ความเป็นจริงก็คือนักเตะหลายคนที่ย้ายเข้ามานั้นยังใหม่ ยังอายุน้อย เจอกับอาการบาดเจ็บและไม่ได้ลงสนามเล่นด้วยกัน นี่เป็นครั้งแรกที่ผมสามารถใช้งานซิเยค, พูลิซิชและแวร์เนอร์ในทีมเดียวกันได้

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเรามีแคแร็กเตอร์ที่จะหลุดพ้นออกจากสิ่งนี้ เพราะว่าเราเคยไม่แพ้ให้ใครมา 16 นัดติด สิ่งที่เราสามารถควบคุมได้คือสิ่งที่เราทำในคืนนี้ วันพรุ่งนี้ และวันถัดไปรวมทั้งสิ่งที่เราทำในเกมกับมอร์แคมบ์และสิ่งที่เราทำในเกมกับฟูแล่ม แลมพาร์ด กล่าว

ที่มา: ข่าวเชลซี : แลมพาร์ด ยืนยันไม่กดดัน แม้สิงห์ฟอร์มรูด

วันอังคารที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2564

ข่าวลิเวอร์พูล : คล็อปป์ น้อยใจโอดทีมไม่ได้ลูกจุดโทษ

 


เยอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการ ลิเวอร์พูล ทีมดังในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ออกอาการไม่พอใจที่ลูกทีมของเขาพลาดการได้จุดโทษอย่างน่ากังขาในเกมนัดล่าสุดที่บุกแพ้ เซาธ์แฮมป์ตัน 0-1 ที่ สนาม เซนต์ แมรี่ส์ เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 4 มกราคม ที่ผ่านมา

โดยในเกมมีสองจังหวะที่ นายใหญ่หงส์แดง ไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงไม่เป็นลูกจุดโทษ จังหวะแรกคือ จินี่ ไวจ์นัลดุม ยิงไปโดนแขนของ แจ็ค สตีเฟ่นส์ ในเขตโทษ ส่วนจังหวะที่สองเป็น ซาดิโอ มาเน่ กระชากถึงเส้นหลังก่อนโดน ไคล์ วอล์คเกอร์-ปีเตอร์ส สะกิดล้มลง

ก่อนที่ กุนซือชาวเยอรมนี จะให้สัมภาษณ์หลังเกมว่า "เรามีมุมที่เห็นได้ชัดเลยนะกับจังหวะแฮนด์บอล และผมก็หันไปถามผู้ตัดสินที่ 4 แล้วถามว่า 'คุณเช็คจังหวะนี้หรือยัง?' และเขาก็ตอบว่า 'เราเช็คแล้ว มันไม่ใช่จุดโทษ' นั่นเป็นเรื่องจริง 100 เปอร์เซนต์"



"ตอนนี้คงต้องมีใครซักคนบอกผมหน่อยว่าเข้าเห็นทุกมุมได้เร็วขนาดนี้ได้อย่างไร แต่แน่นอนพวกเขายืนยันว่ามันไม่ใช่จุดโทษ"

"เราเคยเจอกับช่วงเวลาแบบนี้เมื่อปีที่ผ่านมา ตอนที่เราได้จุดโทษในเกมกับ เลสเตอร์ ซิตี้ แล้วมีบางคนบอกว่า ซาดิโอ มาเน่ ล้มง่ายเกินไป ผมขอบอกเลยว่าถ้าเด็กคนนี้ล้มง่าย ป่านนี้เราคงได้จุดโทษในเกมกับนิวคาสเซิ่ลไปแล้ว (เสมอ 0-0)"

"สิ่งที่ อันเดร มาร์ริเนอร์ ทำกับ ซาดิโอ มาเน่ ในค่ำคืนนี้ บอกตามตรงผมไม่มั่นใจว่ามันจะโอเคนะ นักเตะพยายามทำทุกอย่างๆ เต็มที่นะ แต่ก็มีหลายจังหวะที่ควรเป็นฟรีคิกด้วย แถมในจังหวะที่เขาล้ม หากคุณได้ดูอีกครั้ง เขาถูกสะกิดที่เท้าซ้าย และมันต้องเป็นจุดโทษ แต่เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้แล้วในตอนนี้"

ที่มา: https://www.sanook.com/sport/1186417/

วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

ปัจจุบันของ เดฮาร์ สาวที่เคยมีคดีกับ "2 แข้งดังตราไก่" (ภาพ)

 


ข่าวกีฬา พาไปชมปัจจุบันของ ซาเฮีย เดฮาร์ นางแบบสาวชื่อดังที่อดีตเคยออกมายอมรับว่ามีอาชีพขายบริการ และเคยมีลูกค้าเป็น 2 แข้งดังชาวฝรั่งเศสอย่าง ฟรองค์ ริเบรี กับ คาริม เบนเซมา ตั้งแต่เธอยังไม่บรรลุนิติภาวะจนกลายเป็นข่าวฉาวทั่วโลกมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน

ถ้าหากย้อนรายละเอียดเรื่องดังกล่าวต้องย้อนไปเมื่อช่วงต้นปี 2014 ซาเฮีย เดฮาร์ ในวัย 21 ปี ณ ตอนนั้น มีคดีกับสองนักฟุตบอลดังในข้อหาซื้อประเวณีเด็ก โดยอัยการระบุว่า ริเบรีและเบนเซมาซื้อบริการทางเพศเดฮาร์ ตั้งแต่เธออายุ 16 ปี ซึ่งมีโทษสูงสุดคือจำคุก 3 ปี

เนื่องจากอาชีพโสเภณีในประเทศฝรั่งเศสนั้นถือเป็นอาชีพที่ถูกกฎหมาย แต่ผู้ที่จะประกอบอาชีพนี้ได้ต้องมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ดังนั้น การที่ริเบรีและเบนเซมาซื้อบริการเดฮาร์ในตอนนั้นจึงถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย

แต่ทางเดฮาร์เองได้ให้การในชั้นศาลว่า เธอไม่ได้มองว่าตัวเองเป็นเหยื่อและไม่เคยคิดเช่นนั้น ด้านฝั่งทนายของริเบรีก็รับลูกว่าตอนนั้นทั้งสองแข้งดังก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเดฮาร์อายุเท่าไร

สุดท้ายเรื่องราวจบลงด้วยการที่ทั้งริเบรี, เบนเซมา และเดฮาร์ ไม่รู้ไปคุยกันนอกรอบท่าไหน เดฮาร์ตัดสินใจถอนฟ้องในฐานะโจทก์ ส่งผลให้คดีนี้สิ้นสุดไป

ที่มา: https://www.sanook.com/sport/1177952/

วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

ชิรูด์ พร้อมช่วย เชลซี ทุกเมื่อแม้ต้องนั่งสำรองตลอด

 



ข่าวกีฬา โอลิวิเยร์ ชิรูด์ กองหน้าจอมเก๋าของ เชลซี ยืนยันว่าเขาจะมุ่งมั่นทำหน้าที่ของตัวเองต่อไปเมื่อได้รับโอกาสในการลงสนาม หลังจากที่เป็นคนทำประตูชัยในเกมล่าสุดให้กับสโมสร ตามรายงานจาก อาร์เอ็มซี สปอร์ต

ดาวยิงชาวฝรั่งเศสถูกเปลี่ยนตัวลงสนามในครึ่งหลังและทำประตูชัยให้ สิงห์บลู เอาชนะ แรนส์ ไปได้ ผลบอล 2-1 พาทีมผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอ้าท์ในศึก ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก ได้เป็นทีมแรกของอังกฤษ

เราต้องรักษาฟอร์มการเล่นแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ เราเก็บชัยชนะได้ในเกมนี้ แม้มันจะเป็นเรื่องที่ยากเย็นก็ตาม - ชิรูด์ กล่าวลังจบเกม

เห็นได้ชัดว่าสำหรับการเป็นนักเตะในแนวรุกเมื่อโค้ชส่งคุณลงสนาม คุณก็ต้องทำอะไรซักอย่าง

ซึ่งตอนนี้ผมให้ความสำคัญกับสิ่งที่ผมจะต้องทำ เมื่อถูกเรียกให้ลงสนาม ผมก็ต้องหน้าที่ ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น

ข่าวโดย: https://www.sanook.com/sport/1177841/

บราก้า VS เลสเตอร์ 3-3 ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก 2020-21

 บราก้า VS เลสเตอร์ 3-3 ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก 2020-21




ผลบอล ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก รอบแบ่งกลุ่มนัดที่ 4 กลุ่ม G เลสเตอร์ ซิตี้ บุกเยือน เอสตาดิโอ มูนิซิปาล เดอ บราก้า ของทีม เอสซี บราก้า โดยก่อนลงสนามเลสเตอร์ เป็น จ่าฝูงของกลุ่มมี 9 คะแนนเต็มจากสามนัด ขณะที่เจ้าบ้าน บราก้า มี 6 คะแนนจาก 3 นัดเป็นรองจ่าฝูง

เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ส่งคสเปอร์ ชไมเคิ่ล,มาร์ค อัลไบรท์ตัน,เจมส์ จัสติน,จอนนี่ อีแวนส์,คริสเตียน ฟุคส์,ลุค โธมัส,ฮัมซ่า เชาฮ์ดรี้,เดนนิสปราท,ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์,เซนกิซ อุนแดร์,เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ ลงเป็น 11 ตัวจริง

เกมเริ่มมาแค่ 5 นาที เจ้าบ้านบราก้าได้ประตูออกนำไปก่อน เมื่อแนวรับเลสเตอร์ เคลียร์บอลไม่ดีจากจังหวะยิงของ ลูริ เมเดรอส แล้วบอลกระฉอกมาเข้าทาง จากจังหวะยิงไกลของ อัล มัสราติ ที่ยิงเสียบเสาไกลอย่างสวยงาม บราก้า ออกนำแล้ว 1-0

เช็คผลบอล ทุกคู่ ทุกแมทซ์ ได้เลยที่ Program Football

จากนั้นแค่ 4 นาที เลสเตอร์ ก็มาได้ประตูตีเสมอ เมื่อ เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ ที่เก็บบอลได้บริเวณกรอบเขตโทษแล้วจ่ายต่อออกด้านซ้าย ให้ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ เติมเข้ามายิงผ่านมือ มัทเธอุส ผู้รักษาประตูของบราก้า หมดสิทธิ์ป้องกัน เลสเตอร์ ตีเสมออย่างรวดเร็ว 1-1

บราก้ามาได้ประตูขึ้นนำอีกครั้งในนาทีที่ 24 จากจังหวะที่ ริคาร์โด้ ฮอร์ต้า หลุดแนวรับเลสเตอร์แล้วตวัดจากเส้นหลังกลับมาให้ เปาลินโญ่ ยิงเข้าไปง่าย ๆ เจ้าบ้านขึ้นนำอีกครั้ง 2-1

ครึ่งหลังน.79 เลสเตอร์ ซิตี้ มาตีเสมอได้ จากจังหวะที่ เจมส์ แมดดิสัน พาบอลหนีผู้เล่นบราก้า ไปถึงเส้นหลัง แล้วตบเข้ากลางให้ ลุค โธมัส เข้าชาร์จหน้าประตู “จิ้งจอกสยาม” ตีเสมอ 2-2 เกมทำท่าจะจบลงด้วยการเสมอกัน 2-2

แต่แล้วนาทีที่ 90+1 เจ้าบ้านก็ได้จังหวะโต้กลับ กาเลโน่ กองหน้าตัวเก่งของบราก้า พาบอลลุยเข้าเขตโทษแล้วไหลออกด้านข้างให้ ฟรานแซร์จิโอ ตัวสำรองวิ่งสอดเข้ามายิงผ่านมือ ชไมเคิ่ล เข้าไปให้เจ้าบ้านนำ 3-2

แต่ทัพ จิ้งจอกสยาม ก็ตายยากช่วงทดเจ็บนาทีที่ 5 มาร์ค อัลไบรท์ตัน ก็ได้ทะลุขึ้นมาริมเส้นฝั่งขวาแล้วเปิดลึกมาเสาสอง เจมี่ วาร์ดี้ รอสังหารไม่พลาด จบเกมเสมอกัน 3-3

หลังจบเกมนัดนี้ เลสเตอร์ ซิตี้ มี 10 คะแนนจาก 4 นัด ผ่านเข้าไปเล่นในรอบต่อไปของศึก ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก แน่นอนแล้ว

วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

บุรีรัมย์ VS ระยอง เอฟซี 5-1 ศึกไทยลีก นัดตกค้าง (คลิป)

 

การแข่งขัน ฟุตบอลโตโยต้า ไทยลีก 2020 นัดตกค้าง เมื่อวันพุธที่ 11 พฤศจิกายน 2563 ที่ ช้างอารีนา “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านรับการมาเยือนของ “ม้านิลมังกร” ระยอง เอฟซี

เริ่มเกมครึ่งแรก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่มาในชุดสีกรมท่าล้วน เขี่ยบอลเล่นก่อนบุกจากขวาไปซ้าย ส่วน ระยอง เอฟซี ที่มาในชุดสีแดงล้วน บุกจากซ้ายมาขวาของสนาม

นาทีที่ 7 ปราสาทสายฟ้า ได้เตะมุมทางขวา รัตนากร ใหม่คามิ เปิดบอลโค้งมาที่เสาแรก อภิวัฒน์ งั่วลำหิน ได้โหม่งบอลพุ่งตรงกรอบประตู กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล ยืนอยู่ถูกที่รับบอลเข้าซองไว้ได้

นาทีที่ 9 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้ตั้งเกมบุกขึ้นมาทางซ้าย ศศลักษณ์ ไหประโคน ไหลบอลให้ จักรพันธ์ แก้วพรม เปิดบอลย้อยเข้าไปในเขตโทษ มาร์โก เซโปวิช โหม่งสบัดบอลเข้าประตูไปที่เสาไกล บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ออกนำ ระยอง เอฟซี 1-0

นาทีที่ 14 ปราสาทสายฟ้า มาได้ฟรีคิกทางฝั่งซ้าย กีดี คานยุค เปิดบอลยาวไปที่เสาสอง พรรษา เหมวิบูลย์ โหม่งบอลกดลงพื้นมาเข้าทาง เรนาโต เคลิช ได้โหม่งไปติดกองหลัง ก่อนที่บอลจะเด้งมาเข้าทาง เรนาโต เคลิช ยิงฮาร์ฟวอลเลย์บอลพุ่งไปตรงตัว กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล ทว่าบอลแรงเลยแฉลบเข้าประตูไป บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด หนี ผู้มาเยือนเป็น 2-0

นาทีที่ 31 ระยอง เอฟซี ได้ตั้งเกมบุกบ้างก่อนที่บอลจะมาถึง อาดัลกิโซ โรช่า เนโต ได้แต่งบอลหน้ากรอบเขตโทษแล้วตัดสินใจยิงบอลเร็ว บอลพุ่งแรงไปชนเสาเด้งเข้าประตูไป  ม้านิลมังกร ไล่มาเป็น 1-2

จากนั้น ปราสาทสายฟ้า เป็นฝ่ายเปิดเกมบุกใส่ได้ดีกว่า แต่เมื่อบอลเข้าพื้นที่สุดท้ายยังไม่สามารถเจาะแนวรับผู้มาเยือนเข้าไปยิงประตูเพิ่มได้ ทำให้จบครึ่งแรก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ออกนำ ระยอง เอฟซี อยู่ที่สกอร์ 2-1

กลับมาเล่นครึ่งหลัง นาทีที่ 47 ทีมเยือนมาได้ฟรีคิกทางซ้าย วรุตน์ สัพโส เปิดบอลโค้งแรงพุ่งผ่านเสาออกหลังไป

นาทีที่ 50 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้เตะมุมทางซ้าย รัตนากร ใหม่คามิ เปิดบอลเข้ามาในเขตโทษ พรรษา เหมวิบูลย์ ได้กระโดดขึ้นโหม่ง ทว่าบอลเบาไปหน่อย กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ รับบอลไว้ได้สบาย

นาทีที่ 52 สุภโชค สารชาติ ได้บอลทางซ้ายก่อนจะลากจี้เข้าไปในเขตโทษ พยายามจะจ่ายเข้ามากลางประตูให้เพื่อน ทว่าผู้เล่นทีมเยือนล้มตัวเตะสกัดบอลออกหลังไปได้ฉิวเฉียด

 นาทีที่ 55 ทีมยือนต้องมาเหลือ 10 คน จากจังหวะที่ สุวัฒน์ จันทร์บุญภา ที่มีใบเหลืองติดตัวมาตั้งแต่ครึ่งแรก มาเสียเหลี่ยมดึง สุภโชค สารชาติ ล้มลงก่อนที่จะพาบอลเข้าเขตโทษ ผู้ตัดสินไม่รอช้าเป่าเป็นฟรีคิกของเจ้าถิ่น พร้อมชูใบเหลืองที่ 2 ให้ สุวัฒน์ จันทร์บุญภา กลายเป็นใบแดงไล่ออกจากสนามไป  

นาทีที่ 66 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มาได้ลูกเตะมุมทางฝั่งขวา รัตนากร ใหม่คามิ เปิดบอลโค้งไปกลางประตู ศุภชัย ใจเด็ด ทะยานขึ้นโหม่งคนเดียวเหน่งๆ บอลหายเข้าประตูไป บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด  3-1  ระยอง เอฟซี

นาทีที่ 74 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ต่อบอลในแดนของคู่ต่อสู้สุดสวย ก่อนที่จะเป็น จักรพันธ์ แก้วพรม จ่ายบอลหักข้อให้ สุภโชค สารชาติ ใช้ความเร็วแตะบอลผ่าน กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล นายด่านม้านิลมังกร แล้วยิงบอลกลิ้งหายเข้าประตูไป ปราสาทสายฟ้า หนีห่างเป็น 4-1

นาทีที่ 79 สุภโชค สารชาติ ได้บอลตรงกลางสนามก่อนจะลากขึ้นหน้าจ่ายทะลุช่องให้ จักรพันธ์ แก้วพรม หลุดเข้าไปในเขตโทษ ก่อนที่ จักรพันธ์ แก้วพรม จะจ่ายบอลหักกลับมาหลังให้ เควิน อินเกรโซ ยิงบอลหายเข้าประตูไป บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด หนีไปไกลเป็น 5-1

จากนั้นเข้าสู้ช่วงท้ายเกม ปราสาทสายฟ้า ที่มีผู้เล่นมากกว่า ก็ยังคงโหมบุกอย่างหนักหวังที่จะเอาประตูเพิ่ม แต่ก็เจาะเข้าไปยิงเพิ่มไม่ได้ ทำให้จบ 90 นาที บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เอาชนะ ระยอง เอฟซี ไปได้ 5-1 ส่งผลให้ ปราสาทสายฟ้า คว้า 3 คะแนนไปครอง พร้อมขยับไปมี 14 คะแนน จากการลงสนาม 11 นัด


รายชื่อผู้เล่นทั้ง 2 ทีม

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด :

  1. ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน (ผู้รักษาประตู)
  2. พรรษา เหมวิบูลย์
  3. เรนาโต เคลิช
  4. อภิวัฒน์ งั่วลำหิน (เควิน อินเกรโซ น.58)
  5. ศศลักษณ์ ไหประโคน
  6. นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม (C)
  7. รัตนากร ใหม่คามิ
  8. จักรพันธ์ แก้วพรม
  9. สุภโชค สารชาติ
  10. กีดี คานยุค (อัคบาร์ อิสมาตุลเลฟ น.70)
  11. มาร์โก เซโปวิช (ศุภชัย ใจเด็ด น.46)


ระยอง เอฟซี :

  1. กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล (ผู้รักษาประตู)
  2. วัชรินทร์ เนื่องพระแก้ว
  3. ปาร์ค แต ฮย็อง
  4. วสุศิวกิจ ภูสีฤทธิ์ (เจตน์จิณณ์ ศรีปราชญ์ น.87)
  5. กีรติ แก้วหนองแดง
  6. สุวัฒน์ จันทร์บุญภา
  7. วรุตน์ สัพโส (ฮัน ชางวู น.60)
  8. อนุชิต เงินบุคคล (C)
  9. เทพพิทักษ์ พูลจวง (เมธี สาระคำ น.77)
  10. ดานิโล เซซาริโอ
  11. อาดัลกิโซ โรช่า เนโต

ยูเวนตุส เร่ขาย โรนัลโด้ ลดภาระค่าเหนื่อยของทีม

 

สปอร์ต สื่อจากแดนสเปน ระบุว่า ยูเวนตุส กำลังหาลู่ทางในการขาย คริสเตียโน โรนัลโด้ ออกจากทีมหลังประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนักในช่วงวิกฤตโควิด-19 นี้

ปัจจุบันดาวยิงชาวโปรตุเกสวัย 35 ปี รับค่าเหนื่อยจากต้นสังกัดสูงถึง 540,000 ปอนด์ (ราว 21.7 ล้านบาท) ต่อสัปดาห์ ซึ่งสูงเกือบเป็นสี่เท่าของที่ มัทไธส์ เดอ ลิกต์ ปราการหลังดาวรุ่งชาวดัตช์ได้รับค่าเหนื่อยสูงเป็นอันดับ 2 ของทีมอยู่

ที่มา: https://www.sanook.com/sport/1175738/

สัญญาฉบับปัจจุบันของโรนัลโด้ กำลังจะหมดลงในปี 2022 ทำให้บอร์ดบริหารของทัพเบียงโคเนรีต้องรีบหาผู้ซื้อให้ได้โดยเร็วก่อนที่จะต้องเสียเขาไปแบบฟรีๆ

โดยรายงานยังระบุเพิ่มเติมด้วยว่าเงื่อนไขในการขยายสัญญาของเจ้าตัว จะทำให้สโมสรต้องเสียเงินก้อนไปอีกจำนวนมโหฬาร

ยูเวนตุสยอมทุ่มเงินถึง 99 ล้านปอนด์คว้าตัวซูเปอร์สตาร์รายนี้มาจากเรอัล มาดริด เพราะพวกเขาหวังว่านี่จะเป็นการเติมเต็มจิกซอว์ชิ้นสุดท้ายที่ทำให้พวกเขาจะสามารถคว้าถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มาครองให้ได้ แต่จนแล้วจนรอดพวกเขาก็ไปไกลได้ที่สุดแค่เพียงรอบรองชนะเลิศ และรอบ 16 ทีมสุดท้ายเท่านั้น

วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

ลิเวอร์พูล งานเข้า เทรนต์ พัก 4 สัปดาห์ พลาด 5 เกมสำคัญ

 


ข่าวลิเวอร์พูล : เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แบ็กขวาตัวเก่งของ ลิเวอร์พูล จะพลาดช่วยต้นสังกัดราว 4 สัปดาห์ หลังบาดเจ็บในเกมบุกไปเสมอ แมนฯ ซิตี้ 1-1 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

ล่าสุด พอล จอยซ์ นักข่าวคนดังเปิดเผยว่า เทรนต์ต้องพักราว 4 สัปดาห์ ทำให้เจ้าตัวจะพลาดโปรแกรมสำคัญทั้งทีมชาติและสโมสร โดยเขาจะหมดสิทธิ์เล่นในเกมพบ เลสเตอร์ ซิตี้, ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน และ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส รวมทั้งเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รับมือ อตาลันต้า กับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ซึ่งทั้ง 2 แมตช์จะแข่งในแอนฟิลด์

ฟูลแบ็กทีมชาติอังกฤษวัย 22 ปี ต้องออกสนามหลังจากผ่านไปเพียงแค่ 60 นาทีในเกมที่เอติฮัด สเตเดี้ยม  โดยการเจ็บครั้งนี้ของเทรนต์ ทำให้ เยอร์เกน คล็อปป์ อาจใช้งาน เนโก วิลเลียมส์ แบ็กขวาดาวรุ่งชาวเวลส์ ลงทำหน้าที่แทน รวมถึง เจมส์ มิลเนอร์ และ ฟาบินโญ่ ที่สามารถลงเล่นในตำแหน่งนี้ได้เช่นกัน

ที่มา: https://www.sanook.com/sport/1175634/

วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

ผลบอล : บาเลนเซีย VS เรอัล มาดริด 4-1 - ลาลีกา สเปน

 

การแข่งขัน ฟุตบอล ลาลีกา สเปน คู่ระหว่าง บาเลนเซีย พบกับ เรอัล มาดริด ที่สนาม เอสตาดิโอ เด เมสตาย่า เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน 2563

เปิดเกมมา 10 นาที ทีมเยือนได้โอกาสทักทายก่อนจาก มาร์โก อาเซนซิโอ ที่ได้กดด้วยซ้ายหน้าเขตโทษแต่บอลหลุดเสาไกลออกหลังไป

นาทีที่ 23 "ราชันชุดขาว" ต่อเกมได้สวย มาร์เซโล่ ไหลคืนให้ คาริม เบนเซม่า สับไกด้วยขวาบอลพุ่งผ่านมือ เยาเม่ โดเมเน็ค ตุงตาข่าย เรอัล มาดริด นำ 1-0

นาทีที่ 29 เจ้าถิ่นมาได้จุดโทษจากจังหวะที่ โฆเซ่ กาย่า เปิดบอลไปติดแขน ลูกัส บาสเกซ ผู้ตัดสินเป่าทันทีซึ่ง การ์ลอส โซเลร์ สังหารเข้าไปไม่พลาดในครั้งที่สองหลังครั้งแรก VAR สั่งให้ยิงใหม่ทำให้ บาเลนเซีย ตีเสมอ 1-1

ท้ายครึ่งแรก นาทีที่ 45+1 มักซี่ โกเมซ เปิดบอลแฉลบก่อนเป็น ราฟาแอล วาราน พยายามสกัดแต่โดนไม่ดีบอลข้ามตัว ติโบลต์ กูร์กตัวส์ เข้าประตูตัวเอง บาเลนเซีย แซงนำ 2-1 พร้อมหมดครึ่งแรก

ครึ่งหลัง นาทีที่ 52 เจ้าบ้านมาได้จุดโทษอีกจากจังหวะที่ มักซี่ โกเมซ โดน มาร์เซโล่ ทำฟาวล์ และเป็น การ์ลอส โซเลร์ สังหารเข้าไปไม่พลาด บาเลนเซีย หนีเป็น 3-1

นาทีที่ 60 เจ้าถิ่นมาได้จุดโทษอีกครั้งจากจังหวะที่ เซร์คิโอ รามอส ใช้มือปัดบอลในเขตโทษ ผู้ตัดสินดู VAR ก่อนชี้ทันที และเป็น การ์ลอส โซเลร์ สังหารเข้าไปไม่พลาด บาเลนเซีย ทิ้ง 4-1 รวมทั้งเป็นแฮตทริกของเจ้าตัวในเกมนี้

จบเกม "ค้างคาว" บาเลนเซีย เปิดบ้านเอาชนะ เรอัล มาดริด ไปได้ 4-1 เก็บสามแต้มขยับมาอยู่ที่ 9 ขณะที่ "ราชันชุดขาว" รั้งอันดับที่ 4 ของตาราง

ที่มา: บาเลนเซีย VS เรอัล มาดริด 4-1


รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

บาเลนเซีย (4-2-2)

  1. เยาเม่ โดเมเน็ค
  2. ดาเนี่ยล วาส
  3. กาเบรียล เปาลิสต้า
  4. อูโก้ กียามอน
  5. โฆเซ่ กาย่า
  6. ยูนุส มูซาห์
  7. การ์ลอส โซเลร์
  8. อูรอส ราซิช
  9. เดนิส ชีรีเชฟ
  10. ลี คัง อิน
  11. มักซี่ โกเมซ

เรอัล มาดริด (4-3-3)

  1. ติโบลต์ กูร์กตัวส์
  2. ลูกัส บาสเกซ
  3. เซร์คิโอ รามอส
  4. ราฟาแอล วาราน
  5. มาร์เซโล่
  6. เฟเดรีโก้ บัลเบร์เด้
  7. อิสโก้
  8. ลูก้า โมดริช
  9. มาร์โก อาเซนซิโอ
  10. คาริม เบนเซม่า
  11. วินิซิอุส จูเนียร์

ผลบอลล่าสุด

ผลบอล : แมนซิตี้ VS ลิเวอร์พูล 1-1 ดึงหงส์แดงหล่นจ่าฝูง

 ผลบอล : แมนซิตี้ VS ลิเวอร์พูล 1-1 ดึงหงส์แดงหล่นจ่าฝูง






การแข่งขัน ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คู่ระหว่าง "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พบกับ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ที่สนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน 2563

เริ่มเกมมาเพียงแค่นาทีแรก ทีมเยือนได้ลุ้นทันที เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ วางบอลยาวให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ได้หลุดเดี่ยวแต่ เอแดร์ซอน ออกมาบล็อกไว้ได้ทัน

นาทีที่ 12 "หงส์แดง" มาได้จุดโทษจากจังหวะที่ ไคล์ วอล์คเกอร์ ไปแหย่ขาสกัด ซาดิโอ มาเน่ ล้มลงในเขตโทษ ก่อนที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จะสังหารเข้าไปเด็ดขาด ลิเวอร์พูล นำ 1-0

นาทีที่ 25 เจ้าบ้านเกือบได้ประตูตีเสมอ เควิน เดอ บรอยน์ ผ่านบอลโค้งไปเสาสองถึง ราฮีม สเตอร์ลิง ได้กดด้วยขวาแต่ติดตัว อลิสซอน ก่อนที่ โฌเอล มาติป จะตามมาเตะทิ้งได้ทัน

นาทีที่ 31 เจ้าถิ่นลุยต่อ เควิน เดอ บรอยน์ ไหลเข้ากลางให้ กาเบรียล เชซุส พลิกกลับหลังหลบ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ อย่างเหนือชั้นก่อนจิ้มบอลตุงตาข่าย แมนฯ ซิตี้ ตีเสมอ 1-1

นาทีที่ 37 แมนฯ ซิตี้ มาได้จุดโทษจากจังหวะที่ เควิน เดอ บรอยน์ เปิดไปโดนแขนของ โจ โกเมซ ผู้ตัดสินดู VAR ก่อนชี้ทันที อย่างไรก็ตาม เควิน เดอ บรอยน์ กลับยิงหลุดเสาออกไป หมดครึ่งยังเสมอกัน 1-1

กลับมาเล่นต่อครึ่งหลัง นาทีที่ 50 ลิเวอร์พูล เกือบได้ทันที โมฮาเหม็ด ซาลาห์ สับไกด้วยซ้ายบอลแฉลบแนวรับทำให้ เอแดร์ซอน ต้องทุบทิ้งก่อนไปเข้าทาง ดีโอโก้ โชต้า จับแล้วยิงแต่บอลเบาไป เอแดร์ซอน ล้มตัวรับไว้ได้ไม่ยาก

นาทีที่ 55 เจ้าบ้านน่าจะได้เหมือนกัน เฟร์ราน ตอร์เรส บรรจงวางบอลเข้าเขตโทษให้ กาเบรียล เชซุส วิ่งสอดเข้ามาเทกตัวโขกเหน่งๆ แต่บอลหลุดเสาแรกออกไปอย่างน่าเสียดาย

ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่ม จบเกม "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านเสมอกับ ลิเวอร์พูล 1-1 แบ่งกันทีมละหนึ่งแต้ม ทำให้ "หงส์แดง" หล่นจากจ่าฝูงมาอยู่อันดับที่ 3



รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (4-3-3) :
  1. เอแดร์ซอน โมราเอส
  2. ไคล์ วอล์คเกอร์
  3. รูเบน ดิอาส
  4. อายเมอริก ลาป๊อร์ก
  5. ชูเอา กันเซโล่
  6. เควิน เดอ บรอยน์
  7. โรดรี้
  8. อิลคาย กุนโดกัน
  9. ราฮีม สเตอร์ลิง
  10. กาเบรียล เชซุส
  11. เฟร์ราน ตอร์เรส (แบร์นาร์โด้ ซิลวา น.61)

ลิเวอร์พูล (4-2-3-1) : 
  1. อลิสซอน เบ็คเกอร์
  2. เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (เจมส์ มิลเนอร์ น.63)
  3. โฌเอล มาติป
  4. โจ โกเมซ
  5. แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน
  6. จอร์แดน เฮนเดอร์สัน
  7. จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม
  8. ดีโอโก้ โชต้า
  9. โมฮาเหม็ด ซาลาห์
  10. ซาดิโอ มาเน่
  11. โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ (เซอร์ดาน ชากิรี่ น.59)
วันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

เชลซี VS เชฟฯ ยูไนเต็ด 4-1 : ผลบอลพรีเมียร์ลีก 2020-2021

 


ผลบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คู่ระหว่าง เชลซี VS เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ที่สนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา

เริ่มเกมมาแค่ 4 นาที เจ้าบ้านเกือบได้ประตูนำ รีซ เจมส์ เปิดไปเสาแรกให้ แทมมี่ อบราฮัม ไขว้ยิงบอลเลยไปเสาสองถึง เบน ชิลเวลล์ กดด้วยซ้ายจ่อๆ แต่ แอรอน แรมส์เดล นายด่านทีมเยือนเซฟได้เหลือเชื่อ

นาทีที่ 9 ทีมเยือนมาได้ลูกเตะมุมก่อนเล่นสั้น จอร์จ บัลด็อค เปิดเรียดไปในเขตโทษ ซานเดอร์ เบิร์ก ยิงด้วยซ้าย เดวิด แม็คโกลดริก ยิงเปลี่ยนทางเข้าไป เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ออกนำ 1-0

นาทีที่ 23 เจ้าถิ่นลุยหนัก ฮาคิม ซิเย็ค วางบอลให้ มาเตโอ โควาซิช หลุดเข้าเขตโทษก่อนเปิดหักเข้ากลางถึง แทมมี่ อบราฮัม วอลเลย์เสียบเสาสองเข้าไป เชลซี ตีเสมอ 1-1

นาทีที่ 35 เจ้าบ้านมาได้ลูกเตะมุม มาเตโอ โควาซิช เล่นสั้นไหลบอลมาถึง ฮาคิม ซิเย็ค บรรจงปั่นโค้งไปเสาสองให้ เบน ชิลเวลล์ ชาร์จจ่อๆ ตุงตาข่ายไม่เหลือ เชลซี แซงนำ 2-1 พร้อมหมดครึ่งแรก

กลับมาเล่นต่อครึ่งหลัง นาทีที่ 77 "สิงห์บลูส์" มาได้ฟรีคิกริมเส้นฝั่งขวา ฮาคิม ซิเย็ค เปิดโค้งไปหน้าประตู ติอาโก้ ซิลวา วิ่งโขกเปลี่ยนทางเสียบเสาสองเข้าไป เชลซี หนีเป็น 3-1

ท้ายเกมนาทีที่ 81 จากจังหวะแย่งบอลกลางสนาม แม็กซ์ โลว์ เตะสกัดคืนหลังพลาดไปเข้าทาง ติโม แวร์เนอร์ ได้หลุดเดี่ยวเข้าไปซัดสวนตัว แอรอน แรมส์เดล ตุงตาข่าย เชลซี ทิ้งห่าง 4-1

จบเกม เชลซี เปิดรังไล่ถล่ม เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 4-1 เก็บสามแต้มสำคัญ พร้อมแซงขึ้นไปอยู่อันดับ 3 มี 15 คะแนนเท่ากับ เลสเตอร์ ซิตี้ แต่แข่งมากกว่าอยู่ 1 เกม


รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

เชลซี (4-2-3-1) :

  1. เอดูอาร์ เมนดี้
  2. รีซ เจมส์
  3. ติอาโก้ ซิลวา
  4. คูร์ท ซูม่า
  5. เบน ชิลเวลล์
  6. มาเตโอ โควาซิช (จอร์จินโญ่ น.71)
  7. เอ็นโกโล่ ก็องเต้
  8. เมสัน เม้าน์ท
  9. ฮาคิม ซิเย็ค
  10. แทมมี่ อบราฮัม
  11. ติโม แวร์เนอร์ (โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ น.87)


เชฟฯ ยูไนเต็ด (3-5-2) :

  1. แอรอน แรมส์เดล
  2. คริส บาแชม
  3. จอห์น อีแกน
  4. เอ็นดา สตีเว่นส์
  5. จอร์จ บัลด็อค
  6. ซานเดอร์ เบิร์ก
  7. โอลิเวอร์ นอร์วู้ด (เบน ออสบอร์น น.62)
  8. จอห์น ลุนด์สแตรม
  9. แม็กซ์ โลว์
  10. ริยาน บริวส์เตอร์ (โอลิเวอร์ แม็คเบอร์นี่ น.63)
  11. เดวิด แม็คโกลดริก
อัปเดตผลบอลสดๆ เรียลไทม์ ทุกคู่ได้เลยที่ : ผลบอลสด

ดอร์ทมุนด์ 2-3 บาเยิร์น มิวนิค : ผลบอล บุนเดสลีกา เยอรมนี

 ดอร์ทมุนด์ 2-3 บาเยิร์น มิวนิค : ผลบอล บุนเดสลีกา เยอรมนี





การแข่งขันฟุตบอล บุนเดสลีกา เยอรมนี คู่ระหว่าง ดอร์ทมุนด์ พบกับ บาเยิร์น มิวนิค ที่สนาม ซิกนัล อิดูน่า พาร์ค เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา

เริ่มเกมมาเพียงแค่นาทีแรก ทีมเยือนเกือบได้ประตูออกนำจากจังหวะที่ ลูกัส แอร์กน็องเดซ วางบอลเข้าเขตโทษแนวรับเจ้าถิ่นสกัดมาเข้าทาง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ได้ยิงด้วยขวาแต่บอลเข้าข้างตาข่าย

นาทีที่ 14 "เสือใต้" เกือบได้อีกครั้ง เยโรม บัวเต็ง เปิดบอลโค้งไปที่เสาสองให้ ลีออน โกเร็ตซ์ก้า ได้ขึ้นโขกคนเดียวโล่งๆ เต็มหัวแต่ โรมัน เบือร์กี้ โชว์ซูเปอร์เซฟพุ่งปัดไว้ได้

นาทีที่ 45 เจ้าถิ่นที่บุกน้อยกว่ามาได้จังหวะสวนกลับ ราฟาแอล เกร์เรยโร่ หลุดมาทางซ้ายก่อนเปิดไปในเขตโทษ มาร์โค รอยส์ วิ่งมาแปเสยเพดานเข้าไป ดอร์ทมุนด์ ออกนำ 1-0

อย่างไรก็ตาม นาทีที่ 45+3 ทีมเยือนมาได้ฟรีคิกหน้าเขตโทษก่อนเล่นลูกสั้นไหลให้ ดาวิด อลาบา ปั่นด้วยซ้ายเสียบเสาเข้าไปเด็ดขาด บาเยิร์น มิวนิค ตีเสมอ 1-1 พร้อมหมดครึ่งแรก

ครึ่งหลังนาทีที่ 48 บาเยิร์น มิวนิค แซงนำ 2-1 ลูกัส แอร์กน็องเดซ เปิดบอลไปหน้าประตู โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ วิ่งมาโฉบโหม่งเปลี่ยนทางเสียบเสาสองเข้าไป

นาทีที่ 80 โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ไหลออกซ้ายให้ เลรอย ซาเน่ กระชากบอลเข้าเขตโทษก่อนกดด้วยซ้าย บอลพุ่งผ่านมือ โรมัน เบือร์กี้ เสียบเสาเข้าไป บาเยิร์น มิวนิค หนีเป็น 3-1

สองนาทีต่อมา เจ้าถิ่นไม่ยอมง่ายๆ ราฟาแอล เกร์เรยโร่ ไหลบอลยาวให้ เออร์ลิง ฮาแลนด์ หลุดเดี่ยวเข้าไปล็อกหลบ มานูเอล นอยเออร์ ก่อนซัดตุงตาข่าย ดอร์ทมุนด์ ไล่มาเป็น 2-3

จบเกม บาเยิร์น มิวนิค บุกเบียดเอาชนะ ดอร์ทมุนด์ 3-2 เก็บสามแต้มสำคัญ ทำให้ "เสือใต้" ผงาดนำจ่าฝูง ขณะที่ "เสือเหลือง" หล่นไปอยู่อันดับ 3 ของตาราง


รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

ดอร์ทมุนด์ (4-2-3-1) : 
  1. โรมัน เบือร์กี้
  2. โธมัส เมอนิเย่ร์
  3. มานูเอล อคานจี
  4. มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์
  5. ราฟาแอล เกร์เรยโร่
  6. อักเซล วิตเซล
  7. โธมัส เดอลานีย์ (จู๊ด เบลลิ่งแฮม น.60)
  8. เจดอน ซานโช่ (ธอร์ก็อง อาซาร์ น.69)
  9. มาร์โค รอยส์
  10. จิโอวานนี่ เรย์น่า (ยูเลี่ยน บรันด์ท น.69)
  11. เออร์ลิง เบราต์ ฮาแลนด์

บาเยิร์น มิวนิค (4-2-3-1) :
  1. มานูเอล นอยเออร์
  2. บรูน่า ซาร์
  3. เยโรม บัวเต็ง (ฆาบี มาร์ติเนซ น.69)
  4. ดาวิด อลาบา
  5. ลูกัส แอร์กน็องเดซ
  6. โยชัว คิมมิช (โกร็องแต็ง โตลิสโซ่ น.37)
  7. ลีออน โกเร็ตซ์ก้า
  8. โธมัส มุลเลอร์
  9. คิงส์เล่ย์  โกมัน (เลรอย ซาเน่ น.69)
  10. โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้
  11. แซร์ช นาบรี้
ติดตาม อัปเดตผลบอลเพิ่มเติมได้ที่ : ผลบอล วันนี้
วันพุธที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

อตาลันตา VS ลิเวอร์พูล 0-5 - ไฮไลท์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก (คลิป)

 




  • ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รองแบ่งกลุ่ม 2020/21
  • คืนวันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน 2020
  • อตาลันต้า 0-5 ลิเวอร์พูล
  • สนาม : เกวิสส์ สเตเดี้ยม
วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

ไฮไลท์พรีเมียร์ลีก 2020-21 - ลีดส์ VS เลสเตอร์ 1-4 (คลิป)

 


ที่มา: https://www.sanook.com/sport/1174450/


ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา ระหว่าง ลีดส์ ยูไนเต็ด ก่อนแข่งรั้งอันดับ 12 เปิดบ้านรับการมาเยือนของ เลสเตอร์ ซิตี้ ทีมอันดับ 8

เกมนี้หาก “ยูงทอง” คว้าชัยจะขึ้นไปรั้งท็อปไฟว์ทันที เช่นเดียวกับ “จิ้งจอกสยาม” หากบุกมาชนะจะแซงขึ้นรั้งรองจ่าฝูงตามหลัง “หงส์แดง” แค่แต้มเดียวทันที

มาร์เซโล่ บิเอลซ่า นายใหญ่ของ ลีดส์ ยูไนเต็ด ยังไม่มี คาลวิล ฟิลลิปส์ ห้องเครื่องตัวเก่งของทีมที่ยังเจ็บ ขณะที่เกมรุกใช้ ปาโบล เอร์นานเดซ ปั้นเกมร่วมกับ เอลแดร์ คอสต้า และแจ็ค แฮร์ริสัน โดยทิ้ง พาทริค แบมฟอร์ด เป็นหน้าเป้า

ด้าน เบรนแด้น ร็อดเจอร์ส ส่ง เจมี่ วาร์ดี้ ล่าตาข่ายโดยมีตัวปั้นเกมอย่าง เดนนิส ปราต และฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ รวมทั้ง ยูริ ตีเลม็องส์ สนับสนุน

ผลปรากฏว่า เลสเตอร์ ซิตี้ ชนะ ลีดส์ ยูไนเต็ด ทีมน้องใหม่สบายแข้ง 4-1 ขยับขึ้นไปรั้งรองจ่าฝูงเรียบร้อย

โดยทีมเยือนได้ประตูจาก ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ นาทีที่ 3, ยูริ ตีเลม็องส์ นาทีที่ 21 กับ 90 จากจุดโทษ และเจมี่ วาร์ดี้ นาทีที่ 76

ส่วนเจ้าถิ่นตีไข่แตกได้จาก สจ๊วร์ต ดัลลาส นาทีที่ 48

ทำให้ “จิ้งจอกสยาม” มี 15 คะแนนจาก 7 นัดอยู่ที่ 2 ฝั่ง “ยูงทอง” มี 10 คะแนนรั้งอันดับ 12

ที่มา: 

ไฮไลท์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ - ฟูแล่ม VS เวสต์บรอมวิช 2-0

 



ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่ 7 เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เป็นการพบกันของสองทีมท้ายตารางที่ยังไม่ชนะทีมใด ระหว่างเจ้าบ้าน ฟูแล่ม ทีมอันดับ 19 พบกับ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ทีมอันดับ 17

สกอตต์ พาร์เกอร์ เกมล่าสุดพ่ายคาบ้านให้ คริสตัล พาเลซ 1-2 แมตช์นี้ใช้ 3 ประสานแดนหน้าเป็น บ็อบบี้ รีด, อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช และอเดโมล่า ลุคแมน

ส่วนทางฝั่ง สลาเวน บิลิช นายใหญ่ของ “แบ็กกี้ส์” เกมล่าสุดต้งเป็นฝ่ายไล่ตีเสมอ ไบรท์ตัน 1-1 แมตช์นี้ยังยึดแนวรุกชุดเดิมมี คาร์แลน แกรนท์ หน้าเป้า โดยใช้ มาเตอุส เปเรยร่า ปั้นเกมร่วมกับ ฟิลิป โครวิโนวิช และ เกรดี้ เดียนกาน่า

ผลปรากฏว่า เริ่มเกมมาได้ 2 นาที เดอะ แบ็กกี้ส์ หวิดเฮเมื่อทาง คอเนอร์ ทาวน์เซนด์ เติมสูงไปยิงไกลบอลพุ่งชนคานอย่างน่าเสียดาย

เล่นไปเล่นมาเป็นทาง ฟูแล่ม ที่ออกนำก่อน 1-0 ในนาที 26 แอนโธนี่ โรบินสัน เปิดจากซ้ายไปเสาไกล อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช โขกชงเข้ากลางถึง บ็อบบี้ รีด โขกอีกทอดผ่าน บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ที่ยืนคุมเส้นเข้าประตูไป

เท่านั้นไม่พอ เจ้าสัวน้อย หนีห่าง 2-0 ในนาที 30 บ็อบบี้ รีดไหลจากขวามาให้ อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช แตะคืน โอลา ไอน่า สอดมายิงด้วยซ้ายบอลพุ่งสียบสามเหลี่ยมเสาไกลแบบสุดสวย

เวสต์บรอมวิช มีลุ้นตีไข่แตกในนาที 36 เมื่อทาง คาร์แลน แกรนท์ ลากมาเองก่อนสับไกด้วยซ้ายหลุดกรอบนิดเดียว

ครึ่งหลังเล่นไปถึงนาทีที่ 80 เจ้าบ้านมีลุ้นจากจังหวะที่ ทอม แคร์นี่ย์ ยกข้ามประตูไปติดตัวคุมเส้นออกมาเข้าทาง บ็อบบี้ รีด หวดสวนติดแขน เซมี่ อาจายี่ ออกมา

ฟูแล่ม พยายามประท้วงเอาจุดโทษ และพอบอลตายผู้ตัดสินรอสัญญาณจาก วีเออาร์ ที่กำลังตรวจสอบก่อนจะไม่ให้จุดโทษเพราะมองว่ากองหลังทีมเยือนไม่ได้กางแขนออกมา

จบเกม ฟูแล่ม เอาชนะ เวสต์บรอมวิช 2-0 คว้าชัยเกมแรกในลีกฤดูกาลนี้ไปครองสำเร็จ

ทำให้ “เจ้าสัวน้อย” มี 4 คะแนนจาก 7 นัดขยับขึ้นมารั้งอันดับ 17 ส่วน “เดอะ แบ๊กกีส์” มี 3 คะแนนรั้งอันดับ 18

ที่มา: https://www.sanook.com/sport/1174441/

วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

พีพีทีวี ยิงถ่ายทอดสด! ฟุตบอลคู่บิ๊กแมตช์ เสาร์นี้

 



ที่มา : Sanook.com/sport/1174416/

พีพีทีวี ยิงถ่ายทอดสด! ฟุตบอลคู่บิ๊กแมตช์ เสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน นี้


พีพีทีวี เอชดี ช่อง 36 ตอกย้ำความเป็น เวิลด์คลาส สปอร์ต เจ้าแห่งการถ่ายทอดสดกีฬาระดับโลก ด้วยการเปลี่ยนหน้าจอคืนวันเสาร์ที่ 7 พ.ย. นี้ ให้กลายเป็นสังเวียนแห่งความมันส์ ภายใต้แคมเปญ บิ๊กแมตช์ เดย์ กับการถ่ายทอดสดเกมระดับบิ๊กแมตช์จาก 2 ลีกชั้นนำ 3 แมตช์ต่อเนื่อง ทั้ง พรีเมียร์ลีก และ บุนเดสลีกา

  • เริ่มตั้งแต่ 19.30 น. เอฟเวอร์ตัน พบ แมนฯ ยูไนเต็ด 
  • เวลา 21.30 น. ไลป์ซิก พบ ไฟร์บวร์ก
  • ปิดท้าย เวลา 00.30 น. โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ พบ บาเยิร์น มิวนิค

ซึ่งในวันเสาร์ที่ 7 พ.ย. นี้ จัดเป็นวันแห่งความมันส์บนหน้าจอฟรีทีวี เพื่อแฟนฟุตบอลชาวไทย หลัง พีพีทีวี ประกาศให้เป็น บิ๊กแมตช์ เดย์ ด้วยการถ่ายทอดสดเกมใหญ่สุดเดือดที่มีผลต่อการลุ้นจ่าฝูงของ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ และ บุนเดสลีกา เยอรมัน แบบยิงสดต่อเนื่อง 3 แมตช์รวด

ประเดิมบิ๊กแมตช์แรกตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ เวลา 19.30 น. กับภารกิจเค้นฟอร์มเก่งทวงคืนจ่าฝูงของ เอฟเวอร์ตัน

ภายหลังเปิดตัวร้อนแรงในฤดูกาลนี้ แต่กลับปราชัยใน 2 นัดที่ผ่านมา จนร่วงจากตำแหน่งผู้นำในที่สุด แถมสัปดาห์นี้พวกเขายังต้องเปิดบ้านทำศึกหนักกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อีกยักษ์ใหญ่ที่ฟอร์มยังดูไม่เข้าที่เข้าทางมากนัก

และเพิ่งแพ้มาในเกมล่าสุดเช่นกัน โดย 3 แต้มสำคัญในแมตช์นี้จะส่งให้เอฟเวอร์ตัน กลับขึ้นไปทวงตำแหน่งจ่าฝูงได้อย่างน้อยก็ชั่วคราว

ข่าวกีฬา : ฮาคิม ซิเยค ยันปรับตัวกับเชลซีได้ดี หลังโชว์ฟอร์มเก่ง



ที่มา: Sanook.com/sport/1174401/

ฮาคิม ซิเยค ยันปรับตัวกับเชลซีได้ดี หลังโชว์ฟอร์มเก่ง


ฮาคิม ซิเยค ปีกตัวใหม่ของ ทีมเชลซี หลังประเดิมลงสนามตัวจริงในนักแรกในศึกพรีเมียร์ลีก และยังโชว์ผลงานได้อย่างโดดเด่นในเกมที่บุกไปชนะ เบิร์นลี่ย์ 3-0 พร้อมทำไป 1 ประตูและ 1 แอสซิสต์

โดยที่ ฮาคิม ซิเยค กล่าวถึงเกมดังกล่าว “มันเป็นสัปดาห์ที่ดีมาก ๆ สำหรับผมและหวังว่าเราจะสานผลงานนี้ต่อไปได้ครับ

โดยเฉพาะหลังโปรแกรมบอลยุโรป การบุกมาที่เบิร์นลี่ย์ ผมคิดว่าพวกเราเล่นกันได้ดีมาก เราเริ่มต้นได้สวยและมอบปัญหาให้กับพวกเขา พวกเขามีโอกาสทองตอนต้นเกมแต่หลังจากนั้นพวกเราครองเกมเอาไว้ได้หมด

ชีวิตกับเชลซีคือดีมาก ผมอยู่ในจุดที่ควรจะอยู่ ผมรู้สึกดีและรู้สึกสบายใจมาก ทุกอย่างโอเคดีมากเลยครับ” ซิเยค กล่าว

สำหรับโปรแกรมแข่งนัดต่อไปของ เชลซี มีคิวรับการมาเยือนของ แรนส์ ในศึก ยูฟ่า แชมเปียนลีก 2020-2021 ในคืนวันพุธที่ 4 พฤศจิกายน นี้ เวลา 03.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2563

วิเคราะห์บอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พบ แอร์เบ ไลป์ซิก

 

วิเคราะห์บอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พบ แอร์เบ ไลป์ซิก


  • ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
  • กลุ่ม เอช
  • คืนวันพุธที่ 28 ตุลาคม 2020
  • เวลา 03.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย)
  • แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พบ แอร์เบ ไลป์ซิก
  • สนาม : โอลด์ แทรฟฟอร์ด
  • ถ่ายทอดสด : beIN Sports Connect




ความพร้อมของทั้งสองทีม

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ทีมของ โอเล กุนนาร์ โซลชา เรียกได้ว่า ฟอร์มในช่วงหลังจัดว่าดูดีขึ้นพอสมควรหลังจากไม่แพ้ใครมาแล้ว 3 เกมติดต่อกัน

โดยเกมล่าสุดเปิดบ้านเสมอกับ เชลซี 0-0 มาเมื่อสุดสัปดาห์ก่อน กลับมาที่รายการนี้ ปีศาจแดง พลิกล็อคคว้าชัยมาได้ในเกมแรกด้วยการบุกไปอัด ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ถึงถิ่น 1-2 ถัดมาในเกมที่สองของกลุ่มพวกเขามีคิวเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของทีมม้ามึดในปีก่อนอย่าง แอร์เบ ไลป์ซิก ที่คว้าชัยมาได้ในนัดแรกเช่นกัน

มีการคาดกันว่าในเกมนี้ โซลชา จะยังคงเน้นเล่นอย่างรัดกุมเอาไว้ก่อนและรอจังหวะเปิดเกมบุกโดยใช้ความเร็วอันจัดจ้านของแนวรุก แต่ต้องระวังจังหวะต่อบอลเร็วของทีมเยือนที่อาจเล่นงานเกมรับเจ้าถิ่นที่ยังดูไม่แน่นอนอยู่ได้เช่นกันในเกมวันนี้

ซึ่งสภาพทีมก่อนลงทำการแข่งขัน จะยังไม่สามารถใช้งาน เอริค ไบญี ที่ยังมีอาการบาดเจ็บ เช่นเดียวกับ เจสซี ลินการ์ด ที่ยังไม่ฟิตพร้อมเป็นตัวเลือกให้กับทีมในเกมวันนี้เช่นเดียวกัน

คาดการณ์ 11 ผู้เล่นตัวจริง
  • ผู้รักษาประตู - เด เคอา
  • กองกลัง – เทลเลส, แม็คไกวร์, ลินเดอเลิฟ, วาน บิสซาก้า
  • กองกลาง – มาติช, ป็อกบา, บรูโน
  • กองหน้า – มาต้า, มาร์กซิยาล, แรชฟอร์ด

แอร์เบ ไลป์ซิก

ทีมของ ยูเลียน นาเกลส์มันน์ ฟอร์มกำลังร้อนแรงสุด ๆ ในปีนี้ ด้วยการชนะถึง 6 จาก 7 นัดในทุกรายการ โดยเสมอไปเพียง 1 เกมเท่านั้น รั้งจ่าฝูงของ บุนเดสลีกา หลังผ่านไป 5 นัดมีแต้มเหนือ บาเยิร์น มิวนิค ทีมอันดับสองอยู่ 1 คะแนนด้วยกัน

ในรายการนี้พวกเขาเอาชนะ อิสตันบูล บาซักเซฮีร์ ไปได้ในนัดแรก 2-0 ทำให้ขยับขึ้นนำเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม เอช ซึ่งในเกมนี้ ทัพกระทิงแดง ต้องบุกมาเยือน โอลด์ แทรฟฟอร์ด รังเหย้าของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ฟอร์มในช่วงหลังดูจะดีขึ้นตามลำดับ ต้องมาลุ้นกันว่าฟอร์มที่กำลังร้อนแรงของ ไลป์ซิก จะสามารถเจาะแนวรับของ ปีศาจแดง ในเกมนี้ได้หรือไม่

ความพร้อมก่อนแข่ง จะยังมีผู้เล่นบาดเจ็บอยู่หลายรายทั้ง ไทเลอร์ อดัมส์ อมาดู ไฮดารา ลูคัส โคลสเตอร์มันน์ คอนราด ไลเมอร์ ที่จะลงสนามช่วยทีมไม่ได้แน่นอนแล้วในเกมนี้ ส่วนรายของ เควิน คัมเพิล และ นอร์ดี มูกีย์เล ยังคงต้องรอเช็คความฟิตก่อนเกมอีกครั้ง

คาดการณ์ 11 ผู้เล่นตัวจริง

  • ผู้รักษาประตู - กูลาคซี
  • กองกลัง – ออบัน, อูปาเมกาโน, ฮาลสเทนเบิร์ก
  • กองกลาง – มูกีย์เล, เอ็นคุนคู, คัมเพิล, อังเคลินโน
  • กองหน้า – โอลโม, ฮวาง, ฟอร์สเบิร์ก

ผลงาน 5 นัดหลังสุดของทั้งสองทีม

แมนฯ ยูไนเต็ด - ชนะ 3 เสมอ 1 แพ้ 1

  1. 26/09/20 พรีเมียร์ลีก - แมนฯ ยูไนเต็ด 0-0 เชลซี
  2. 21/10/20 แชมเปี้ยนส์ลีก - ปารีส 1-2 แมนฯ ยูไนเต็ด
  3. 18/10/20 พรีเมียร์ลีก - นิวคาสเซิล 1-4 แมนฯ ยูไนเต็ด
  4. 04/10/20 พรีเมียร์ลีก - แมนฯ ยูไนเต็ด 1-6 สเปอร์ส
  5. 01/10/20 คาราบาว คัพ - ไบรท์ตัน 0-3 แมนฯ ยูไนเต็ด

ไลป์ซิก - ชนะ 4 เสมอ 1 แพ้ 0

  1. 24/09/20 บุนเดสลีกา - ไลป์ซิก 2-1 แฮร์ธา
  2. 21/10/20 แชมเปี้ยนส์ลีก - ไลป์ซิก 2-0 บาซักเซฮีร์
  3. 17/10/20 บุนเดสลีกา - เอาส์บวร์ก 0-2 ไลป์ซิก
  4. 03/10/20 บุนเดสลีกา - ไลป์ซิก 4-0 ชาลเก้
  5. 26/09/20 บุนเดสลีกา - เลเวอร์คูเซน 1-1 ไลป์ซิก

***ทั้งสองทีมยังไม่เคยพบกันมาก่อน
วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2563

ลิเวอร์พูล พร้อมเปิดศึก สเปอร์ส แย่งตัว ฟิลลิปส์ ดาวรุ่งลีดส์

 ลิเวอร์พูล พร้อมเปิดศึก สเปอร์ส แย่งตัว ฟิลลิปส์ ดาวรุ่งลีดส์





ทีมลิเวอร์พูล และ ทีมท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ 2 ทีมนี้ กำลังจับตามอง คาลวิน ฟิลลิปส์ กองกลางของ ลีดส์ ยูไนเต็ด ที่กำลังโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในการลงเล่น พรีเมียร์ลีก เป็นซีซั่นแรกอยู่ในขณะนี้

โดยมิเรอร์ สื่อดังของอังกฤษระบุว่า โชเซ่ มูรินโญ่ และ เยอร์เก้น คล็อปป์ ที่เป็น 2 ผู้จัดการทีมชั้นนำต่างประทับใจในฟอร์มการเล่นของมิดฟิลด์วัย 23 ปีของ ทีมยูงทอง และนี่อาจจะมีการยื่นข้อเสนอก้อนโตเพื่อดึงนักเตะมาร่วมทีมในอนาคต

สำหรับฟิลลิปส์ ที่เกิดในลีดส์เพิ่งจะต่อสัญญาฉบับใหม่กับทีมออกไปเป็นเวลา 5 ปีเมื่อปีที่ผ่านมา โดยที่เจ้าตัวจะค้าแข้งในถิ่น เอลแลนด์ โร้ด จนถึงปี 2024 ในขณะที่รับค่าเหนื่อยประมาณ 30,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์

2 สโมสรชั้นนำนี้ พร้อมที่จะทุ่มเงินค่าเหนื่อยมากกว่า 2 เท่าให้กับนักเตะได้พิจารณา แต่ก็อาจจะต้องยอมจ่ายเงินค่าตัวมหาศาลถึง 50 ล้านปอนด์ตามที่ต้นสังกัดตั้งเอาไว้