วันอังคารที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2557

วิเคราะห์บอลพรุ่งนี้ : คาร์ราเกอร์ ติงมินโญเล่ต์ยังไม่ดีพอกับทีมหงส์แดง

เมื่อทางด้านคาร์ราเกอร์ ติงว่ามินโญเล่ต์ยังไม่ดีพอกับทีมหงส์




จะลองมาเซฟเองมั้ยครับ? หลังจากที่คาร์ร่า วิเคราะห์ผลบอล ว่ามินโญเล่ต์ นั้นยังไม่ทำผลงานได้เยี่ยมพอในทัพ "ทีมหงส์แดง" หลังไม่สามารถเซฟลูกยิงสุดสวยของ จากีลก้า ได้ พร้อมชี้ว่านายทวารก็เป็นส่วนที่ทำให้ทีมประสบความสำเร็จ

โดยที่ เจมี่ คาร์ราเกอร์ อดีตปราการหลังของ ทีมลิเวอร์พูล ยักษ์ใหญ่แห่งศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ออกโรงวิจารณ์ ซิมง มินโญเล่ต์ ผู้รักษาประตูมือหนึ่งของทีม ว่ายังทำผลงานได้ไม่ดีพอที่จะทำให้สโมสรประสบความสำเร็จ หลังเจ้าตัวไม่สามารถเซฟลูกยิงผีจับยัดของ ฟิล จากีลก้า เซ็นเตอร์แบ็กของ เอฟเวอร์ตัน เอาไว้ได้ ในเกมเมื่อสุดสัปดาห์ที่เสมอกันไป 1 - 1 วันเสาร์ที่ 27 กันยายน ที่ผ่านมา

หลังจากที่อดีตกองหลังที่ผันตัวไปเป็นนักวิเคราะห์เกมของ สื่อสกาย สปอร์ต ได้กล่าวว่า ผมคิดว่าโกล์ที่ดีที่สุดจะสามารถพาทีมคว้าแชมป์ได้ นั่นเป็นช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ ลูกยิงของ จากีลก้า มันไม่ได้เป็นความผิดพลาดอย่างรุนแรง แต่เขาน่าจะทำได้ดีกว่านี้หรือเปล่า? ทุกๆ คนจะพูดกันถึงแต่ สตีเว่น เจอร์ราร์ด พลาด และทำให้ ลิเวอร์พูล เสียแชมป์ลีก ซึ่งคุณไม่ควรมองถึงคนคนหนึ่งที่ทำหนึ่งความผิดพลาด แต่ เด็มบา บา ยังคงผ่านไปได้ คุณลองมองไปยังผู้รักษาประตู และคิดว่า การจะชนะในลีก มันต้องมีเซฟสวยๆ เพื่อจะตัดสินฤดูกาลนี้

และในเกมที่พบกับ ทีมแมนฯ ซิตี้ ที่เราแพ้ผลบอลไป 1-2 ซึ่งถ้าเขาสามารถเซฟลูกยิงของ เนเกรโด้ ได้เราจะไม่เสีย 2 คะแนนและได้ 1 แต้ม กลับมาด้วย ผมคิดว่า โจ ฮาร์ท หลังเกมที่พบกับ เชลซี ทีม แมนฯ ซิตี้ นั้นเจอเกมที่ยากกับ เอฟเวอร์ตัน และพวกเขาเอาชนะได้ 3-2 โจ ฮาร์ท เซฟลูกยิงของ เนย์สมิธ และทำให้พวกเขาเป็นแชมป์ เราสามารถพูดถึงลูกยิงที่ทำให้เป็นแชมป์ได้ หรือนักเตะที่ทำให้ทีมคว้าแชมป์ และสร้างช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ แต่ผู้รักษาประตูก็เป็นสิ่งที่ทำให้เรื่องราวต่างๆ เปลี่ยนไปได้เช่นกัน ด้วยการเซฟที่ยอดเยี่ยม

ซึ่งมาจนถึงตอนนี้ เขายังไม่ได้มีลูกเซฟสำคัญ ๆ ให้กับทีมได้เลย ถ้ามันเป็นแบบนี้ต่อไป ผมสามารถมองได้ว่า ทีมลิเวอร์พูล จะมองหาผู้รักษาประตูคนใหม่แน่ มีการพูดคุยถึง บิคตอร์ บัลเดส เพราะว่าเขาเป็นฟรีเอเย่นต์ แต่เขาก็ยังต้องพิสูจน์ คาร์ร่า ร่ายยาวเหยียด

ขอบคุณข่าวจาก >>> http://sport.sanook.com/football/program/

เตรียมวิเคราะห์ผลบอล เมื่อซิโก้ ลั่นพร้อมรับมือเจ้าภาพในรอบรองชนะเลิศ

ซิโก้ พร้อมรับมือเจ้าภาพในรอบรองฯ






สำหรับความเคลื่อนไหวล่าสุดของ ทีมฟุตบอลชายไทย ใน ศึกเอเชียนเกมส์ 2014 ณ เมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ ช่วงเช้าวันที่ 29 กันยายน ที่ผ่านมา เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าผู้ฝึกสอน ได้เเถลงความพร้อมก่อนเกม รอบรองชนะเลิศ ที่จะพบกับเกาหลีใต้ ในวันที่ 30 กันยายนนี้

ซึ่งทางด้าน ซิโก้ ได้กล่าวว่า นัดเมื่อวานผมได้นั่งชมและวิเคราะห์ผลบอลเกมระหว่าง ทีมเกาหลีใต้ กับ ทีมญี่ปุ่น เเล้วก็ค่อย ๆ เเนะนำนักเตะทีละคนว่าควรต้องทำอะไรยังไง ตอนนี้อยากให้ทุกคนพักผ่อนให้เต็มที่เพื่อจะได้มีความพร้อมในการลงเล่น รอบรองชนะเลิศ เพราะว่าเวลาพักค่อนข้างน้อยไม่เหมือนใน รอบเเบ่งกลุ่ม ส่วนเป้าหมายที่เคยวางไว้กับ รอบ 4 ทีมสุดท้าย ในเวลานี้มันเปลี่ยนไปเเล้ว นักเตะทุกคน ทีมงานทุกคน สมาคมฯ เเละ เเฟนบอล ต่างต้องการไปถึง รอบชิงชนะเลิศ หรืออย่างน้อยที่สุดต้องมี เหรียญรางวัล

ทางด้านของสภาพความพร้อมของทีมไม่มีอะไรน่าห่วง ทีมไทย เเละ ทีมเกาหลีใต้ ต่างผ่านเกมหนักมาเช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบกันมากนัก รวมทั้งข่าวดีของ ทีมไทย คือไม่มีใครได้รับบาดเจ็บเลย ทุกคนต่างมุ่งมั่นเเละพร้อมที่จะลงเล่นกับ ทีมชาติเกาหลีใต้ ไม่ว่าจะเป็น 11 ตัวจริง หรือ ผู้เล่นสำรอง

ในส่วนของเรื่องจิตใจ ก็คงไม่มีอะไรต้องกังวล เพราะว่าทุกคนมั่นใจเต็มร้อยในการลงเล่นกับ ทีมเกาหลีใต้ รวมทั้ง ตนเอง ก็พยายามให้กำลังใจทุกคนเพิ่มเติมว่า ทีมไทย มีโอกาสเอาชนะ "ทีมเจ้าภาพ" ได้อย่างเเน่นอน เพราะเมื่อปี 1998 ก็เคยทำได้มาเเล้วที่เมืองไทย หรือเเม้เเต่ปี 1990 ทีมชาติไทย ก็เคยเอาชนะ ทีมชาติจีน ในฐานะเจ้าภาพ ได้เช่นกัน

โดยที่ ซิโก้ ได้กล่าวว่า การพบกับ ทีมเกาหลีใต้ ถือว่าเป็นเกมหนักมากของ ทีมไทย เเต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสชนะ หลายๆฝ่ายอาจมองว่า ทีมไทย มีโอกาสชนะเเค่ 10 - 20 เปอร์เซนต์ เเต่ในโลกของฟุตบอลทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้หมด รวมทั้งการเป็นรองในทุกด้านเเบบนี้น่าจะเป็นผลดีกับ ทีมชาติไทย เนื่องจากว่านักเตะทุกคนจะลงเล่นด้วยความไม่กดดัน เเละจะกลายเป็น เกาหลีใต้ ที่เล่นภายใต้ความกดดันมากกว่า

และในส่วนเรื่องการวิเคราะห์ผลบอลของ ผู้ตัดสิน ที่อาจจะเอียงเข้าข้าง ทีมเกาหลีใต้ คงเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในทุก ๆ ทัวร์นาเมนต์ ดังนั้นจึงกำชับให้ทุกคนเล่นตามเกมเป็นหลัก พยายามควบคุมสติอารมณ์เเละอย่าไปสนใจกับคำตัดสินที่อาจจะผิดพลาดบ้างในบางครั้ง อดีตหัวหอกจอมตีลังกาชาวไทย ทิ้งท้าย

และด้วยเหตุนี้ฟุตบอลทีมชาติไทย นั้นได้ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ศึกเอเชียนเกมส์ เป็นครั้งที่ 4 ในประวัติศาสตร์ หลังเคยทำได้ ในการแข่งขันที่ 

  • แข่งที่ กรุงปักกิ่ง ในประเทศจีน   ปี 1990
  • แข่งที่ กรุงเทพ   ในประเทศไทย ปี 1998 
  • แข่งที่ เมืองปูซาน ในประเทศเกาหลีใต้ ปี 2002 


แต่ก็ยังไม่ สามารถคว้าเหรียญรางวัล มาครองได้เลยสักครั้ง ซึ่งรวมทั้ง 2 ครั้งสุดท้ายที่ "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าผู้ฝึกสอน ยังเป็นส่วนหนึ่งของ ทีมชาติไทย ในฐานะของนักเตะ

และท่านสามารถติดตามชมการวิเคราะห์บอลพรุ่งนี้ ระหว่างทีมชาติไทย และทีมชาติเกาหลี ได้ที่ 
http://sport.sanook.com/football/

วันจันทร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2557

วิเคราะห์ผลบอล : นี่คือความสำเร็จรูปแบบของ ซิโก้ สไตล์

ความสำเร็จรูปแบบ “ซิโก้ สไตล์”





หลังจากที่เราได้วิเคราะห์บอลสัมผัส และ รู้จักกับตัวตน ของ ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ผมไม่แปลกใจเลยที่ทีมชาติไทยสามารถทะลุเข้ารอบตัดเชือก เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 17 ได้สำเร็จ


คลิปความสำเร็จของทีมชาติไทย ในนัดที่ไทย VS พม่า



และถึงแม้ว่าในครั้งนี้ จะเป็นเพียงครั้งที่ 4 ในประวัติศาสตร์เท่านั้นที่ทัพนักเตะไทยทำผลงานเข้าสู่รอบ 4 ทีมสุดท้ายได้

ลองมาทบทวนโปรแกรมบอลกันอีกที: 

  • ครั้งที่ 1 ปี 1990 คาร์ลอส โรแบร์โต้ คาร์วัลโญ่
  • ครั้งที่ 2 ปี 1990 ไทย
  • ครั้งที่ 3 ปี 1998 ไทย  
  • ครั้งที่ 4 ปี 2002 เกาหลีใต้ โดยมี ปีเตอร์ วิธ เป็นโค็ช


ซึ่งเป็นกุนซือ ที่เราทำฟอร์มได้เท่านี้ ลองมาวิเคราะห์ผลบอล กันดูสักหน่อย

แต่ว่าที่น่าสนใจก็คือ ซิโก้ ได้กลายเป็นบุคคลที่มีส่วนร่วมในความสำเร็จปี 1998 และ 2002 ในฐานะผู้เล่น และโค้ชครั้งนี้ หรือก็คือ 3 จาก 4 ครั้งที่เราเข้าถึงรอบรองชนะเลิศเอเชียนเกมส์



นี่คือภาพ ช่วงหนึ่งของชีวิตในลีกผู้ดีกับ ทีมฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์
สำหรับชื่อของ ซิโก้ หรือที่ผมเรียกว่า “โก้” ติดมาตั้งแต่ตอนเจ้าตัวไปเป็นนักฟุตบอลอาชีพให้ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ ปี 1999 และตอนนั้นผมเป็นผู้สื่อข่าวอยู่อังกฤษ จึงมี “ประสบการณ์” และรู้ว่าควรจะโค้ชอย่างไร? ณ สถานการณ์นี้ แบบครบถ้วน

ซึ่งเมื่อนำมาเสริมกับ “บุคลิก” และคาแร็กเตอร์ส่วนตัวที่มีพื้นฐานเยี่ยมด้าน “ระเบียบวินัย” ทั้งใน และนอกสนาม บวกกับ “พรสวรรค์” ที่แม้ไม่ได้สูงเฉียดพี่ตุ๊ก ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน

แต่เป็นเพราะ คำว่า “วินัย” นี่แหละครับที่เป็น “จุดแข็ง” และคอยเสริมทักษะ กับพรสวรรค์ จนทำให้ “โก้” กลายเป็น 1 ในสุดยอดศูนย์หน้าที่ดีที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยผลิตมา

ในตอนสมัยผมเด็ก ๆ หรือ 30 ปีบวก ๆ ตัวเองเคยได้ยินแต่ชื่อ “น้าเจษ” เจษฎาภรณ์ ณ พัทลุง แต่ไม่ทันได้ดูการเล่นว่า คุณอาเจษฎาภรณ์ เป็นศูนย์หน้าที่ “เก่งกาจ” เพียงใด

แต่พอเติบโตมาก็มี “พี่ตุ๊ก” ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน และก็ ซิโก้ ก่อนจะถึงยุคนี้ที่มี ธีรศิลป์ แดงดา


ในสมัยนั้นได้เข้ารอบรอง ฯ เอเชียนเกมส์ ปี 1988
เพราะเหตุนี้เชื่อแน่ครับว่าในด้าน บารมี และในฐานะหัวหอกในตำนานมีผลต่อการเป็นโค้ช และเมื่อบวกบุคลิก และคาแร็กเตอร์ น่านับถือทั้งการ “วางตัว” ผ่านการพูดจาด้วยมิติ “ความคิด” ดีๆ

และไม่ว่าจะเป็นในด้านการบริหารจัดการยอดเยี่ยมนับจากพาทีมได้แชมป์ซีเกมส์ ที่ผ่านมาที่เมียนมาร์ ด้วยการจัดให้นักเตะได้รวมตัว “อุ่นเครื่อง” ทุกเดือนอย่างต่อเนื่อง

และยังหลีกเลี่ยงการปะทะกับสโมสรต้นสังกัด ชนิด “รอมชอม” เข้าใจวัฒนธรรมบอลไทย และรู้จักตัวผู้เล่นแบบโค้ชต่างชาติไม่มี

โดยที่ความสำเร็จนั้นจึง ได้เกิดขึ้นแบบ ที่ มีที่มาที่ไป และไม่ใช่ความ บังเอิญแน่นอน

โดยที่ทีมชุดนี้มี 11 คนแรก โดยการปะทะกับ ทีมจอร์แดน ซึ่งเราผ่านได้ด้วยผลบอล 2-0 ก่อนไปเจอเจ้าภาพ เกาหลีใต้ วันอังคารที่ 30 กันยายน

รายชื่อชุดนี้ประกอบไปด้วย

1. ประตู

  • กวินทร์


2. กองหลัง

  • พีรพัฒน์
  • ธนบูรณ์
  • อดิศร
  • นฤบดินทร์


3.กองกลาง

  • เกริกฤทธิ์
  • สารัช
  • ชาริล
  • ชนาธิป
  • นูรูล


4.กองหน้า

  • อดิศักดิ์


ด้วยเหตุนี้จึงได้ “ฉายภาพ” การเป็นกุนซือของพวกเค้าออกมาได้ชัดเจนที่สุด

และอีกอย่างครับครับ นักเตะไทยเล่นแบบ “มีวินัย” แต่แอบแฝงด้วย “พรสวรรค์” เล็ก ๆ น้อย ๆ แทรกในแต่ละตำแหน่งกับระบบ 4-5-1 ที่สลับเป็นรุก 4-3-3 ได้แบบพอเหมาะพอเจาะ

และจากจุดเริ่มต้นของศึก "แชมป์ซีเกมส์"
เป็นเวลานานแค่ไหนแล้วนะ?

  1. ที่เราไม่ได้เห็นทีมชาติไทยควบคุมอารมณ์ 
  2. คอนโทรลสถานการณ์ได้แบบทัวร์นาเมนท์นี้
  3. เล่นแบบเป็นตัวของตัวเอง 
  4. มีความสุข


โดยที่ตารางบอล ทุกสิ่ง ทั้งหมดที่มี คือ บุคลิกของกุนซือ และเป็นนิสัยของชายที่ชื่อว่า ซิโก้ และตามที่ผมนิยามก็คือ ซิโก้ สไตล์

สิ่งสุดท้าย ก็จะมีคำถามตามมา คือ ความหวังเหรียญใดเหรียญหนึ่ง หรือเข้าชิงชนะเลิศ หรือโอกาสเหรียญทองของทีมชุดนี้เป็นไปได้หรือไม่ ?

ในด้านของตัวผมมองว่า  นอกจากจะเล่นทุกนัดให้เหมือนนัดไฟนอล หรือนัดชิงชนะเลิศแบบที่ “โก้” บอกมาตั้งแต่รอบ 16 ทีมสุดท้ายแล้ว

ถ้าหากทีมชาติไทย ยังเล่นรูปแบบ “ซิโก้ สไตล์” นี้ได้อีกใน 2 นัดที่เหลือ อะไรย่อมเกิดขึ้นได้ครับ ถ้าไม่โดนโ..ง คุณคงรู้กันนะครับ 555+ ^_^

ขอบคุณข้อมูลจาก >>> http://sport.sanook.com/102871/

เนื้อหาโดย Sanook.com



วันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2557

ข่าวฟุตบอลพรีเมียร์ลีก : ฟานกัล รับรูนสมควรโดนแดง


ฟานกัล รับรูนสมควรโดนแดง







โดยในเกมส์ที่ผ่านมาของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชอตที่ทำให้ รูนี่ย์ โดนใบแดงไล่ออกจากสนาม!! ล่าสุดฟาน กัล ก็ได้เปิดเผยต่อสื่อว่า รูน สมควรที่จะโดนใบแดงแล้ว แต่ก็อดปลื้มไม่ได้ที่ลูกทีม สามารถยันเวสต์แฮมเอาไว้ได้ ด้วยสกอร์ 2-1

วิเคราะห์บอล : หลังจากจบเกมส์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา หลุยส์ ฟาน กัล ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยักษ์ใหญ่แห่งศึก พรีเมียร์ลีกอังกฤษ ออกมายอมรับว่าจังหวะที่ เวย์น รูนี่ย์ ศูนย์หน้ากัปตันทีมวิ่งไปเตะหัวเข่าของ สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง ปีกจาก เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในนาทีที่ 59 นั้นสมควรที่จะเป็นใบแดงแล้ว พร้อมชมลูกทีมที่อดทนจนสามารถยันผลการแข่งขันเอาไว้ได้ ส่งผลให้พวกเขาเอาชนะไป 2-1 เก็บ 3 คะแนนไปได้อย่างหืดจับ เมื่อวันเสาร์ที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา

ซึ่งกุนซือวัย 63 ปี ได้กล่าววิเคราะห์บอลอีกว่า "ผมคิดว่าเราเล่นกันได้ดีมากๆ ในช่วงครึ่งเวลาแรก เกมบุกที่ยอดเยี่ยม เป็นฟุตบอลที่มีเสน่ห์ เราเสียประตูจากลูกเตะมุม ซึ่งน่าเสียดายเพราะเราเล่นกันได้ดี ผมบอกในช่วงพักครึ่งว่าผมยินดีกับผลงานมาก หลังจากเราเล่นลูกเซตเพลย์ แล้วถูก เวสต์แฮม โต้กลับ ซึ่งใบแดงของ เวย์น มันได้เปลี่ยนทุกๆ อย่างไป"

ทั้งยังกล่าวต่ออีกว่า ผมคิดว่าผู้ตัดสินวิเคราะห์บอลว่าควรจะให้เป็นใบแดงอยู่แล้ว ผมคิดว่า รูนี่ย์ แล้วเพราะเล่นมุ่งร้ายเกินไป เพราะว่าคุณสามารถทำอย่างอื่นได้มากมายกว่าการเตะ ผมว่ามันไม่เป็นมืออาชีพเท่าไหร่ เรามีปัญหาที่ว่า เวสต์แฮม มีความสูงกว่าเรา และพวกเขาเล่นบอลโยนยาว มันเป็นเรื่องยากที่เราจะรักษาสกอร์ไว้ได้ ซึ่งผมดีใจมากๆ ที่เราทำมันได้ เทรนเนอร์ชาวดัชต์ ร่ายยาว

และพร้อมกันนี้ทางด้าน "ฟาน กัล" ยังได้พูดถึงผู้เล่นดาวรุ่งที่เปิดตัวในวันนี้อย่าง แพทริก แม็คแนร์ โดยชื่นชมผลงานว่าเล่นได้อย่างดี "ผมดีใจที่เราชนะ เพราะว่ามันสำคัญมากสำหรับนักเตะที่เพิ่งเปิดตัวเกมนี้ และผมคิดว่าเขาเล่นได้ดี ผมพอใจกับผลงานของเขามากๆ"

และนอกจากนี้ หลังจากที่ทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้เฉียดชนะทีม เวสต์แฮมมา ทำให้เก็บแต้มได้ 3 คะแนนได้ ส่งผลให้ตำแหน่งเลื่อนไปอยู่อันดับที่ 7 ซึ่งตามหลังจ่าฝูงอย่าง ทีมเชลซี อยู่ 8 แต้ม  


และสัปดาห์หน้าคะแนนในตารางจะเปลี่ยนแปลงมากน้อยเพียงใด สามารถรับชมความเคลื่อนไหวได้ตลอดเวลา ที่ >>> http://sport.sanook.com/football/


วันศุกร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2557

วิเคราะห์บอล : ผมทำอะไรผิด(บาโลเตลลี่)



เป็นเรื่องแล้วไหมล่ะ!! เป็นไงล่ะ บาโลเตลลี่เอ๋ย เจ้ายังรู้จัก อารมณ์โกรธของแฟนบอลน้อยไปนะ !! 

วิเคราะห์บอล : คำว่า saynoracism หรือการที่ไม่พูดจาด่าด้วยการเหยียดผิว เป็นสิ่งที่องค์กรลูกหนังฟุตบอลทั่วโลก พยายามรณรงค์ให้มันลดน้อยถอยไปหรือให้มันตายไปจากวงการฟุตบอลเลยได้ยิ่งดี แต่ผมเชื่อเลยว่ามันไม่มีทางหมดหรอก ถ้าจิตใจคนมันยังปราศจากสิ่งยั่วยุไม่ได้

ซึ่งนี่ก็ถือเป็นอีก 1 เหตุการณ์ ที่ผมไม่อยากเชื่อว่าจะหลุดมาจากปลายนิ้วของแฟนฟุตบอล "ทีมเร้ด อาร์มี่ บางจำพวก" ย้ำนะครับว่า "บางจำพวก" ซึ่งเพียงแค่เพราะว่า มาริโอ บาโลเตลลี่ ที่เพิ่งสถาปนาตัวเองเป็น "ทีมลิเวอร์พูล" ได้ไม่นาน โพสต์ 'ทวิตเตอร์' เชิงแซวหรืออาจจะตกใจกับผลการแข่งขันที่ ทีมแมนฯ ยูไนเต็ด พลิกกลับมาพ่าย ทีมเลสเตอร์ 3 - 5

นี่คือตัวอย่างนะจ๊ะ ไม่ได้เอามากล่าวหาลอยๆ แต่มันมีอยู่จริงคนแบบนี้
เพราะผมเชื่อเลย ก่อนเกมที่ทีมปีศาจแดง จะลงพบกับ "ทีมจิ้งจอกสยาม" เหล่าสาวก "ทีมเร้ด อาร์มี่" จำนวนไม่น้อย เล่นจัดการโพสต์ "เฟซบุ๊ค" หรือ ทวิสเตอร์ แซวหรือเชิงเยาะเย้ยลิเวอร์พูล ที่ไปพ่ายต่อ ทีมเวสต์แฮม 1-3 เมื่อวันเสาร์ กันอย่างสนุกมือ เพราะคงคิดว่าพรุ่งนี้ตูชนะแน่ !

เพียงแต่ว่าเหมือนฟ้าเล่นตลกกับ ทีมแมนฯ ยูไนเต็ด นะครับ เพราะเสกให้พวกเขาพ่ายแพ้ต่อคู่แข่งเช่นกัน ทั้งๆที่ อังเคล ดิ มาเรีย โชว์เทพด้วยการยิงชิบข้ามประตู แถมยังมีช็อตที่ ราดาเมล ฟัลเกา แอสซิสต์เข้าหัว โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ แบบพอเหมาะพอเจาะ ออกนำไปก่อน 3 - 1 แต่ใครจะเชื่อว่า ทีมเลสเตอร์ จะมารัว 4 ประตูรวด แซงชนะไป 3 - 5

และนี่คือการพ่ายแพ้ต่อเวสต์แฮมของหงส์แดง อย่าบอกนะว่าแฟนผีไม่เคยเยาะเย้ย
ซึ่งเมื่อผลสกอร์วิเคราะห์บอลจบแบบนั้น ไม่ใช่แฟนบอล "ทีมจิ้งจอกสยาม" ทีมเดียวแล้วล่ะครับ ที่แฮปปี้มีความสุข เพราะแฟนบอลเฉพาะกิจอย่างทีมลิเวอร์พูล ก็เรียกได้ว่าถึงกับยิ้มหน้าบาน ปากแทบฉีกไปถึงใบหู ประหนึ่งว่าถึงตาที ตู จะเอาคืนพวกนายแล้ววว !

อาจจะเรียกได้ว่าอะไรที่ แฟนบอลทีมแมนฯยู เคยโพสต์เยาะเย้ย "ทีมหงส์แดง" เมื่อวันเสาร์ที่แพ้ ทีมเวสต์แฮม เหล่าสาวก "เดอะ ค็อป" จัดเต็มยิ่งกว่า เปรียบดังสุภาษิต "หัวเราะที่หลังดังกว่า"

โดยที่ 1 ในนั้น ก็มี นักเตะของ ลิเวอร์พูล และเป็นอดีตแข้งคู่อริร่วมเมืองของ ทีมแมนฯ ยูไนเต็ด อาจจะเก็บอาการไว้ไม่อยู่ นั่นคือ "ซูเปอร์มาริโอ้" จัดการโพสต์ข้อความผ่าน ทวิตเตอร์ ส่วนตัว หลังเกมที่ "ทีมปีศาจแดง" พ่ายต่อ "ทีมจิ้งจอกสยาม" ด้วยข้อความสั้นๆที่ว่า Man utd  LOL

สิ่งนี้ ผมสามารถทำใจยอมรับการเกรียนได้ ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์เหยียดผิว
วิเคราะห์บอลในความคิด เป็นนักเตะที่เป็นอริของทีมรักคุณ โพสต์แซวขนาดนี้ ในฐานะสาวกแฟนบอลของทีมมันก็เป็นเรื่องธรรมดา ที่คุณจะต้องปกป้องหรือแขวะกลับไป เชิงประมาณเห้ยทีมนายก็แพ้มานะ

เพียงแต่ว่า สิ่งที่ผมไม่คาดคิดเลยว่าจะมีการแขวะกลับของแฟนบอลของ "ทีมปีศาจแดง" บางจำพวก ไปยัง "บาโลเตลลี่" ด้วยข้อความที่เหยียดผิวแบบชัดเจน นั่นคือด่าว่า Monkey ตรงๆเลยคับว่าคือ ลิง ! ซึ่งในประเทศแถบยุโรป คำนี้ถือว่าผิดมหันต์

ซึ่งผมจะยกตัวอย่างข้อความของแฟนบอล แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ทวีตไปหา บาโลเตลลี่ นะครับ

  • บาโลเตลลี่ นายมันก็แค่ลิงตัวนึง
  • เมื่อวานทีมแกก็แพ้ 1-3 นะ ไอลิง
นี่แค่เบาๆ นะฮ่ะ
และอีก 1 ข้อความ ถือว่ารุนแรงมากทีเดียวคือ "นายมันเป็นตัวแพร่เชื้ออีโบล่า ไอ้ลิงสกปรก"

ซึ่งผมไม่ได้ว่าแฟนบอล ทีมแมนฯ ยูไนเต็ด ทั้งหมดนะครับ เพราะแฟนฟุตบอลดีๆ มีเยอะทั่วโลก แต่พฤติกรรมแฟนบอลเหล่านี้มันรับไม่ได้ครับ มันเหมือนเป็นพวกขี้แพ้ชวนตี !

ผมถือว่ามันเป็นเรื่องที่เห็นแก่ตัวเหมือนกันนะ ที่คุณโพสต์ด่าคนอื่นได้ แต่เมื่อถึงตาคุณโดนบ้างกลับรับไม่ได้

ถ้าจะสรุปแล้ว บาโลเตลลี่ ผิดอะไรหรือครับ ผิดที่เค้าโพสต์ข้อความวิเคราะห์บอล หรือผิดที่เค้าแซว ทีมแมนฯ ยูไนเต็ด ถ้าหากคำตอบคือผิด ! แล้วทำไมต้องด่าทอกันด้วยข้อความที่มันเป็นการเหยียดผิด ผมว่ามันไม่ควรที่จะไปตอบโต้ด้วยถ้อยคำรุนแรงอะไรทั้งสิ้น ที่จะก่อให้เกิดความบาดหมาง

เพราะว่าสุดท้ายแล้ว สิ่งที่แฟนบอลเหล่านั้นทำลงไป อาจจะเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบ แต่เชื่อไหมผลกรรมนั้นมันจะย้อนตามมาเล่นงาน ดั่งเช่นตอนนี้ตำรวจแห่งเมอร์ซี่ย์ไซด์ เตรียมหามือดีที่โพสต์ทวิตเตอร์เหยียดผิว บาโลเตลลี่ มาดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว

เพียงแต่ว่าผมไม่ได้โลกสวย เพื่อมาตำหนิแฟนบอล "ทีมปีศาจแดง" บางจำพวกหรอกนะครับ เพราะสาวก "หงส์แดง" ที่ตัดผมขาว 3 ด้าน (เกรียน) ก็มีเหมือนกันแหละครับ ผมไม่ปฏิเสธแน่นอน

แต่ก็อยากให้บลัฟกันพอขำๆ เอาแบบหอมปากหอมคอ อย่าให้มันมีรุนแรงอะไรมากมาย !


ฟันธงได้เลย 100% ถ้าหากแซวกันแค่พอ หอมปากหปมคอ มันก็จะเป็นการบรรเทิงใจไปได้อีกอย่าง และยังทำให้เกมส์กีฬาฟุตบอล ดูมีสีสันด้วย แต่ก็นั่นแหล่ะนะ ถ้าวันไหนไม่ได้แซวมันก็คงเหมือนกับขาดอะไรไปสักอย่าง ฮ่าๆ

เนื้อหาโดย http://sport.sanook.com/football/premierleague/
วันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2557

วิเคราะห์ผลบอล : ดวลจุดโทษ เป็นสถิติใหม่ของลีกคัพ !

ดวลจุดโทษ เป็นสถิติใหม่ของลีกคัพ ! 

เมื่อทีมหงส์แดงดวลเป้าดับโบโร่ ผลบอล 14 - 13 + คลิป




สำหรับทีม หงส์แดง คงจะเรียกได้ว่า หืดจับ หลังจากที่เล่น 90 นาทีเสมอกับ "ทีมเดอะ โบโร่" 1-1 ต่อเวลายิงเพิ่มทีมละลูกเสมอกัน 2-2 ก่อนที่จะดวลจุดโทษทั้งทีมแล้วชนะไปด้วยสกอร์มโหราฬเป็นสถิติ 14-13 ในศึกแคปิตอล วัน คัพ อังกฤษ รอบ 3 เมื่อ 23 กันยายน ที่ผ่านมา

ข่าวฟุตบอล แคปิตอล วัน คัพ อังกฤษ รอบ 3 แข่งขันคืนวันอังคารที่ 23 กันยายน 2557 เป็นการพบกันระหว่างทีม "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ทีมขวัญใจแฟนๆ จาก ศึกโปรแกรมพรีเมียร์ลีก เปิดสนามแอนฟิลด์ รับการมาเยือนของ "สิงห์แดง" มิดเดิ้ลสโบรช์ ทีมในระดับแชมเปี้ยนชิพ

โดยเริ่มเกมมาถึงนาทีที่ 10 ทีมลิเวอร์พูล ก็มาได้ประตูขึ้นนำ 1 - 0 จากการสื่อสารผิดพลาดของระหว่างกองหลังกับผู้รักษาประตูทีมเยือน ริคกี้ แลมเบิร์ต ได้ยิงจังหวะแรกติดเซฟ ก่อนที่ จอร์แดน รอสซิเตอร์ กองกลางดาวรุ่งวัย 17 ปี จะแปสวนระยะร่วม 25 หลาเข้าประตูไป

นาทีที่ 25 ทีมหงส์แดง ยังเป็นฝ่ายคุมเกมได้มากกว่า มีลุ้นหวาดเสียว เมื่อ อดัม ลัลลาน่า ตั้งป้อมซัดไกลจากหน้าเขตโทษ บอลพุ่งหลุดเสาออกไป

นาทีที่ 30 โอกาสลุ้นประตูของ มิดเดิ้ลสโบรช์ จากลูกเตะมุมทางฝั่งซ้าย แกรนท์ ลีดบิทเทอร์ เปิดเข้าเขตโทษให้ กิเก้ วอลเลย์ด้วยซ้าย บอลแฉลบแนวรับเจ้าถิ่นข้ามคาน

นาทีที่ 38 เดอะ โบโร่ มีโอกาสได้ประตูตีเสมอ ลี ทอมลิน ซัดไกลจากหน้าเขตโทษ มินโญเลต์ ต้องออกแรงปัดทิ้ง ก่อนที่ อัลเบิร์ต อโดมาห์ จะตวัดบอลหลุนเข้ากลางให้ อดัม คเลย์ตัน ได้โหม่ง แต่ข้ามคาน

และหมดครึ่งแรก ทีมลิเวอร์พูล นำ ทีมมิดเดิ้ลสโบรช์ อยู่ 1 - 0

เริ่มเกมส์มาในครึ่งหลัง ก็ยังไม่มีทีมใดเปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่น เริ่มมานาที 62 "ทีมเดอะ โบโร่" มาทวงประตูตีเสมอเป็น 1 - 1 แกรนท์ ลีดบิทเทอร์ เปิดฟรีคิกจากมุมเขตโทษฝั่งขวาเข้ากลางให้ อดัม รีช โหม่งเปลี่ยนทางเสียบมุมตาข่าย

นาทีที่ 67 มิดเดิ้ลสโบรช์ เกมเริ่มดีขึ้นตามลำดับ มีโอกาสลุ้นจากจังหวะที่ อัลเบิร์ต อโดมาห์ เปิดจากริมเส้นฝั่งขวาเข้าเขตโทษให้ อดัม รีช ได้โหม่งแต่หลุดเสาสอง

นาทีที่ 74 ลิเวอร์พูล แก้เกมด้วยการส่ง มาริโอ บาโลเตลลี่ ลงมาล่าตาข่ายแทน ริคกี้ แลมเบิร์ต

นาทีที่ 77 ทีมเดอะ โบโร่ มีโอกาสลุ้นประตูอีกครั้ง ในจังหวะที่ อดัม คเลย์ตัน แต่งบอลยิงไกลด้วยขวา 25 หลาหน้าเขตโทษ บอลพุ่งเกือบเสียบมุม มินโญเลต์ บินปัดทิ้งไปได้

นาทีที่ 85 มิดเดิ้ลสโบรช์ เกือบได้ประตูชัยในช่วงท้ายเกม กิเก้ หลอกจ่ายบอลตัดหลังแนวรับเจ้าถิ่นให้ อดัม คเลย์ตัน หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงมุมแคบ บอลพุ่งเข้าข้างตาข่ายอย่างน่าเสียดาย

ในช่วงเวลาที่เหลือนั้น ก็ไม่มีทีมใดทำประตูได้เพิ่ม จึงทำให้จบเกม 90 นาที ทีมลิเวอร์พูล กับ ทีมมิดเดิ้ลสโบรช์ เสมอกันไป 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไปอีก 30 นาที

เริ่มเกมส์มาในช่วงต่อเวลาพิเศษ นาทีที่ 98 ทีมลิเวอร์พูล เปลี่ยนตัวคนสุดท้าย ส่ง ซูโซ่ ลงสนามมาแทน ลาซาร์ มาร์โควิช

นาทีที่ 109 เดอะ ค็อป เฮลั่น เมื่อมาได้ประตูแซงนำ 2-1 โฆเซ่ เอ็นริเก้ หลุดเข้าเขตโทษฝั่งซ้าย ปาดเรียดเข้ากลาง จาเมล แบล็คแมน ปัดบอลมาเข้าทาง ซูโซ่ กดด้วยขวา บอลพุ่งเรียดเสียบตาข่าย

นาทีที่ 120+3 ช่วงทดเวลาบาดเจ็บของการต่อเวลาพิเศษ โคโล่ ตูเร่ ออกลูกเหวอเข้าพรวดพราดไปตัดฟาวล์ใส่ แพทริค แบมฟอร์ด ในเขตโทษผู้ตัดสินเป่าทันที ก่อนที่ แบมฟอร์ด จะลุกขึ้นมาสังหารเองไม่พลาด โบโร่ ตีเสมอเป็น 2-2

ทำให้จบเกม 120 นาที ทีมลิเวอร์พูล เสมอ ทีมมิดเดิ้ลสโบรช์ 2-2 ต้องดวลจุดโทษหาผู้ชนะต่อไป

  1. คนที่ 1 ทีมลิเวอร์พูล มาริโอ บาโลเตลลี่ ผล ยิงเข้า
  2. คนที่ 1 ทีมมิดเดิ้ลสโบรช์ แพทริค แบมฟอร์ด ผล ไม่เข้า ติดเซฟ


  1. คนที่ 2 ทีมลิเวอร์พูล ลูคัส เลวา ผล ยิงเข้า
  2. คนที่ 2 ทีมมิดเดิ้ลสโบรช์ อดัม เคลย์ตัน ผล ยิงเข้า


  1. คนที่ 3 ทีมลิเวอร์พูล อดัม ลัลลาน่า  ผล ยิงเข้า
  2. คนที่ 3 ทีมมิดเดิ้ลสโบรช์ อดัม รีช ผล ยิงเข้า


  1. คนที่ 4 ทีมลิเวอร์พูล ซูโซ่ ผล ยิงเข้า
  2. คนที่ 4 ทีมมิดเดิ้ลสโบรช์ อัลเบิร์ต อโดมาห์ ผล ยิงเข้า


  1. คนที่ 5 ทีมลิเวอร์พูล ราฮีม สเตอร์ลิง ผล ไม่เข้า ติดเซฟ
  2. คนที่ 5 ทีมมิดเดิ้ลสโบรช์ เยลเล่ วอสเซน ผล ยิงเข้า


** (ซัดเดิ้ลเดธ)
  1. คนที่ 6 ทีมลิเวอร์พูล จอร์แดน วิลเลี่ยมส์ ผล ยิงเข้า
  2. คนที่ 6 ทีมมิดเดิ้ลสโบรช์ จอร์จ เฟรนด์ ผล ยิงเข้า


  1. คนที่ 7 ทีมลิเวอร์พูล โคโล่ ตูเร่ ผล ยิงเข้า
  2. คนที่ 7 ทีมมิดเดิ้ลสโบรช์ ดาเนี่ยล อยาล่า ผล ยิงเข้า


  1. คนที่ 8 ทีมลิเวอร์พูล มามาดู ซาโก้ ผล ยิงเข้า
  2. คนที่ 8 ทีมมิดเดิ้ลสโบรช์ ไรอัน เฟรเดอริคส์ ผล ยิงเข้า


  1. คนที่ 9 ทีมลิเวอร์พูล ฆาเบียร์ มานกีโย่ ผล ยิงเข้า
  2. คนที่ 9 ทีมมิดเดิ้ลสโบรช์ เคนเน็ธ โอเมรูโอ ผล ยิงเข้า


  1. คนที่ 10 ทีมลิเวอร์พูล โฆเซ่ เอ็นริเก้ ผล ยิงเข้า
  2. คนที่ 10 ทีมมิดเดิ้ลสโบรช์ ยานิค วิลด์ชุท ผล ยิงเข้า


  1. คนที่ 11 ทีมลิเวอร์พูล ซิมง มินโญเลต์ ผล ยิงเข้า
  2. คนที่ 11 ทีมมิดเดิ้ลสโบรช์ จาเมล แบล็คแมน ผล ยิงเข้า


  1. คนที่ 12  ทีมลิเวอร์พูล มาริโอ บาโลเตลลี่ ผล ยิงเข้า
  2. คนที่ 12  ทีมมิดเดิ้ลสโบรช์ แพทริค แบมฟอร์ด ผล ยิงเข้า


  1. คนที่ 13 ทีมลิเวอร์พูล ลูคัส เลวา ผล ยิงเข้า
  2. คนที่ 13 ทีมมิดเดิ้ลสโบรช์ อดัม เคลย์ตัน ผล ยิงเข้า


  1. คนที่ 12 ทีมลิเวอร์พูล อดัม ลัลลาน่า ผล ยิงเข้า
  2. คนที่ 12 ทีมมิดเดิ้ลสโบรช์ อดัม รีช ผล ยิงเข้า


  1. คนที่ 13 ทีมลิเวอร์พูล ซูโซ่ ผล ยิงเข้า
  2. คนที่ 13 ทีมมิดเดิ้ลสโบรช์ อัลเบิร์ต อโดมาห์ ผล ไม่เข้า หลุดกรอบ


ทำให้จบเกม ทีมลิเวอร์พูล เอาชนะในช่วงดวลจุดโทษ ด้วยสกอร์ยืดยาวเป็นสถิติใหม่ของฟุตบอลลีกคัพผลบอลพรีเมียร์ลีก 14-13 ผ่านเข้าสู่รอบที่ 4 ศึกแคปิตอล วัน คัพ ได้สำเร็จ

รายชื่อผู้เล่นทั้ง 2 ทีม

ทีมลิเวอร์พูล : 
  1. ซิมง มินโญเลต์ 
  2. ฆาเบียร์ มานกีโย่
  3. โคโล่ ตูเร่
  4. มามาดู ซาโก้
  5. โฆเซ่ เอ็นริเก้ 
  6. จอร์แดน รอสซิเตอร์ (จอร์แดน วิลเลี่ยมส์ น.79)
  7. ลูคัส เลวา 
  8. ลาซาร์ มาร์โควิช (ซูโซ่ น.98)
  9. อดัม ลัลลาน่า
  10. ราฮีม สเตอร์ลิง 
  11. ริคกี้ แลมเบิร์ต (มาริโอ บาโลเตลลี่ น.74)

สำรองไม่ได้ใช้ : 
  1. แบร็ด โจนส์ 
  2. มาร์ติน สเคอร์เทล
  3. อัลแบร์โต้ โมเรโน่
  4. ฟาบิโอ บอรินี่


ทีมมิดเดิ้ลสโบรช์ : 
  1. จาเมล แบล็คแมน 
  2. ไรอัน เฟรเดอริคส์
  3. เคนเน็ธ โอเมรูโอ
  4. ดาเนี่ยล อยาล่า
  5. จอร์จ เฟรนด์ 
  6. อัลเบิร์ต อโดมาห์
  7. อดัม เคลย์ตัน
  8. แกรนท์ ลีดบิทเทอร์ (แพทริค แบมฟอร์ด น.112)
  9. อดัม รีช
  10. ลี ทอมลิน (เยลเล่ วอสเซน น.112)
  11. กิเก้ (ยานิค วิลด์ชุท น.76)

สำรองไม่ได้ใช้ : 
  1. ดิมิตริออส คอนสแตนโตปูลอส 
  2. เบน กิ๊บสัน
  3. เจมส์ ฮัสแบนด์
  4. เอมิลิโอ เอ็นซูเอ้


ผู้ตัดสิน : ไมค์ โจนส์

ไฮไลท์ฟุตบอล ทีมลิเวอร์พูล VS ทีมมิดเดิ้ลสโบรช์

ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก >>> http://sport.sanook.com/101497/

เนื้อหาโดย Sanook.com
วันพุธที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2557

วิเคราะห์ฟุตบอล : ของเขาแรงจริง ๆ หลังจิ้งจอกสยามเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของทีมแมนยู

เมื่อสื่อแดนผู้ดี เปิดเผยว่า ทีมจิ้งจอกสยาม หรือ เลสเตอร์ ได้นิมนต์พระมาให้พรถึงถิ่น 

เรียกได้ว่าเปิดบ้านถล่มแมนฯยู และยังเปิดสถิติในบ้านยังไร้พ่าย



และเมื่อวันที่ 22 กันยายน ซึ่งทางเดลี่เมลล์ สื่อชื่อดังประเทศอังกฤษรายงานว่า สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ ได้นิมนต์พระสงฆ์ มาให้พรถึงสนามคิงพาวเวอร์ สเตเดียม ก่อนเกมที่จะถล่ม ทีมแมนฯยู 5-3

และหนึ่งในผู้ที่ทำประตู อย่าง เดวิด นิวเจนท์ และ เจมี วาร์ดี้ ถึงกลับสวมสร้อยพระหลังจบเกมนั้น ขณะที่ผู้จัดการทีม ไนเจล พาร์สัน ก็ให้การต้อนรับพระสงฆ์อย่างดี

ทั้งยังได้ถึงกับเชิญชวนว่า "ท่านสามารถมาที่สนามได้ทุกสัปดาห์" ส่วนทางด้านศูนย์หน้า เดวิด นิวเจนท์ ก็กล่าวด้วยว่า หวังว่าจะได้พบกับพระสงฆ์บ่อยๆ"

และทางด้านเจ้าของสโมสรชาวไทยคือ นายวิชัย ศิริวัฒน์ ได้นิมนต์พระสงฆ์มาให้พรในช่วงของการอบอุ่นร่างกาย และได้นิมนต์ให้ไปเยี่ยมชมสนามซ้อม พร้อมประกอบพิธีเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคล

ซึ่งทางด้าน สื่ออังกฤษ ก็ยังได้รายงานด้วยว่า นี่อาจจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เลสเตอร์ ซิตี้ ทำผลงานได้ดี และอยู่อันดับ 7 ของตาราง โดยผลงานในบ้านที่ผ่านมายังไม่เคยแพ้ใคร 
โดยเล่นในบ้าน 
  • ผลเสมอ ทีมเอฟเวอร์ตัน 2 - 2
  • ผลเสมอ ทีมอาร์เซนอล  1 - 1 

โดยเกมส์ล่าสุดก็ยังสามารถพลิก
  • ผลเอาชนะ ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปด้วยสกอร์ 5 - 3



ที่มา >>> http://sport.sanook.com/101201/
เนื้อหาโดย Sanook.com

วิเคราะห์บอล : รูนจวกเกมรับยวบทำพ่ายเละ



วิเคราะห์บอล : รูนจวกเกมรับยวบทำพ่ายเละ




กลายเป็นปัญหาเดิมๆ สำหรับ หมูรูน โดยเขาได้บ่นเกมรับของ "ทีมผีแดง" ห่วยเกินแกง เป็นเหตุให้พ่าย "ทีมจิ้งจอกสยาม" 3-5 พร้อมชี้ทีมไม่สามารถปิดเกมได้เอง ไม่โทษ "เปามาร์ค"

โดยที่เวย์น รูนี่ย์ ซึ่งเป็นกัปตันทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ออกโรงวิจารณ์เกมรับของทีมตัวเอง ว่าเล่นกันได้ไม่เป็นทีม แถมมีความผิดพลาดมากมาย เป็นเหตุให้ต้องพ่ายให้กับทีม เลสเตอร์ ซิตี้ ไปแบบพลิกความคาดหมาย 3-5 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา โดยชี้อีกว่านักเตะนิ่งไม่พอ จึงไม่สามารถปิดเกมได้สำเร็จ พร้อมไม่โทษการตัดสินของ มาร์ค คลัทเท่นเบิร์ก ที่เป่าลูกจุดโทษสุดกังขาอีกด้วย

ซึ่งทางหัวหอกทีมชาติฟุตบอลอังกฤษ ได้กล่าวว่า "เหตุการณ์นี้มันน่าผิดหวังจริงๆ โดยการนำ 3-1 แล้วกลับมาแพ้ มันเป็นเรื่องที่รับได้ยาก เราควรต้องทำให้ดีกว่านี้ในฐานะการเล่นแบบเป็นทีม อ่านเกมให้ออกและเอาชนะมันด้วยตำแหน่งที่เราอยู่ เรายังมีข้อผิดพลาด และเราก็ไม่ได้ทำให้ดีพอในฐานะทีมในการหยุดพวกเขาทำประตู มันเป็นเกมที่เราเล่นกันได้ดีในแนวรุก ยิงประตูได้ และมีความสวยงาม แต่ก็เสียประตูจากความผิดพลาด"

เขายังได้กล่าวต่อว่า เราต้องทำให้ดีกว่านี้ เรารู้อยู่แล้ว มันไม่สวยเลยเมื่อคุณเสียประตูทั้งๆ ที่สามารถป้องกันมันได้ ทุกๆ คนรู้ดีอยู่แล้ว พวกเขากำลังได้โมเมนตั้มกลับมาในช่วง 20 นาทีสุดท้าย และเราต้องพยายามทำใจให้เย็นและปิดเกมให้ได้ แต่เรากลับไม่สามารถทำมันได้   รูนี่ย์ วิจารณ์ถึงเพื่อนร่วมทีม

และซึ่งในขณะเดียวกันที่ หมูรูน นั้นไม่คิดโทษการตัดสินของ คลัทเท่นเบิร์ก แม้จะมองว่าจังหวะที่ ราฟาเอล แบ็กขวาเพื่อนร่วมทัพ กระแทกเบาๆ ใส่ เจมี่ วาร์ดี้ ไม่ควรจะเป็นลูกฟาลว์แต่อย่างใด โดยกล่าวว่า 


ตัวผมนั้นไม่คิดว่ามันจะเป็นลูกจุดโทษเลย ผมคิดว่ามันรุนแรงเกินไป แต่กรรมการสมัยนี้ต้องเจอกับการทำงานที่ยากลำบากมาก เราเข้าใจดี มาร์ค คลัทเท่นเบิร์ก ต้องตัดสินใจในสิ่งที่เขารู้สึกว่าถูกต้อง และเราก็ต้องยอมรับมัน

และทั้งนี้ โปรแกรมบอลนัดต่อไปของ "ทีมปีศาจแดง" มีคิวเปิดรัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด รับการมาเยือนของ ทีมเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่เพิ่งเอาชนะทีม ลิเวอร์พูล 3-1 ไปหมาดๆ ในวันเสาร์ที่ 27 กันยายนนี้



ข่าวจาก >>> http://sport.sanook.com/football/premierleague/
วันอังคารที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2557

วิเคราะห์ผลบอล : เมื่อซาบาเลต้าออกมาโวยเปาไม่ยอมไล่คอสต้าออก




เรียกได้ว่าเป็น 2 การวิเคราะห์บอลมาตราฐานรึปล่าว? หลังจากที่ซาบาเลต้า โวยแหลก จวกเปา ทำหน้าที่ผิดพลาด ในเกมตารางบอล ''ทีมเรือใบ'' แบ่งแต้ม ''ทีมสิงห์บลูส์'' ชี้สุดแปลกใจที่เห็น ''คอสต้า'' ยังอยู่ในสนาม ทั้งที่มีหลักฐานแฉว่าบีบคอตน

โดยที่นักเตะ ปาโบล ซาบาเลต้า ซึ่งเป็นกองหลังตัวเก่งของสโมสร ทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมมหาเศรษฐีจากศึก พรีเมียร์ลีกอังกฤษ ออกมาโร่ขอขมาสาวก "ทีมเรือใบสีฟ้า" ทุกคน ผ่านทวิตเตอร์ของตัวเอง โทษฐานที่เจ้าตัวทำพลาดโดนใบแดงไล่ออก จนทำให้ทีมเสียเปรียบในเกมที่ต้นสังกัดเปิดบ้านเสมอกับ ทีมเชลซี ไป 1-1 เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา พร้อมจวกกรรมการทำหน้าที่ผิดพลาดที่ไม่ยอมไล่ ดีเอโก้ คอสต้า คู่กรณีออกจากสนาม ทั้งๆ ที่มีภาพหลักฐานว่าเข้ามาบีบคอตน

ซึ่งทางดาวเตะเลือด "ฟ้า-ขาว" วัย 29 ปี โพสข้อความและภาพโปรแกรมบอลที่เจอ คอสต้า กำลังเข้ามาบีบคอตัวเขา ผ่าน "@Pablo Zabaleta" ซึ่งเป็นทวิตเตอร์ส่วนตัวหลังจบการแข่งขันว่า "ผมอยากจะขอโทษต่อทุกคนที่เกี่ยวข้องกับทีมจากใบแดงที่ผมได้รับในวันนี้ อย่างไรก็ตามหลังจากได้เห็นภาพนี้ออกมา ผมแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยว่า ดีเอโก้ คอสต้า ยังได้อยู่ในสนามต่อไป"

และสำหรับ ปัญหาดังกล่าว เกิดขึ้นตอนนาที 66  โดยที่ ซาบาเลต้า ได้เข้าไปทำฟาวล์ใส่ คอสต้า ทำให้ศูนย์หน้าจากทัพ "ทีมสิงห์บลูส์" ไม่พอใจอย่างมาก ปรี่ขึ้นมาเอาเรื่อง ซึ่งทั้งคู่งัดกันไปงัดกันมาอยู่ครู่เดียว ก็ถูก ไมค์ ดีน สิงห์เชิ๊ตดำ แจกใบเหลืองให้คนละใบ เพื่อไปสงบสติอารมณ์ ทำให้ ซาบาเลต้า ถูกไล่ออกทันที เพราะมีใบเหลืองติดตัวอยู่แล้ว ในขณะที่ คอสต้า ได้อยู่เล่นต่อ ก่อนจะถูกเปลี่ยนตัวออกไปในช่วงท้ายเกม



ขอบคุณเนื้อหาโดย >>>> http://sport.sanook.com/100929/

ข่าวฟุตบอล : แอ็กเกอร์ เผยลาลิเวอร์พูลเพราะขัดแย้งกับบีร็อด

จริงหรือ? หลังจากที่แอ็กเกอร์ แจงเหตุลา หงส์ โดยระบุว่าเป็นเพราะตนมีความเห็นไม่ตรงกับ ร็อดเจอร์ส สักอย่าง ตลอดทั้งฤดูกาล

สำหรับดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ ปราการหลังตัวแกร่งของ บรอนด์บี้ ทีมชื่อดังแห่งศึกฟุตบอลลีกเดนมาร์ก เอ่ยปากให้สัมภาษณ์แจงวิเคราะห์บอลถึงสาเหตุสำคัญที่ทำให้ตนเลือกเก็บข้าวของอำลา ลิเวอร์พูล เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา โดยระบุว่ามีปัจจัยมาจากการที่ความสัมพันธ์ระหว่างตนกับ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือหนุ่ม นั้นดำเนินไปได้อย่างย่ำแย่ตลอดทั้งซีซั่น ทำให้ตนไม่มีทางเลือกอะไรทั้งสิ้นนอกเหนือจากการต้องแยกทาง ทั้งๆ ที่ตนก็รัก "หงส์แดง" หมดใจ

โดยที่ดาวเตะวัย 29 ได้กล่าววิเคราะห์บอลถึงเรื่องนี้ว่า ผมขอพูดแบบนี้แล้วกันนะ ผมกับผู้จัดการทีมเรามีความเห็นกันไปคนละเรื่องเลยทีเดียวเมื่อตลอดทั้งฤดูกาลที่แล้ว มันมีเหตุการณ์ระหว่างเราเกิดขึ้นมากมาย และสำหรับผม แค่นั่นมันก็เกินพอ ผมมีความรู้สึกว่าเขาไม่ปลื้มกับทุกสิ่งที่ผมมีศักยภาพในการนำเสนอ และเมื่อผมรู้สึกแบบนั้น มันก็ถึงเวลาที่ผมจะต้องก้าวต่อไป ผมเป็นคนที่พูดตรงๆ ผมพูดสิ่งต่างๆ ตามที่ผมเห็น และผมก็คาดหวังให้ทุกคนทำแบบเดียวกับผม ซึ่งบางทีการคาดหวังแบบนั้นอาจจะไม่ควร

โดยทั้งนี้ ลิเวอร์พูล ชุดปัจจุบันที่ไร้เงาของ แอ็กเกอร์ นั้นเสียไปแล้วถึง 8 ประตู จากการลงสนาม 5 นัด ในการแข่งขันของซีซั่นนี้

เนื้อหาโดย http://sport.sanook.com/football/
วันจันทร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2557

สกู๊ปฟุตบอลพิเศษ วิเคราะห์บอลทีมลิเวอร์พูล และ ทีมแมนฯยู “เราจะไม่มีวันอย่างเดินเดียวดาย”

ชมไฮไลท์พรีเมียร์ลีก เลสเตอร์ ซิตี้ 5-3 แมนฯยูไนเต็ดคลิ๊กที่นี่

ชมไฮไลท์พรีเมียร์ลีก เอฟเวอร์ตัน 2-3 คริสตัล พาเลซคลิ๊กที่นี่


==================================

มาดูสกู๊ปพิเศษ ทีมลิเวอร์พูล - ทีมแมนฯยู 

“เราจะไม่มีวันอย่างเดินเดียวดาย”


วิเคราะห์บอล : สำหรับเกมในศึกพรีเมียร์ลีก ของสัปดาห์นี้ แฟนๆของทั้ง ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล คงจะเซ็งไปตามๆกัน เนื่องจากทั้งสองทีม ต่างโดนทีมเล็กกว่าอัดซะเละไม่แพ้กัน เลยกลายเป็นว่าทั้งสองทีมต่างก็แพ้เป็นเพื่อนกันซะงั้น

ซึ่งหลังจบเกมพรีเมียร์ลีก สุดสัปดาห์ นี้ มีเรื่องให้พูดถึงมากมาย ระหว่างที่เขียนการแข่งขัน ระหว่าง ทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ ทีมเชลซี  ที่กำลังเริ่มขึ้น เราจะไม่พูดถึงเรื่องนั้นแต่ เรามาพูดถึงความพ่ายแพ้ของ "ทีมปีศาจแดงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต่อ เลสเตอร์ ซิตี้ด้วยสกอร์ 5-3

โดยที่ก่อนหน้าเกมนี้ เมื่อวัน เสาร์ที่ผ่านมาทีม "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล คู่แค้นตลอดชาติของ ทีมแมน ฯ ยูไนเต็ด ก็พลาดท่า บุกไปโดนทีม "ขุนค้อน" เวสต์แฮม ทุบซะเละ 3-1 ถือเป็นการพ่ายแพ้ นัดที่ 3 แล้ว ในฤดูกาลนี้ ทั้งที่เพิ่งเปิดฤดูกาลไปแค่ 5 นัดเท่านั้น


ซึ่งสิ่งที่เห็นได้ชัด ๆ ในฤดูกาลนี้ของทีมฟุตบอล "หงส์แดง" คือ แนวรับที่อ่อนอย่างกับหยวกกล้วย โดนบอมมากๆเข้าออกอาการเป๋ ให้เห็นกันตลอด อย่างในเกมที่ พวกเขาพ่ายต่อทีม แอสตัน วิลล่า ประตูชัยของวิลล่า ก็มาจากจังหวะเตะมุม

และในเกมที่พวกเขาพ่าย ทีมเวสต์แฮม ฯ เพียงแค่ 10 นาทีแรกโดน "ทีมขุนค้อน" ทะลวงไป 2 ลูก นี่เป็นจุดอ่อนของลูกทีม เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ที่ยังแก้ไม่หายซักที ช่วงซื้อ-ขาย ตลาดนักเตะซัมเมอร์พวกเขา เจียด 20 ล้านปอนด์ ดึง เดยัน ลอฟเลน มาปักหลักแนวรับให้กับทีม แต่ดูเหมือนว่า ลอฟเลน ยังไม่เข้าขากับ คู่เซ็นเตอร์แบ็คของ ลิเวอร์พูล ทั้ง มามาดู ซาโก้ และ มาร์ติน สเคอร์เทล


โดยที่ในเกมรุกของพวกเขา ที่มี 1.มาริโอ บาโลเตลลี่, 2.ราฮีม สเตอร์ลิ่ง เป็นตัวชูโรงในช่วงที่ แดเนียลสเตอร์ริดจ์ บาดเจ็บ ก็ยังประสานงานกันไม่ดี กองกลางยิงแล้วเข้าไปใหญ่ ทั้ง 1.อดัม ลาลาน่า, 2.ลาร์ซ่า มาร์โควิช, 3.ฟิลิปเป้ คูตินโญ, 4.ลูคัส เลว่า, 5.เจอร์ราร์ด, 6.เฮนเดอร์สัน ก็ยังประสานงานกันได้ไม่ดี บอลไปถึงกองหน้าน้อยมาก ต้องอาศัยเจาะเข้าด้านข้างแล้วเปิดเข้ากลางมาลุ้นประตู สิ่งเหล่านี้เป็นปัญหาที่ ร็อดเจอร์ส ต้องปรับแก้ไขอย่างเร่งด่วน

และลองข้ามฝากมาดูทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เกมในวัน อาทิตย์ เป็นเหมือนฝันร้ายของลูกทีม หลุยส์ ฟาน กัล เมื่อพวกเขาทำประตูหนีห่าง ทีมเลสเตอร์ ซิตี้ ไปถึงสองครั้งสองคราแต่ก็โดนลูกทีมของ ไนเจล เพียร์สัน ไล่ตามตีเสมอได้สำเร็จ ก่อนที่จะเร่งเครื่องในช่วงท้ายแซงชนะ ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปได้ผลบอล 5 - 3 ซึ่งถือเป็นชัยชนะต่อ ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ในรอบ 29 ปี อีกด้วย


โดยที่ไฮไลท์ที่สำคัญของเกมนี้คงหนีไม่พ้น 2 จุดโทษ ที่ มาร์ค แคล็ตเท่นเบิร์ก เป่าให้กับ ทีมเลสเตอร์ ซิตี้ จุดโทษแรก ราฟาเอล พลาดไปโดน เจมี่ วาร์ดี้ กระแทกแล้วฉกบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษ ราฟาเอล วิ่งตามไปกดเจ้าตัวล้มลงในเขตโทษแล้วโดนจุดโทษ

และหลังจากนั้นไม่นานโปรแกรมฟุตบอล แมนฯ ยูไนเต็ด โดน เอสเตบัน กัมบิอัสโซ่ ยิงตีเสมอ แล้วแนวรับพวกเขาก็รวนปั่นป่วน การตรึงเกมไว้เพื่อที่จะจู่โจม ทีมเลสเตอร์ ทำได้ไม่ดี ฆวน มาต้า โดนฉกบอลไปแล้ว โดน วาร์ดี้ ลงโทษทันที

ซึ่งหลังจากโดนนำ ดูเหมือน ทีมยูไนเต็ด จะช็อกไม่หายแล้ว ทำให้ทีม เลสเตอร์ อาสัยจังหวะสวนกลับเร็ว มาเข้าทาง วาร์ดี้ อีกครั้ง แล้ว ไทเลอร์ แบล็คเก็ตต์ ก็ไปเสียบสกัด วาร์ดี้ ล้มลงในกรอบเขตโทษแบล็คเก็ตต์ โดนใบแดงทันที อูยัว สังหารจุดโทษไม่พลาด ทีมแมนฯ ยูไนเต็ด พ่ายแพ้อีกครั้งและ ชนะ เพียงแค่เกมเดียว ใน 5 เกมแรกของฤดูกาลนี้

และสิ่งที่เห็นจากทั้ง 2 ทีม ไม่ว่าจะเป็น ทีมลิเวอร์พูล หรือ ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือการประสานงานของแข้งเก่าและใหม่ที่ยังไม่เนียนสนิท และเกมรับที่อ่อนหลวมโดนบอมไม่นานก็เสียประตู


ซึ่งแม้ว่า ซัมเมอร์ที่ผ่านมา ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะใช้เงินซื้อผู้เล่นมากถึง 157.7 ล้านป. ซึ่งได้ซื้อผู้เล่นตัวดีๆเข้ามาเสริมในทีมมากมาย แต่ก็ยังต้องการเวลาปรับจูนอีกมาก

ก็คงเป็นเช่นเดียวกับทีมดังฝั่ง เมอร์ซี่ไซด์ ที่ยังต้องการเวลาปรับจูนเข้าหากันของแข้งเก่าและใหม่อีกซักพัก พรีเมียร์ลีก ยังเป็นลีกที่แข็งแกร่ง ทุกทีมสามารถชนะกันได้ทุกทีม ความสนุกเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น

ถึงแม้ว่าสัปดาห์นี้ ทีมแมน ฯ ยูไนเต็ด จะมีเพื่อนแพ้ด้วยกัน อย่าง ทีมลิเวอร์พูล ก็คงต้องดูกันยาวๆ อยากจะขอใช้สโลแกนที่ว่า "เราจะไม่มี วันเดินเดียวดาย แต่เราจะอับอายไปด้วยกัน" กับทั้งสองทีมนี้นะครับ


==================================

ข่าวลือ? ทีมผีแดงยัดออปชั่นส่งฟัลเกากลับหากเกิดเดี้ยงซ้ำ

จริงหรือเปล่านะ หลังจากที่ "ทีมปีศาจแดง" ได้ยัดเงื่อนไขในสัญญายืม ราดาเมล ฟัลเกา ชี้หากเจ็บเข่าอีกมีสิทธิ์ส่งตัวคืน ทีมโมนาโก ได้ทันที

ซึ่งทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้ตกเป็นข่าวว่าสามารถยกเลิกสัญญาการยืมตัวของ ราดาเมล ฟัลเกา หัวหอกตัวกลั่นของทีมที่ยืมตัวมาจาก อาแอส โมนาโก ในศึกลีก เอิง ฝรั่งเศส ได้อย่างไม่มีปัญหา หากว่ากองหน้าทีมชาติโคลอมเบียรายนี้ได้รับบาดเจ็บบริเวณหัวเข่าอีกครั้ง หลังจากที่เจ้าตัวเคยบาดเจ็บอย่างหนักมาแล้วที่บริเวณหัวเข่าเมื่อฤดูกาลก่อน จนต้องพักรักษาตัวนานหลายเดือนเลยทีเดียว

โดยจากรายงานดังกล่าวได้ระบุว่า "ทีมปีศาจแดง" ยังค่อนข้างเป็นกังวลกับสภาพร่างกายของ "เอล ติเกร" ที่แม้จะผ่านการตรวจร่างกายกับทีมแพทย์ของทีมมาแล้วก็ตาม จึงส่งผลให้ "เร้ด เดวิลส์" เพิ่มเงื่อนไขในการยกเลิกสัญญายืมตัวของ ฟัลเกา อยู่ในสัญญาด้วย ซึ่งหากกองหน้าเลือด "โคเคน" ได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่าอีกครั้ง แมนฯ ยูไนเต็ด ก็มีสิทธิ์ที่จะส่งตัว ฟัลเกา กลับต้นสังกัดที่แท้จริงอย่างทีม โมนาโก ได้ทันที

==================================

เฮียมู ไม่ติดใจแลมพ์ส หลังซัดประตูสิงห์และพอใจผลบอลเจ๊าเรือ


ทางด้านของ เดอะ สเปเชี่ยล วัน ยันว่า ไม่ติดใจดราม่า! "แลมพ์ส" ทะลวงตาข่ายทีมเก่า "ทีมสิงห์บลูส์" ชมสมกับเป็นมืออาชีพแล้ว พร้อมรับ พอใจแบ่งแต้มกับ "ทีมเรือใบสีฟ้า"

ทางด้านของโชเซ่ มูรินโญ่ ผู้จัดการทีมจอมอหังการของ ทีมเชลซี สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกโปรแกรมพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ยืนยันว่า ตนนั้นไม่ติดใจอะไรกับการที่ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ดาวเตะจอมเก๋าของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยิงประตูใส่ต้นสังกัดเก่า "ทีมสิงโตน้ำเงินคราม" ช่วยให้ "ทีมเรือใบสีฟ้า" ไล่ตีเสมอ 1-1 ได้สำเร็จเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา 21 กันยายน พร้อมกับชื่นชมว่านักเตะทำหน้าที่ได้สมกับเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง

โดยที่ แลมพ์ส ได้ถูกเปลี่ยนตัวลงสนามมาในช่วงนาทีที่ 78 ซึ่งขณะนั้นทีม แมนฯ ซิตี้ ตามหลัง ทีมเชลซี อยู่ 0-1 แต่อีกเพียง 7 นาทีต่อมาเจ้าตัวก็มายิงประตูตีเสมอให้ "ทีมเรือใบสีฟ้า" ไล่มาเป็น 1-1 อย่างไรก็ตาม มูรินโญ่ ก็ไม่ได้ติดใจอะไรกับการที่นักเตะยิงประตูใส่ต้นสังกัดเก่า พร้อมกับชื่นชมในความเป็นมืออาชีพ โดยให้สัมภาษณ์ว่า "ส่วนตัวผมไม่ได้ติดใจอะไรทั้งสิ้น แลมพาร์ด เป็นผู้เล่นของ ทีมแมนฯ ซิตี้ แล้ว แม้บางทีผมจะจริงจังกับเรื่องฟุตบอลไปเสียหน่อย แต่เมื่อเขาได้ตัดสินใจมาเป็นคู่แข่งของ ทีมเชลซี เรื่องของความรักมันก็ไม่เกี่ยวกันแล้ว"

และเขายังได้พูดต่ออีกว่า แลมพ์สเขาก็ทำหน้าที่ของเขาได้ดีในฐานะเป็นมืออาชีพ และเขาก็ยิงประตูได้ ที่นี่คือ อังกฤษ และนี่คือทีม เชลซี แต่แฟน ทีมเชลซี ไม่เคยลืมเลยว่าเขาได้ทำอะไรไว้ให้กับสโมสรแห่งนี้บ้าง และมันก็เคยเกิดขึ้นกับผมมาแล้วตอนที่ผมเจอกับ ทีมเชลซี ในฐานะกุนซือของ ทีมอินเตอร์ มิลาน และตอนนี้มันก็เกิดขึ้นกับ แลมพ์ส

ซึ่งพร้อมกันนี้ทาง "เดอะ สเปเชี่ยล วัน" ยังรู้สึกพอใจกับผลบอลที่ออกมาเสมอ 1-1 กับ ทีมแมนฯ ซิตี้ และแบ่งกันไปทีมละแต้ม โดยได้กล่าวว่า "มันเป็นเกมใหญ่ และผมคิดว่าบางที่การจบลงที่ 1-1 มันก็เป็นผลที่แฟร์สุดแล้ว"

==================================

สื่อออกมาแฉ! ทีมผีนำ2ลูกแพ้คู่แข่งครั้งแรกในศึกพรีเมียร์ลีก


ทางด้านหลุยส์ ฟาน กัล กุมขมับ สื่อผู้ดีขุดสถิติแฉ หลังเกมพ่าย "ทีมจิ้งจอกสยาม" 3-5 ชี้ "ทีมปีศาจแดง" พ่ายคู่แข่ง ทั้งที่เป็นฝ่ายนำอยู่ 2 ลูก ครั้งแรกในประวัติศาสตร์นับตั้งแต่มีการก่อตั้ง พรีเมียร์ลีก

ซึ่งหลุยส์ ฟาน กัล ผู้จัดการทีมเก้าอี้ร้อนของสโมสรฟุตบอล ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมดังจากศึก พรีเมียร์ลีก สร้างสถิติที่ไม่อยากจดจำขึ้นมาอีกครั้ง หลังเกมที่พวกเขาบุกไปพ่ายต่อ ทีมเลสเตอร์ ซิตี้ 3-5 เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา เมื่อสื่อของเมือง "ผู้ดี" แฉว่า นี่ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของ พรีเมียร์ลีก ที่ "ทีมปีศาจแดง" พ่ายต่อคู่แข่ง ทั้งที่พวกเขาเป็นฝ่ายนำก่อนถึง 2 ประตู

และทางสื่อโปรแกรมบอลดังกล่าวยังได้เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ที่พรีเมียร์ลีก เริ่มก่อตั้งมาเมื่อปี 1992 ทัพ "ทีมปีศาจแดง" ยิงประตูนำคู่แข่ง 2 ลูกไปทั้งหมด 375 หน ซึ่งผลจบลงด้วยชัยชนะของ ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 363 ครั้ง เสมอ 11 ครั้ง และเพิ่งจะแพ้แค่ครั้งเดียว นั่นคือแพ้ให้กับ ทัพ "ทีมจิ้งจอกสยาม" ในเกมล่าสุด

โดยนอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยการวิเคราะห์บอลพรุ่งนี้สถิติอีกหลายรายการ ที่เกิดขึ้นในเกมดังกล่าว เช่น ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นทีมใน พรีเมียร์ลีก ที่เสียจุดโทษให้กับคู่แข่งมากครั้งที่สุด ตลอดปี 2014 (6 ครั้ง เท่ากับ ทีมท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์), ทีมเลสเตอร์ ซิตี้ เป็นทีมที่ 6 ที่พังตาข่าย "ทีมปีศาจแดง" ได้ 5 ประตูขึ้นไปในเกม พรีเมียร์ลีก ต่อจาก ทีมนิวคาสเซิ่ล, ทีมเซาธ์แฮมป์ตัน, ทีมเชลซี, ทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ทีมเวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน

==================================

ทางด้านบาโลได้โพสต์เรียกแขก!

หลังเจอเดนคนรุมเหยียดสีผิว

หลังจากที่ "บาโล" ได้เจอดีถูกเกรียนคีย์บอร์ดโพสต์เหยียดผิวในทวิตเตอร์ หลังเจ้าตัวโพสต์เย้ย "ทีมปีศาจแดง" ที่แพ้ "ทีมจิ้งจอกสยาม" 3-5 ด้านตำรวจเตรียมหาหลักฐานดำเนินคดี

โดยหลังจากที่ มาริโอ บาโลเตลลี่ กองหน้าฟุตบอลสติเฟื่องของ ทีมลิเวอร์พูล สโมสรขวัญใจมหาชนแห่งเวทีพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เจอดีเข้าให้แล้วเมื่อถูกแฟนบอลรายหนึ่งเหยียดผิวใส่ผ่านทางทวิตเตอร์ หลังจากที่กองหน้าทีมชาติอิตาลี โพสต์ข้อความในทำนองเย้ยหยันความพ่ายแพ้ของ ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่บุกไปพ่ายสโมสรน้องใหม่อย่าง เลสเตอร์ ซิตี้ 3-5 เมื่อวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา

ซึ่ง "เกรียนโอ้" ยังคงสร้างวีรกรรม เกรียน อย่างต่อเนื่อง โดยหลังจากที่คู่ปรับตลอดกาลอย่าง "ทีมปีศาจแดง" บุกไปพ่าย "ทีมจิ้งจอกสยาม" 3-5 บาโลเตลลี่ ได้โพสต์ข้อความเชิงหัวเราะเยาะเย้ยผลงานของทัพ "เร้ด เดวิลส์" ก่อนจะมีบรรดาแฟนบอลเข้ามาแสดงความคิดเห็นมากมายถึง 150,000 ข้อความ และมีหลายข้อความที่เป็นการเหยียดผิวโดยตรงใส่หัวหอกเชื้อสายกาน่ารายนี้ด้วย

และล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจในเมืองเมอร์ซี่ไซด์ ได้เตรียมหาหลักฐานเพื่อมาลงโทษแฟนบอลนิสัยเสียกลุ่มดังกล่าวให้เร็วที่สุด แม้ว่าบัญชีรายชื่อของผู้ก่อเหตุจะถูกลบทิ้งไปแล้วก็ตาม โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังรอรายงานจากผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินคดีนำผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้
วันศุกร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2557

มาแล้วเหรียญทองแรกเอเชี่ยนเกมส์ยกน้ำหนักไทย




มาแล้วเหรียญทองแรก!!! เมื่อพนิดา คำศรี ซึ่งเป็นนักกีฬายกน้ำหนักลงชิงชัยเหรียญทองแรกให้กับประเทศไทย ในรุ่น 48 กิโลกรัม ด้านของ น้องแต๋ว พิมศิริ ศิริแก้ว เจ้าของเหรียญเงินโอลิมปิค 2012 ลั่นฟิตพร้อมเต็มที่

สำหรับความเคลื่อนไหวกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ครั้งที่ 17 ณ เมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ ล่าสุด ตามโปรแกรมบอล , ยกน้ำหนักการแข่งขันในวันที่ 20 กันยายน 2557 จะมีการแข่งขันยกน้ำหนักในรุ่น 48 กิโลกรัม ซึ่งทัพนักกีฬายกน้ำหนักไทยส่ง พนิดา คำศรี เจ้าของเหรียญเงินยกน้ำหนักชิงแชมป์เอเชีย เมื่อปี 2012 ลงแข่งขันในเวลา 14.00 นาฬิกา ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งการแข่งขันครั้งนี้ถือเป็นการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ครั้งแรกของจอมพลังสาวสุรินทร์อีกด้วย

ซึ่งในด้านของรุ่นพี่ในทีมอย่าง "น้องแต้ว" พิมศิริ ศิริแก้ว เจ้าของเหรียญเงินโอลิมปิค 2012 ที่จะลงแข่งขันในรุ่น ก็ได้เปิดเผยถึงความพร้อมของตนเองว่า "ณ ตอนนี้ สภาพร่างกายฟิตพร้อมเต็มที่แล้ว ถือแม้จะมีอาการตึงๆ อยู่บ้างเล็กน้อยแต่ก็เชื่อว่าจะไม่สร้างปัญหาอะไรกับการแข่งขันมากนัก พร้อมจะทุ่มเทเต็มที่เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย"

และสำหรับน้องแต้ว พิมศิริ ศิริแก้ว จะทำการลงแข่งขันในรุ่น 63 กิโลกรัม หญิง ในวันที่ 23 กันยายน 2557 แฟนๆกีฬาไทยสามารถติดตามรายงานผลการแข่งขันสดๆได้ทาง 
http://sport.sanook.com/football/

วิเคราะห์ผลบอล UFA ว่าจะเสียขวัญกันหรือเปล่า?



หลังจากที่บรรดาทีมจากศึกโปรแกรมพรีเมียร์ลีก ออกสตาร์ตนัดแรกในถ้วยใหญ่ของยุโรปแบบไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ ค่อนข้างกระท่อนกระแท่นกันถ้วนหน้า

มาวิเคราะห์บอล เริ่มแรกที่ทีม ลิเวอร์พูลนั้นต้องผ่านโปรแกรมบอลเหนื่อยแบบขาดใจในบ้านตัวเองกว่าจะเก็บ 3 แต้มล้ำค่าได้ต้องใช้ช่วงเวลาทดเจ็บมารักษาหน้า ในขณะที่เชลซีได้เพียงแค่แบ่งแต้ม แม้ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรมากมาย แต่ถ้วยยุโรปเกมในบ้านเพื่อความชัวร์ต้อง 3 แต้มเอาไว้ก่อน

ตามมาด้วยทีมอาร์เซนอล กับ ทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถึงกับไม่มีแต้มติดมือ 2 ทีมดังจากพรีเมียร์ลีก ออกนอกบ้านไปเสียท่าให้กับยอดทีมของบุนเดสลีกาอย่าง ทีมดอร์ทมุนด์ และ ทีมบาเยิร์น มิวนิค



เรียกได้ว่าตารางบอล หายนะกันหรือเปล่า ไม่ถึงขนาดนั้นแน่นอน ดูกนด้วยความเป็นธรรมมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้อยู่แล้ว อาร์เซนอลไปเยือนดอร์ทมุนด์ได้สักแต้มก็พอใจแล้ว แต่ถึงขั้นแพ้มันก็อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง

สำหรับทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปเยือน ทีมบาเยิร์น มิวนิค ได้สักแต้มก็โอเคเช่นกัน ทว่ากลับบ้านมือเปล่าก็อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง

ทางด้านของทีมลิเวอร์พูลควรจะดูสบายๆมากกว่าใครเกือบเอาตัวไม่รอด ดูจากฟอร์มก็ไม่ถึงกับเซอร์ไพรส์ ผลงานของทีมเชลซีน่าเสียดายหน่อย ฟอร์มกำลังแรงความมั่นใจกำลังสุดขีด เล่นในบ้านคาดหวังกันเต็มที่

ซึ่งไม่ง่ายอยู่แล้วกับการเจอทีมยักษ์ใหญ่ของบุนเดสลีกา ทีมอาร์เซนอลหวังสร้างโอกาสส่องประตู ทีมดอร์ทมุนด์ได้น้อยมาก ยิงเข้ากรอบแค่ครั้งเดียว



ทางด้านทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่แตกต่างเท่าไหร่ในเรื่องนี้ ซึ่งสร้างโอกาสในการยิงเข้ากรอบแค่ 2 ครั้ง แต่รูปเกมของทีมเรือใบอาจจะดูมั่นคงกว่า ทีมอาร์เซนอล

โดยจากประสบการณ์ด้านลบ ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นสามารถเป็นบทเรียนที่ดีได้ และการพัฒนาตัวเองจะเกิดขึ้น อาร์เซนอลเสียประตูในนาทีสุดท้ายของครึ่งแรกเป็นจุดเปลี่ยนของเกมไปเลย ทีมเรือใบสีฟ้าเสียประตูนาทีสุดท้ายหมดโอกาสที่จะกลับตัวกลับใจได้อีก

ซึ่งเรื่องราวแบบนี้ถ้าเรียนรู้และเป็นประสบการณ์ที่ได้รับการพัฒนามันสามารถยกระดับตัวเองได้ มองไปที่ประเด็นผลบอลของทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้

และทีมไม่สามารถที่จะชะลอการพัฒนาตัวเองในถ้วยยุโรปได้ 3-4 ปีที่ผ่านมาได้รับรู้กันแล้วว่าในถ้วยนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายและประสบการณ์คือเรื่องใหญ่



ทีมฟุตบอลแมนซิตี้มีเกมที่แพ้ในถ้วยนี้มากมายอย่างยิ่ง รวมเกมที่เพิ่งพ่ายให้กับเสือใต้น่าจะมีเกมที่แพ้มากกว่าเกมที่ชนะ แน่นอนว่า ทีมเรือใบมีนักเตะทีมชาติต่าง ๆ มากมายซึ่งทีมใหญ่ทีมอื่นมีเหมือนกัน

เพียงแต่ว่าประเด็นที่แตกต่างก็คือมีนักเตะเรือใบน้อยมากที่เล่นในถ้วยแชมเปี้ยนส์ ลีกในรอบลึก ๆ ประเภทรอบรองชนะเลิศหรือนัดชิงชนะเลิศ

ซึ่งในหลายช่วงเวลา หลายสถานการณ์หลังจากผ่านเรื่องราวนั้นไป บ่อยครั้งมากที่เรามักจะพูดถึงประสบการณ์ จะว่าไปแล้วมันเกี่ยวข้องจริงๆ

สำหรับสถานการณ์การแข่งขันฟุตบอลที่กดดันสุดๆ ช่วงเวลาที่ต้องเผชิญกับสิ่งที่ต้องใช้ความนิ่ง มีสมาธิเข้าช่วย ประสบการณ์ของทีม ประสบการณ์นักเตะแต่ละคนมีผลจริงๆ

และอีกประเด็นหนึ่งซึ่งตอกย้ำและยืนยันกันอีกครั้งมาตรฐานของทีมขากบุนเดสลีกาไม่ธรรมดา ยกระดับขึ้นเรื่อยๆนอกจากทีมบาเยิร์น มิวนิค กับ ทีมดอร์ทมุนด์ ที่เหลือชื่ออาจจะไม่ถึงกับหวือหวา ทว่ามาตรฐานอยู่ในขั้นดีทั้งนั้น

โดยในระดับทีมชาติฟุตบอล ทีมเยอรมัน มาตรฐานสูงมากๆ ซึ่งรากฐานก็มาจากการจัดการระดับสโมสร อย่าว่าแต่ระดับสโมสรต้องมองมาตรฐานและรากฐานของทีมจากบุนเดสลีกาเลย ระดับชาติก็ยังต้องดูเป็นตัวอย่าง

นักเตะอย่าง แวงซ็องต์ กอมปานี กัปตันทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่าเรือใบพร้อมที่จะไปให้ถึงการรับถ้วยแชมป์ ทว่าทุกอย่างต้องสมบูรณ์แบบ

สำหรับการพ่ายให้กับทีมบาเยิร์น มิวนิค บ่งบอกว่าทุกอย่างของเรือใบยังไม่ถึงระดับนั้น อย่างไรก็ตามเป็นเพียงแค่เกมนัดแรกยังมีเรื่องราว รวมทั้งเกมที่จะทำให้ผ่านอุปสรรคเข้าไปสู่รอบน็อกเอาท์อีกเยอะ

และในเรื่องนี้ ทุกทีมต่างมองเห็นข้อด้อยของตัวเอง ซึ่งต้องแก้ไขกันไป แต่ละก้าวแต่ละนัดสามารถเรียนรู้และยกระดับตัวเองได้เสมอ ใครจะทำได้ดีกว่ากันเท่านั้นเอง