วันจันทร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2557

วิเคราะห์ผลบอล : นี่คือความสำเร็จรูปแบบของ ซิโก้ สไตล์

ความสำเร็จรูปแบบ “ซิโก้ สไตล์”





หลังจากที่เราได้วิเคราะห์บอลสัมผัส และ รู้จักกับตัวตน ของ ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ผมไม่แปลกใจเลยที่ทีมชาติไทยสามารถทะลุเข้ารอบตัดเชือก เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 17 ได้สำเร็จ


คลิปความสำเร็จของทีมชาติไทย ในนัดที่ไทย VS พม่า



และถึงแม้ว่าในครั้งนี้ จะเป็นเพียงครั้งที่ 4 ในประวัติศาสตร์เท่านั้นที่ทัพนักเตะไทยทำผลงานเข้าสู่รอบ 4 ทีมสุดท้ายได้

ลองมาทบทวนโปรแกรมบอลกันอีกที: 

  • ครั้งที่ 1 ปี 1990 คาร์ลอส โรแบร์โต้ คาร์วัลโญ่
  • ครั้งที่ 2 ปี 1990 ไทย
  • ครั้งที่ 3 ปี 1998 ไทย  
  • ครั้งที่ 4 ปี 2002 เกาหลีใต้ โดยมี ปีเตอร์ วิธ เป็นโค็ช


ซึ่งเป็นกุนซือ ที่เราทำฟอร์มได้เท่านี้ ลองมาวิเคราะห์ผลบอล กันดูสักหน่อย

แต่ว่าที่น่าสนใจก็คือ ซิโก้ ได้กลายเป็นบุคคลที่มีส่วนร่วมในความสำเร็จปี 1998 และ 2002 ในฐานะผู้เล่น และโค้ชครั้งนี้ หรือก็คือ 3 จาก 4 ครั้งที่เราเข้าถึงรอบรองชนะเลิศเอเชียนเกมส์



นี่คือภาพ ช่วงหนึ่งของชีวิตในลีกผู้ดีกับ ทีมฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์
สำหรับชื่อของ ซิโก้ หรือที่ผมเรียกว่า “โก้” ติดมาตั้งแต่ตอนเจ้าตัวไปเป็นนักฟุตบอลอาชีพให้ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ ปี 1999 และตอนนั้นผมเป็นผู้สื่อข่าวอยู่อังกฤษ จึงมี “ประสบการณ์” และรู้ว่าควรจะโค้ชอย่างไร? ณ สถานการณ์นี้ แบบครบถ้วน

ซึ่งเมื่อนำมาเสริมกับ “บุคลิก” และคาแร็กเตอร์ส่วนตัวที่มีพื้นฐานเยี่ยมด้าน “ระเบียบวินัย” ทั้งใน และนอกสนาม บวกกับ “พรสวรรค์” ที่แม้ไม่ได้สูงเฉียดพี่ตุ๊ก ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน

แต่เป็นเพราะ คำว่า “วินัย” นี่แหละครับที่เป็น “จุดแข็ง” และคอยเสริมทักษะ กับพรสวรรค์ จนทำให้ “โก้” กลายเป็น 1 ในสุดยอดศูนย์หน้าที่ดีที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยผลิตมา

ในตอนสมัยผมเด็ก ๆ หรือ 30 ปีบวก ๆ ตัวเองเคยได้ยินแต่ชื่อ “น้าเจษ” เจษฎาภรณ์ ณ พัทลุง แต่ไม่ทันได้ดูการเล่นว่า คุณอาเจษฎาภรณ์ เป็นศูนย์หน้าที่ “เก่งกาจ” เพียงใด

แต่พอเติบโตมาก็มี “พี่ตุ๊ก” ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน และก็ ซิโก้ ก่อนจะถึงยุคนี้ที่มี ธีรศิลป์ แดงดา


ในสมัยนั้นได้เข้ารอบรอง ฯ เอเชียนเกมส์ ปี 1988
เพราะเหตุนี้เชื่อแน่ครับว่าในด้าน บารมี และในฐานะหัวหอกในตำนานมีผลต่อการเป็นโค้ช และเมื่อบวกบุคลิก และคาแร็กเตอร์ น่านับถือทั้งการ “วางตัว” ผ่านการพูดจาด้วยมิติ “ความคิด” ดีๆ

และไม่ว่าจะเป็นในด้านการบริหารจัดการยอดเยี่ยมนับจากพาทีมได้แชมป์ซีเกมส์ ที่ผ่านมาที่เมียนมาร์ ด้วยการจัดให้นักเตะได้รวมตัว “อุ่นเครื่อง” ทุกเดือนอย่างต่อเนื่อง

และยังหลีกเลี่ยงการปะทะกับสโมสรต้นสังกัด ชนิด “รอมชอม” เข้าใจวัฒนธรรมบอลไทย และรู้จักตัวผู้เล่นแบบโค้ชต่างชาติไม่มี

โดยที่ความสำเร็จนั้นจึง ได้เกิดขึ้นแบบ ที่ มีที่มาที่ไป และไม่ใช่ความ บังเอิญแน่นอน

โดยที่ทีมชุดนี้มี 11 คนแรก โดยการปะทะกับ ทีมจอร์แดน ซึ่งเราผ่านได้ด้วยผลบอล 2-0 ก่อนไปเจอเจ้าภาพ เกาหลีใต้ วันอังคารที่ 30 กันยายน

รายชื่อชุดนี้ประกอบไปด้วย

1. ประตู

  • กวินทร์


2. กองหลัง

  • พีรพัฒน์
  • ธนบูรณ์
  • อดิศร
  • นฤบดินทร์


3.กองกลาง

  • เกริกฤทธิ์
  • สารัช
  • ชาริล
  • ชนาธิป
  • นูรูล


4.กองหน้า

  • อดิศักดิ์


ด้วยเหตุนี้จึงได้ “ฉายภาพ” การเป็นกุนซือของพวกเค้าออกมาได้ชัดเจนที่สุด

และอีกอย่างครับครับ นักเตะไทยเล่นแบบ “มีวินัย” แต่แอบแฝงด้วย “พรสวรรค์” เล็ก ๆ น้อย ๆ แทรกในแต่ละตำแหน่งกับระบบ 4-5-1 ที่สลับเป็นรุก 4-3-3 ได้แบบพอเหมาะพอเจาะ

และจากจุดเริ่มต้นของศึก "แชมป์ซีเกมส์"
เป็นเวลานานแค่ไหนแล้วนะ?

  1. ที่เราไม่ได้เห็นทีมชาติไทยควบคุมอารมณ์ 
  2. คอนโทรลสถานการณ์ได้แบบทัวร์นาเมนท์นี้
  3. เล่นแบบเป็นตัวของตัวเอง 
  4. มีความสุข


โดยที่ตารางบอล ทุกสิ่ง ทั้งหมดที่มี คือ บุคลิกของกุนซือ และเป็นนิสัยของชายที่ชื่อว่า ซิโก้ และตามที่ผมนิยามก็คือ ซิโก้ สไตล์

สิ่งสุดท้าย ก็จะมีคำถามตามมา คือ ความหวังเหรียญใดเหรียญหนึ่ง หรือเข้าชิงชนะเลิศ หรือโอกาสเหรียญทองของทีมชุดนี้เป็นไปได้หรือไม่ ?

ในด้านของตัวผมมองว่า  นอกจากจะเล่นทุกนัดให้เหมือนนัดไฟนอล หรือนัดชิงชนะเลิศแบบที่ “โก้” บอกมาตั้งแต่รอบ 16 ทีมสุดท้ายแล้ว

ถ้าหากทีมชาติไทย ยังเล่นรูปแบบ “ซิโก้ สไตล์” นี้ได้อีกใน 2 นัดที่เหลือ อะไรย่อมเกิดขึ้นได้ครับ ถ้าไม่โดนโ..ง คุณคงรู้กันนะครับ 555+ ^_^

ขอบคุณข้อมูลจาก >>> http://sport.sanook.com/102871/

เนื้อหาโดย Sanook.com



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น