แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ข่าวลิเวอร์พูล แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ข่าวลิเวอร์พูล แสดงบทความทั้งหมด
วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

ลิเวอร์พูล งานเข้า เทรนต์ พัก 4 สัปดาห์ พลาด 5 เกมสำคัญ

 


ข่าวลิเวอร์พูล : เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แบ็กขวาตัวเก่งของ ลิเวอร์พูล จะพลาดช่วยต้นสังกัดราว 4 สัปดาห์ หลังบาดเจ็บในเกมบุกไปเสมอ แมนฯ ซิตี้ 1-1 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

ล่าสุด พอล จอยซ์ นักข่าวคนดังเปิดเผยว่า เทรนต์ต้องพักราว 4 สัปดาห์ ทำให้เจ้าตัวจะพลาดโปรแกรมสำคัญทั้งทีมชาติและสโมสร โดยเขาจะหมดสิทธิ์เล่นในเกมพบ เลสเตอร์ ซิตี้, ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน และ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส รวมทั้งเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รับมือ อตาลันต้า กับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ซึ่งทั้ง 2 แมตช์จะแข่งในแอนฟิลด์

ฟูลแบ็กทีมชาติอังกฤษวัย 22 ปี ต้องออกสนามหลังจากผ่านไปเพียงแค่ 60 นาทีในเกมที่เอติฮัด สเตเดี้ยม  โดยการเจ็บครั้งนี้ของเทรนต์ ทำให้ เยอร์เกน คล็อปป์ อาจใช้งาน เนโก วิลเลียมส์ แบ็กขวาดาวรุ่งชาวเวลส์ ลงทำหน้าที่แทน รวมถึง เจมส์ มิลเนอร์ และ ฟาบินโญ่ ที่สามารถลงเล่นในตำแหน่งนี้ได้เช่นกัน

ที่มา: https://www.sanook.com/sport/1175634/

วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2563

ลิเวอร์พูล พร้อมเปิดศึก สเปอร์ส แย่งตัว ฟิลลิปส์ ดาวรุ่งลีดส์

 ลิเวอร์พูล พร้อมเปิดศึก สเปอร์ส แย่งตัว ฟิลลิปส์ ดาวรุ่งลีดส์





ทีมลิเวอร์พูล และ ทีมท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ 2 ทีมนี้ กำลังจับตามอง คาลวิน ฟิลลิปส์ กองกลางของ ลีดส์ ยูไนเต็ด ที่กำลังโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในการลงเล่น พรีเมียร์ลีก เป็นซีซั่นแรกอยู่ในขณะนี้

โดยมิเรอร์ สื่อดังของอังกฤษระบุว่า โชเซ่ มูรินโญ่ และ เยอร์เก้น คล็อปป์ ที่เป็น 2 ผู้จัดการทีมชั้นนำต่างประทับใจในฟอร์มการเล่นของมิดฟิลด์วัย 23 ปีของ ทีมยูงทอง และนี่อาจจะมีการยื่นข้อเสนอก้อนโตเพื่อดึงนักเตะมาร่วมทีมในอนาคต

สำหรับฟิลลิปส์ ที่เกิดในลีดส์เพิ่งจะต่อสัญญาฉบับใหม่กับทีมออกไปเป็นเวลา 5 ปีเมื่อปีที่ผ่านมา โดยที่เจ้าตัวจะค้าแข้งในถิ่น เอลแลนด์ โร้ด จนถึงปี 2024 ในขณะที่รับค่าเหนื่อยประมาณ 30,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์

2 สโมสรชั้นนำนี้ พร้อมที่จะทุ่มเงินค่าเหนื่อยมากกว่า 2 เท่าให้กับนักเตะได้พิจารณา แต่ก็อาจจะต้องยอมจ่ายเงินค่าตัวมหาศาลถึง 50 ล้านปอนด์ตามที่ต้นสังกัดตั้งเอาไว้

วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2563

เชื่อ คล็อปป์ สุดใจ! "บาร์นส์" แนะแฟนหงส์อย่ากังวลดีลชวด "แวร์เนอร์"




จอห์น บาร์นส์ อดีตปีกระดับตำนานของลิเวอร์พูล เปิดใจหลังทีมเก่าชวดคว้า ทิโม แวร์เนอร์ กองหน้าทีมชาติเยอรมนีของแอร์เบ ไลป์ซิก เพราะไม่พร้อมจ่ายค่าฉีกสัญญาจำนวน 53 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,109 ล้านบาท) ทำให้ล่าสุด กลายเป็น เชลซี ที่ปาดหน้าใกล้จะคว้ากองหน้ารายนี้ไปร่วมทีม ด้วยสัญญายาว 5 ปี

"เราได้เห็นกันมาตลอดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาว่าเราเชื่อมั่นใน เยอร์เกน คล็อปป์ ถ้าคล็อปป์อยากได้แวร์เนอร์ เขาก็จะได้มา เขาคงจะเรียกร้องสโมสรให้จ่ายเงินถ้าเขารู้สึกว่ามันคุ้มค่า"

"แต่ถ้าเขารู้สึกว่ามันไม่คุ้มค่า ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลเกี่ยวกับเรื่องเงินหรืออะไรก็ตาม เราก็จะไม่ได้เขามา ผมไม่ได้บอกว่าเขาไม่ใช่นักเตะที่ดีนะ"

"แต่คล็อปป์ตัดสินใจแล้วว่าไม่ได้ต้องการเขา เมื่อพิจารณาในแง่ของเม็ดเงินที่จะต้องจ่ายเพื่อดึงเขามา และเราก็เชื่อมั่นในการตัดสินใจของเขา เราไม่ควรรู้สึกว่าเราแพ้เชลซี เราไม่แพ้เชลซีหรอก ถ้าคล็อปป์อยากได้เขาจริงๆ" อดีตแข้งวัย 56 ปีกล่าว

ที่มา: ข่าวลิเวอร์พูลวันนี้
วันอังคารที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2563

ลิเวอร์พูล คุกเข่ากลางสนามเพื่อ "จอร์จ ฟลอยด์" ต่อต้านการเหยียดผิว (ภาพ)



ลิเวอร์พูล ทีมดังในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ กลับมาลงสนามฝึกซ้อมแบบเต็มรูปแบบครั้งแรก หลังฝ่ายจัดการแข่งขันอนุญาติให้สามารถซ้อมร่วมกันได้เพื่อเตรียมพร้อมที่จะกลับมาแข่งขันกันต่อในโปรแกรมที่เหลือ หลังเจอปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19)

ที่มา: ลิเวอร์พูล คุกเข่ากลางสนามเพื่อ จอร์จ ฟลอยด์

อย่างไรก็ตามประเด็นที่แฟนๆ ในโลกโซเชียลพูดถึงก็คือก่อนการฝึกซ้อม บรรดานักเตะของลิเวอร์พูล ได้รวมใจกันคุกเข่าที่กลางสนามแอนฟิลด์ เพื่อเป็นการแสดงจุดยืนต่อต้านการเหยียดผิวในแคมเปญ #BlackLivesMatter หลังเกิดเหตุการณ์ที่ จอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวสีเชื้อสายแอฟริกัน-อเมริกัน ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุจนขาดอากาศหายใจ และเสียชีวิตในที่สุด

ทำให้เกิดการประท้วงเพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้กับ จอร์จ ฟลอยด์ ทั่วประเทศสหรัฐฯ รวมถึงหลายประเทศในยุโรป ขณะที่นักเตะกีฬาดังๆ หลายคนอาทิ ไมเคิล จอร์แดน, ลูอิส แฮมิลตัน และ เซเรน่า วิลเลียมส์ ต่างออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมในเรื่องนี้ด้วย

ขณะที่ในวงการลูกหนัง ก็เริ่มมีนักเตะหลายรายแสดงออกเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยการเขียนข้อความลงบนเสื้ออย่าง เจดอน ซานโช่ และ มาร์คัส ตูราม ที่ออกมาแสดงท่าไว้อาลัยต่อเหตุการณ์ ซึ่งล่าสุดเป็นสโมสรลิเวอร์พูล ที่ออกมาแสดงจุดยืนด้วยกันทั้งทีม
วันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

แกรี่ เนวิลล์ จวก แมนยู ต้องหัดดู ลิเวอร์พูล เป็นตัวอย่างบ้าง




แกรี่ เนวิลล์ ตำนานของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กล่าวว่าสโมสรของเขาควรที่จะมองดูวิธีการซื้อขายนักเตะของ ลิเวอร์พูล จ่าฝูงพรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่ที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ เข้ามารับงานผู้จัดการทีมเป็นตัวอย่าง

ตั้งแต่ที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ประกาศวางมือเมื่อปี 2013 ทีม ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ประสบความล้มเหลวในการซื้อขายนักเตะมาตลอด ในขณะที่ฝั่งทีม หงส์แดง สามารถดึงนักเตะฝีเท้าดีเข้ามาร่วมทีม และกำลังสร้างผลงานอย่างยอดเยี่ยมในซีซั่นนี้

เนวิลล์ เชื่อว่า ยูไนเต็ด ควรที่จะมองดูวิธีการดำเนินการในตลาดซื้อขายภายใต้การทำงานของ เยอร์เก้น คล็อปป์

โดยกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “ การคัดเลือกนักเตะนั้นยังไม่ดีพอ คุณสามารถมองย้อนกลับไปที่ ราดาเมล ฟัลเกา และ อังเคล ดิ มาเรีย รวมถึงนักเตะที่พวกเขาเซ็นสัญญามาร่วมทีม ผู้เล่นในตำแหน่งกองหน้าที่พวกเขาดึงเข้ามาในช่วง 6-7 ปีหลังสุดนั้นไม่สามารถโชว์ฟอร์มได้เลย

ช่วงท้ายเกมพวกเขาก็ให้โอกาส เจสซี่ ลินการ์ด และ ดิโอโก้ ดาโลต์ ซึ่งมันบอกคุณได้ว่าพวกเขากำลังอยู่ตรงจุดไหน ทีม ปีศาจแดง เป็นทีมที่มีค่าเหนื่อยสูงที่สุดเป็นอันดับสองในยุโรป แต่คุณต้องใช้เงินให้ฉลาดกว่านี้ ผมไม่แน่ใจว่าใครเป็นคนดูแลเรื่องการซื้อขายนักเตะในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา

คุณดู ลิเวอร์พูล ที่ได้ตัว โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน่ มาร่วมทีมซึ่งมีแต่คนรู้จัก ในขณะที่ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ อาจมีคนรู้จักน้อยกว่าแต่ผู้เล่นเหล่านี้ก็พร้อมใช้งานได้ทันที ” อดีตแบ็กขวาทีมชาติอังกฤษ กล่าว

ที่มา: ข่าวแมนยู
วันศุกร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2563

คล็อปป์ เผย ทีมลิเวอร์พูล อาจเสีย ลัลลานา แบบไร้ค่าตัว

ลิเวอร์พูล

เยอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ ​สโมสรฟุตบอล ลิเวอร์พูล แห่งศึก ​ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ให้สัมภาษณ์ยอมรับว่าเขาอาจต้องเสีย อดัม ลัลลานา ไปแบบไร้ค่าตัวใน ​ตลาดซื้อขายนักเตะ ซัมเมอร์นี้เมื่อเจ้าตัวหมดสัญญากับต้นสังกัด

มิดฟิลด์ชาว อังกฤษ วัย 31 ปีย้ายจาก เซาแธมป์ตัน มาร่วมทัพ หงส์แดง ตั้งแต่เมื่อปี 2014 และเคยเป็นแข้งกำลังหลักในช่วงแรกที่ คล็อปป์ รับตำแหน่งในถิ่น แอนฟิลด์ ทว่าถูกลดบทบาทลงหลังจากได้รับบาดเจ็บตั้งแต่ฤดูกาล 2018/19 และไม่สามารถรักษาตำแหน่งตัวจริงได้อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่นั้น

ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับ อดัม ลัลลานา ทั้งเขาและผมรู้ดีว่าเป็นอย่างไร ผมมีความสุขสำหรับเขาที่ฟิตสมบูรณ์ในเวลานี้ นั่นเป็นสิ่งที่เราพยายามแสดงให้เห็นอย่างต่อเนื่อง คล็อปป์ กล่าวให้สัมภาษณ์กับ สกายสปอตส์ "เขาเป็นนักเตะที่สำคัญกับทีมเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตเราค่อยมาว่ากัน แต่สถานการณ์ในตอนนี้มไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ที่นี่หรือไม่ว่าจะที่ใดก็ตาม สิ่งเดียวที่สำคัญก็คือเขาสามารถแสดงให้เห็นว่าตัวเองฟิต 100 เปอร์เซ็นต์

อ่านบทสัมภาษณ์ เพิ่มเติมได้ที่ ลิเวอร์พูลอาจเสีย ลัลลานา แบบไร้ค่าตัว

ลิเวอร์พูล VS เชฟฟิลด์ 2-0: ทำแต้มทิ้งห่างอันดับ 2 ไป 13 แต้ม


ลิเวอร์พูล 2-0 เชฟฯ ยูไนเต็ด ผลบอลพรีเมียร์ลีก 2019-20 เมื่อคืนนี้


ลิเวอร์พูล พบ เชฟฯ ยูไนเต็ด

ลิเวอร์พูล ยังแรงไม่เลิก เปิดบ้านอัด เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ไปแบบสบาย ๆ 2-0 โดยได้ประตูจาก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ตั้งแต่นาทีที่ 4 และ ซาดิโอ มาเน นาทีที่ 64 จบ 90 นาที หงส์แดง คว้า 3 คะแนนได้อย่างต่อเนื่อง ทำแต้มทิ้งห่างอันดับ 2 อย่าง เลสเตอร์ ไป 13 คะแนนแล้ว แถมยังแข่งน้อยกว่า 1 เกมด้วย

เริ่มเกมในครึ่งเวลาแรก เจ้าบ้านเป็นฝ่ายเปิดเกมบุกเข้าใส่ตามฟอร์ม ส่วนทีมเยือนมาแพคเกมรับและรอจังหวะสวนกลับ

FBL-ENG-PR-LIVERPOOL-SHEFFIELDU

นาทีที่ 4 เจ้าถิ่นได้ประตูขึ้นนำเร็ว 1-0 จากจังหวะวางบอลยาวของ ฟาน ไดจ์ค ให้กับ โรเบิร์ตสัน หลุดขึ้นไปทางกราบซ้าย ก่อนจะตบเข้ากลางให้ ซาลาห์ ที่โฉบเข้ามารออยู่แล้วยิงเข้าไป

จากนั้นดูเหมือน หงส์แดง จะยังคงครองบอลบุกอย่างหนัก ด้านผู้มาเยือนเองก็ยังแทบไม่มีจังหวะสวนกลับที่ได้ลุ้นชัดเจนเท่าใดนัก

และแม้เจ้าบ้านจะมีโอกาสได้จบหลายครั้งทั้งจากลูกยิงของ ซาลาห์ ที่ยังไม่ผ่านมือ ดีน เฮนเดอร์สัน และ จังหวะได้กดด้วยขวาในเขตโทษของ ไวจ์นัลดุม แต่บอลกลับข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย

กระทั่งจบ 45 นาทีแรก ลิเวอร์พูล ออกนำไปก่อน 1-0

Chris Basham,John Lundstram,Sadio Mane

เริ่มเกมในครึ่งเวลาหลัง หงส์แดง ยังคงบุกใส่อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ทีมเยือนก็ยังคงถอยลงไปตั้งรับต่ำและรอโต้กลับเหมือนในครึ่งแรก

จนนาทีที่ 64 เจ้าถิ่นได้ประตูนำห่าง 2-0 จากจังหวะประสานงานกันระหว่าง ซาลาห์ ที่ทำชิ่งกับ มาเน ได้หลุดเข้าไปยิง แม้ว่าผู้รักษาประตูจะป้องกันจังหวะแรกเอาไว้ได้ แต่ มาเน ยังคงวิ่งตามไปซ้ำเข้าประตูไป

 ช่วงเวลาที่เหลือ เจ้าบ้านก็ยังคงบุกอย่างต่อเนื่อง แต่ดูเหมือนเกมรุกในวันนี้ยังขาด ๆ เกิน ๆ ทำให้ไม่สามารถสร้างโอกาสเข้าทำได้มากนักในช่วงท้ายเกม ส่วนทีมเยือนเองก็มีโอกาสได้บุกกดดันในช่วง 10 นาทีสุดท้าย และก็เกือบได้ประตูตีไข่แตก แต่โชคยังดีที่ลูกแท็บจ่อ ๆ ของ แม็คเบอร์นีย์ บอลผิดเหลี่ยมลอยไปเข้ามือของ อลิสซอน แบบน่าเสียดายสุด ๆ

กระทั่งจบ 90 นาที ลิเวอร์พูล ยังคงคว้าชัยได้อย่างต่อเนื่อง อัด เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ไป 2-0 เก็บเพิ่มเป็น 58 คะแนน นำห่าง เลสเตอร์ ซิตี้ ทีมอันดับที่สองอยู่ถึง 13 คะแนน แถมยังแข่งน้อยกว่าอยู่ 1 นัด อีกด้วย

ข่าวโดย: Sanook Sport
วันพฤหัสบดีที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2562

ลิเวอร์พูล ฟอร์มโหด บุกถล่ม เกงค์ 4-1 (คลิป)

ลิเวอร์พูล ฟอร์มโหด บุกถล่ม เกงค์ 4-1 ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก 2019-20 (คลิป)



คลิป หงส์ฟอร์มเฉียบ บุกรัว เกงค์  4-1 ศึก แชมเปียนส์ลีก

  • ฟุตบอล ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2019/20
  • รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม E
  • เกงค์ พบ ลิเวอร์พูล 1-4
  • วันพุธที่ 23 ตุลาคม 2019
  • สนาม ลูมินัส อารีนา ,เบลเยียม

ผลบอล ลิเวอร์พูล บุกเก็บชัยชนะ ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก 2019-20 รอบแบ่งกลุ่มนัดที่ 3 จาก 2 ประตูของ อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน, กับอีกคนละ 1 ประตูของ ซาดิโอ มาเน และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ก่อนที่ สเตเฟน โอเดย์ จะยิงปลอบใจให้กับ เกงค์ เจ้าบ้านให้สกอร์จบลงที่ชัยชนะของ ลิเวอร์พูล 4-1

เกมเริ่มต้นด้วยประตูออกนำ 1-0 ของ ลิเวอร์พูล อย่างรวดเร็วตั้งแต่นาทีที่ 2 เมื่อ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ตัดบอลได้ที่กลางสนามก่อนบอลจะถูกส่งต่อเป็นทอดๆ ถึง อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน ที่หน้ากรอบเขตโทษ ดิ อ็อกซ์ จับบอลหนึ่งจังหวะแล้วยิงเลียดด้วยขวา บอลพุ่งเสียบโคนเสาตุงตาข่ายชนิดที่นายทวารเจ้าถิ่นได้แต่ยืนขาตาย




สกอร์ขยับเป็น 2-0 ในนาทีที่ 57 จาก อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน คนเดิมที่ได้ปั่นไซด์ก้อยด้วยเท้าขวาบริเวณหน้ากรอบเขตโทษ บอลพุ่งโค้งก่อนจะมุดลงเสียบคานอย่างงดงาม

ผู้มาเยือนจาก เมอร์ซีย์ไซด์ ยังคงไล่ขโยกเจ้าบ้านอย่างต่อเนื่องก่อนจะมาได้ประตู 3-0 ในนาทีที่ 77 เมื่อ ซาลาห์ แทงทะลุช่องให้ มาเน หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษสปรินท์เข้าถึงบอลก่อนผู้รักษาประตูและชิพบอลข้ามตัวมือกาวเจ้าถิ่นไปซุกที่ก้นตาข่าย

หงส์แดง ปิดเกมเป็น 4-0 ในนาทีที่  87 เมื่อ ซาลาห์ ได้รับบอลจาก มาเน ในกรอบเขตโทษก่อนพลิกหนีกองหลัง เกงค์ ที่รุมกินโต๊ะอยู่ 2 คนหลุดเข้าไปยิงเลียดด้วยเท้าขวาหนีการเซฟด้วยเท้าของผู้รักษาประตูเสียบมุมก่อนที่เจ้าบ้านจะฉวยโอกาสจากความผิดพลาดของ เดยัน ลอฟเรน ที่ถูกฉกบอลไปได้ในแดนหลังก่อนที่ ดิอูเมอร์ซี เอ็นดองกาลา จะเลี้ยงเข้าไปในกรอบเขตโทษและไหลให้ โอเดย์ พลิกตัวยิงผ่านมือ อลิสซอน เบ็คเกอร์ เป็นประตูปลอบใจ 4-1 ให้หลังเพียง 1 นาทีจากประตูของ ซาลาห์

จบ 90 นาที  ลิเวอร์พูล บุกมาถล่ม เกงค์  4-1 รั้งรองจ่าฝูงของกลุ่มนี้ด้วยการมี 6 คะแนน ส่วนอันดับ 1 ของกลุ่มนี้ ยังเป็น นาโปลี ที่บุกไปชนะ ซัลล์บวร์ก 3-2 ทำให้มี 7 คะแนน

รายชื่อผู้เล่นของทั้ง 2 ทีม

ทีมเกงค์

  1. คูค
  2. มาเอเล
  3. คูเอสต้า
  4. ลูคูมี
  5. ยูโรเนน
  6. อิโต้
  7. เฮย์เนน
  8. เบิร์จ
  9. บองกอนดา
  10. ซามัตตา
  11. โอนูอาชู

ตัวสำรอง
  1. ฟานเดอวูร์ดท์
  2. เดอ นอร์
  3. เดวอสท์
  4. ฮโรซอฟสกี้
  5. ฮาจี้
  6. โอเดย์
  7. เอ็นดองกาลา

ลิเวอร์พูล
  1. อลิสซอน
  2. มิลเนอร์
  3. ลอฟเรน
  4. ฟาน ไดค์
  5. โรเบิร์ตสัน
  6. ฟาบินโญ
  7. อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน
  8. เกอิต้า
  9. มาเน
  10. ซาลาห์
  11. ฟิร์มิโน

ตัวสำรอง
  1. อาเดรียน
  2. ไวนัลดุม
  3. โกเมซ
  4. เฮนเดอร์สัน
  5. ลัลลานา
  6. บรูวสเตอร์
  7. โอริกี
ที่มาของข่าวโดย : สนุกสปอร์ต
วันพุธที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2562

เล่นยังไงก็แชมป์! "ซูเนสส์" ชม ลิเวอร์พูล ชนะได้แม้วันเล่นไม่ดีนัก

เล่นยังไงก็แชมป์! "ซูเนสส์" ชม ลิเวอร์พูล ชนะได้แม้วันเล่นไม่ดีนัก


ลิเวอร์พูล


ข่าวลิเวอร์พูล แกรม ซูเนสส์ ตำนานนักเตะลิเวอร์พูล ชี้ว่าทีมรักของเขานั้นอยู่ในตำแหน่งที่ยอดเยี่ยมสำหรับการจะเป็นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลนี้

" เราอยู่ในตำแหน่งที่ยอดเยี่ยมเลย" ซูเนสส์ กล่าวผ่านเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ ลิเวอร์พูล "แต่พวกเขาก็แพ้ไม่ได้เพราะมันยังเหลือเส้นทางอีกไกลแล้ว ซิตี้ ก็เป็นทีมที่ดีมาก "

" แต่ที่ต้องทำก็แค่การไม่ต้องไปกังวลอะไรให้มากแล้วเล่นเกมต่อไปให้เหมือนกับนัดที่สำคัญที่สุด อย่ามองไกลไปกว่านั้น "

" แต่ ลิเวอร์พูล เองก็เป็นทีมที่เล่นได้อย่างจับต้องได้ พวกเขาแข็งแกร่งมากๆ และแม้ในวันที่ไม่ได้เล่นดีก็ยังสามารถคว้าชัยชนะได้อยู่ "

" สิ่งนี้มันทำให้ ลิเวอร์พูล นั้นเป็นทีมที่อันตรายมากๆ และการที่เล่นไม่ดีแต่ชนะนี่แหละจะทำให้พวกเขากลายเป็นแชมป์ได้ "

อ่านข่าวความเคลื่อนไหว ทีมลิเวอร์พูล ทั้งหมดได้ที่

วันอาทิตย์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2558

ฟุตบอล: เมื่อเจอร์ราร์ด กับการตัดสินใจ ที่เปลี่ยนชีวิต

เมื่อเจอร์ราร์ด กับการตัดสินใจ ที่เปลี่ยนชีวิต




วิเคราะห์บอลคงพูดไม่ผิดนักหากจะบอกว่า ภาพของสตีเฟ่น เจอร์ราร์ด ในชุดเสื้อสีอื่นที่นอกเหนือจากสีแดงเพลิงของทีมลิเวอร์พูล นั้นเป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือจินตนาการของเหล่า Kopites ทั้งปวง

ซึ่งหมู่มวลค็อปชนนั้นไม่เคยคิดมาก่อนแม้สักเวลานาทีว่ากัปตันทีมยอดดวงใจของพวกเขานั้นจะจากสโมสรแห่งนี้ไปอยู่กับทีมใดอีก โดยเฉพาะในช่วงบั้นปลายชีวิตเช่นนี้

แต่ว่าสิ่งที่ทุกคน เชื่อ นั้นคือเจอร์ราร์ด จะอยู่กับ ทีมลิเวอร์พูล สโมสรเดียวตลอดไปจนเลิกเล่นฟุตบอล มีสถานะเป็น One-man-club เป็นตัวอย่างของนักฟุตบอลผู้ยิ่งใหญ่ที่รับใช้สโมสรไปจวบจนลมหายใจสุดท้ายในเกมลูกหนัง

แต่ว่าน่าเสียดายและน่าเสียใจที่สิ่งเหล่านั้นคงไม่มีวันเกิดขึ้น เมื่อสตีเฟ่น เจอร์ราร์ด เตรียมประกาศการตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุดในชีวิต

ที่ว่าเขาคงต้องไปจาก ถิ่นแอนฟิลด์แล้วหลังจบฤดูกาลนี้

ซึ่งความจริงแล้วเจอร์ราร์ด เคยมีโอกาสที่จะไปจาก ทีมฟุตบอลลิเวอร์พูล มาก่อนครับ และเป็นโอกาสที่ใกล้เคียงมากด้วยอย่างน้อยถึง 2 ครั้งด้วยกัน




ในครั้งแรกในช่วงหลังจบฤดูกาล 2003 - 2004
และ.oอีกครั้ง  ซึ่งใกล้เคียงยิ่งกว่าในช่วงหลังจบฤดูกาล 2004 - 2005 โดยทั้งสองครั้งเป็น ทีมเชลซี ที่พยายามจะเจรจาเพื่อดึงตัวเขาไปร่วมทีมให้ได้ และครั้งหลังนั้นเจอร์ราร์ด ตอบตกลงด้วยวาจาไปแล้ว

แต่ว่าในคืนสุดท้ายหลังทบทวนตัวเองอย่างดี เสียงของหัวใจบอกกับเขาว่า แม้การไปอยู่ ทีมเชลซีจะทำให้เขามีโอกาสประสบความสำเร็จมากมาย แต่จะไม่มีเสื้อสีไหนนอกจากสีแดงของลิเวอร์พูล สนามใดนอกเหนือจากแอนฟิลด์ และแฟนบอลกลุ่มไหนนอกเหนือจากเหล่า ทีมเดอะ ค็อป ที่เขาต้องการรับใช้

ตัวของเจอร์ราร์ด จึงไม่ได้เป็นเพียงกัปตันทีมผู้ยิ่งใหญ่

แต่ว่าเขายังเป็นผู้รับใช้สโมสรที่จงรักภักดีมากที่สุดคนหนึ่งด้วย





รวมทั้งโอกาสของความสำเร็จ และเงินตราไม่ใช่สาระสำคัญในชีวิต เพราะสิ่งสำคัญที่สุดที่เขาต้องการทำให้ได้คือการนำ ทีมลิเวอร์พูล กลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง ซึ่งการจะทำให้ได้เช่นนั้น นั่นหมายถึงการ เสียสละ ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต

แต่ว่าในขณะที่ซูเปอร์สตาร์อย่าง เฟร์นานโด ตอร์เรส และหลุยส์ ซัวเรซ เลือกที่จะทิ้งสโมสรอย่างทีมลิเวอร์พูลไปเพราะรู้ถึง ศักยภาพ ของยักษ์หลับในอดีตว่าเป็นเรื่องยากที่จะกลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง

ดังนั้นเจอร์ราร์ด ในช่วงเวลาที่ดีที่สุด ที่กล้าปฏิเสธสโมสรอย่าง ทีมบาเยิร์น มิวนิค และ ทีมเรอัล มาดริด เพื่ออยู่ที่แอนฟิลด์ต่อไป

ก็ไม่มีใครรู้ครับว่าน้ำหนักของ ความรับผิดชอบ ที่เจอร์ราร์ด แบกรับแทนทุกคนตลอดระยะเวลา 11 ปีของการเป็นกัปตันทีมนั้นหนักหนาแค่ไหน

ซึ่งมีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้และรับไว้ด้วยความเต็มใจ โดยมิได้ปริปากใดๆไฮไลท์พรีเมียร์ลีก

ถึงแม้จะไม่สามารถบรรลุภารกิจในการนำพาสโมสรกลับคืนสู่จุดสูงสุดได้ โดยเฉพาะกับการคว้าแชมป์ลีกสูงสุด ซึ่งทำได้ดีที่สุดเพียงแค่การเป็นรองแชมป์ 3 ครั้งในฤดูกาล
2001 - 2002
2008 - 2009
2013 - 2014

ซึ่งก็ได้จบลงอย่างโศกนาฏกรรม เมื่อเจอร์ราร์ด เป็นคน ลื่นล้ม และปล่อยให้โอกาสครั้งเดียวในชีวิตของเขาหลุดมือไป

แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเหล่าเดอะ ค็อป นั้นมี ความทรงจำ ที่งดงามร่วมกันมากมาย

นับจากวันแรกที่ลงสนามในฐานะตัวสำรอง สู่ประตูแรกที่สวยงามในเกมกับเชฟฟิลด์ เวย์นสเดย์ ก้าวสู่การเป็นกองกลางตัวหลักของทีม และการเป็นกัปตันทีม

ซึ่งจาก ปาฏิหารย์ที่อิสตันบูล กับโทรฟี่ยูโรเปี้ยน คัพ ในปี 2005 สู่ ปาฏิหารย์แห่งคาร์ดิฟฟ์ กับโทรฟี่เอฟเอ คัพ ในปี 2006



ดังนั้นเจอร์ราร์ด เป็นทั้งแรงบันดาลใจ และศูนย์รวมใจของ ทีมลิเวอร์พูลตลอดมา

แต่ว่า เมื่อวันเวลาเดินทางมาถึงวันที่แข้งขานั้นไม่แข็งแรงเหมือนก่อน พละกำลังไม่มีเหมือนเก่า นักฟุตบอลผู้ทระนงในการเล่นอันสง่างามของตัวเองอย่างเจอร์ราร์ด ยังไม่อาจตัดใจยอมรับสภาพของตัวเองได้

ซึ่งรายได้และระยะเวลาในสัญญา 12 เดือนที่ ทีมลิเวอร์พูล เพิ่งจะมอบให้ในเดือนพฤศจิกายน

- ซึ่งนี่จะเป็นหนึ่งในสิ่งที่เป็นคำถามว่าเหตุใดบอร์ดบริหารพรีเมียร์ลีกจึงดำเนินการล่าช้าขนาดนี้

- และไม่สำคัญเท่ากับความรู้สึกว่าเขา นักฟุตบอลผู้เคยเป็นเบอร์หนึ่งตลอดกาล จะต้องตกอยู่ในฐานะตัวสำรองที่ต้องเฝ้ารอโอกาสตัวเองอย่างอดทน หรือหากลงตัวจริงก็ถูกตราหน้าว่าเป็น ตัวถ่วง ซึ่งเป็นสิ่งที่เจ็บปวดมากในความรู้สึก

ถ้าหากอยู่อย่างนี้ สู้จากไปเสียดีกว่า ไปค้นหาความท้าทายใหม่ในบั้นปลายของชีวิตการเล่น ไปในที่ที่เขายังสามารถเป็นเบอร์หนึ่งได้อีกครั้ง

ซึ่งก็ไม่มีหนทางใดดีไปกว่านี้อีกแล้ว

ดังนั้นนี่จึงเป็นการตัดสินใจ เพื่อตัวเอง ครั้งแรกและครั้งเดียวของเจอร์ราร์ด เป็นการ ตัดสินใจแห่งชีวิต ที่เดอะ ค็อปทุกคนควรต้องยอมรับและปล่อยให้เขาได้ทำอะไรเพื่อตัวเองบ้าง เช่นกันกับเพื่อให้สโมสรได้ก้าวเดินต่อไปข้างหน้าไม่ต้องเสียเวลากังวลกับไม้ใกล้ฝั่งเช่นเขาอีก

และการตัดสินใจครั้งนี้ยังทำให้ทุกคนได้ ตระหนัก ถึงความยิ่งใหญ่ของนักฟุตบอลคนนี้อีกครั้ง เพราะบางทีการมองจากเบื้องหน้านั้นเราอาจไม่เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของเจอร์ราร์ด ได้เท่ากับการมองจากเบื้องหลังในวันที่เขาต้องไป

ถึงแม้ว่าเจอร์ราร์ด จะไม่ได้ลงนามในสัญญาฉบับสุดท้ายที่สโมสรมอบให้ และแม้จะต้องร่ำลาจากกันไปก่อนในวันนี้

แต่ด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำเพื่อตารางบอลสโมสรตลอดระยะเวลา 16 ปีในการเป็นนักเตะ กับอีก 25 ปีที่ใช้ชีวิตในรั้วแอนฟิลด์ และ 34 ปีที่มอบทั้งกายและใจให้แก่ลิเวอร์พูล สโมสรรักแรกและรักเดียว

หากต่อให้จะไม่ได้สถานะ One-man-club เหมือนเจมี่ คาร์ราเกอร์ - แล้วเจอร์ราร์ด นั้นยังคงเป็นตำนานหมายเลขหนึ่งในดวงใจของเดอะค็อปชนเสมอ ในฐานะ มิสเตอร์ ทีมลิเวอร์พูล ที่ไม่มีใครสามารถทดแทนได้ตลอดกาล

ซึ่งสิ่งสุดท้ายที่เจอร์ราร์ด จะมอบให้แก่เดอะ ค็อป คือ สัญญาใจ ที่จะบอกกล่าวกับทุกคนว่าอย่าได้เศร้าเสียใจนาน

เพราะว่าการจากลาครั้งนี้เป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น

ซึ่งเมื่อถึงเวลา เขาจะกลับมา และจะไม่มีวันจากไปไหนอีก !!

วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ข่าวฟุตบอลทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูลหลังจบศึกพรีเมียร์ลีกที่ผ่านมา

ทีมพาเลซพลิกแซงหักปีกหงส์แดง3-1




ซึ่งหลังจากที่วิเคราะห์ผลบอลทีมหงส์แดง ยังโชว์ฟอร์มแย่ๆ ต่อเนื่อง หลังจากที่อุตส่าห์ได้ แลมเบิร์ต ที่ยิงให้ทีมนำก่อนในสองนาทีแรก แต่สุดท้าย ทีมพาเลซ นั้นรัวทีเดียวสามลูกรวดพลิกกลับมาคว้าชัยไป 3-1 ทำให้อันดับไปรั้งที่ 12 ของลีกเรียบร้อย

โดยที่การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2014-2015 ที่สนาม เซเฮิร์ส พาร์ค  ทีมคริสตัล พาเลซ ต้อนรับการมาเยือนของ ทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล

ซึ่งในนาทีที่ 2 แฟนๆ เจ้าถิ่นต้องถึงกับช็อก หลังจาก ทีมคริสตัล พาเลซ นั้นต้องมาเสียประตูไปก่อน จากจังหวะที่ อดัม ลัลลาน่า เปิดข้ามแนวรับให้ ริคกี้ แลมเบิร์ต หนีการประกบ ก่อนจะพักบอลแล้วซัดเรียดผ่านมือ จูเลี่ยน สเปโรนี่ เข้าไป ทีมลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 1-0

ต่อเนื่องมาถึงนาทีที่ 17 เมื่อทีมพาเลซ ก็ได้เฮบ้างเมื่อมาตามตีเสมอสำเร็จเป็น 1-1 เมื่อ ยานนิค โบลาสซี่ ลากหนีแนวรับ ทีมหงส์แดง ก่อนจะตัดสินใจซัดเต็มข้อด้วยขวาระยะ 25 หลา บอลเรียดหนีมือ ซิมง มินโญเลต์ พุ่งชนเสากระดอนออกมา แต่ลูกยังเข้าทาง ดไวท์ เกล วิ่งมาซ้ำจ่อเข้าไปได้สำเร็จ

ในนาทีที่ 34 ทีมหงส์แดง นั้นเกือบได้ประตูออกนำอีกครั้ง คราวนี้ โจ อัลเลน ครอสจากฝั่งซ้ายไปให้ ริคกี้ แลมเบิร์ต ที่อยู่เสาไกลได้โอกาสขึ้นโขกคนเดียวจ่อๆ แต่โชคไม่ดีบอลดันหลุดกรอบออกไปนิดเดียว

นาทีที่ 36 ทีมพาเลซ นั้นต้องถอดเอา ดาเมี่ยน เดลานี่ย์ ที่ได้รับบาดเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหว ทำให้ต้องส่ง เบรเด้ ฮันเกลันด์ ลงมาคุมเกมรับของทีมแทน

และในช่วงท้ายครึ่งแรกไม่มีประเติมเพิ่ม หมดเวลาทั้งสองทีมเสมอกันไปก่อน 1-1

ซึ่งนาทีที่ 48 ทางด้านทีมลิเวอร์พูล นั้นก็มาได้ลุ้นจากฟรีคิกระยะ 30 หลา สตีเว่น เจอร์ราร์ด รับหน้าที่ซัดแต่บอลพุ่งหลุดกรอบออกไปเสียก่อน

ในนาทีที่ 53 ตัวของมาร์ติน สเคอร์เทล มาโดนใบเหลืองเป็นคนแรกของเกม โทษฐานเจ้าตัวเข้าไปดึงแขนของ มารูยาน ชามัคห์ เพื่อเป็นการขัดขวาง

นาทีที่ 61 ฆาบี มานกิโย่ ต้องมารับใบเหลือง หลังเจตนาไปดึง ชามัคห์ ที่หน้าเขตโทษ

และในนาทีที่ 71 ทีมหงส์แดง นั้นได้ตัดสินใจถอด อดัม ลัลลาน่า ออก แล้วส่ง ฟาบิโอ บอรินี่ ลงสนามเพื่อลุ้นทำประตูให้ทีมเพิ่ม

ต่อมาในนาทีที่ 74 ทีมลิเวอร์พูล นั้นต้องถอด โจ อัลเลน ที่มีปัญหาเลือกออกบนศีรษะที่แตกมาจากครึ่งแรก โดยเปลี่ยนเอา เอ็มเร่ ชาน ลงสนามมาช่วยเกมแดนกลางแทน ขณะที่ ทีมพาเลซ ก็ส่งให้ เจมส์ แม็คอาร์เธอร์ ลงสนามเป็นคนที่สอง โดยเปลี่ยนเอา เจสัน พันเชี่ยน ออกไป

และเมื่อถึงนาทีที่ 78 แฟนบอลทีมคริสตัล พาเลซ ก็ได้เฮกันทั้งสนามเมื่อทีมมาทำประตูที่สองสำเร็จ จากจังหวะที่บอลกำลังลอยกลางอากาศ เดยัน ลอฟเรน ที่ตามประกบ ยานนิค โบลาสซี่ จากริมเส้นไปล้มแล้วบอลตกเข้าหัวพอดีให้ดาวเตะ ทีมพาเลซ เลี้ยงหนีไปได่ ก่อนเจ้าตัวจะตบเข้ากลางให้ โจ เลดลี่ย์ วิ่งมาซัดตรงกลางลอดตัว ซิมง มินโญเลต์ เข้าไป เจ้าถิ่นพลิกขึ้นนำ 2-1

ต่อมาในนาทีที่ 81 สถานการณ์ยังเป็นใจให้เจ้าถิ่นต่อเนื่อง คราวนี้ทีมมาได้ฟรีคิกหน้าเขตโทษ ไมล์ เยดินัค วิ่งมาปั่นด้วยขวา บอลเลี้ยวข้ามกำแพง ก่อนจะอ้อมหนีมือ มินโญเลต์ เข้าไปอย่างสวยงาม ทีมคริสตัล พาเลซ ได้นำเพิ่มอีกเป็น 3-1

นาทีที่ 86 ทีมพาเลซ ตัดสินใจถอด ยานนิค โบลาสซี่ ที่เกมนีทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมออกไปพักท่ามกลางเสียงปรบมือจากแฟนๆ ในสนาม ก่อนจะให้ แบร์รี่ แบนแนน ลงมาเล่นแทน

เข้าสู่ช่วงท้ายเกมทั้งสองทีมเกือบมีลุ้นได้ประตูกันหลายครั้งแต่ก็พลาดไป สุดท้ายหมดเวลา ทีมคริสตัล พาเลซ ได้เปิดบ้านเอาชนะ ทีมลิเวอร์พูล ไปได้สำเร็จผลบอล 3-1

นั่นทำให้ ทีมพาเลซ ได้เก็บเพิ่มเป็น 12 คะแนน ขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 15 ของตาราง ส่วน ทีมหงส์แดง จากความพ่ายแพ้นัดนี้ทำให้ทีมตกมาอยู่อันดับ 12 โดยมีอยู่แค่ 14 คะแนน เท่านั้น

มาดูรายชื่อผู้เล่น คริสตัล พาเลซ 4-4-1-1 :

  1. จูเลี่ยน สเปโรนี่ 
  2. มาร์ติน เคลลี่
  3. สก็ตต์ แดนน์
  4. ดาเมี่ยน เดลานี่ย์ เปลี่ยนตัว เบรเด้ ฮันเกลันด์ ลงมาในนาทีที่ 36
  5. โจเอล วอร์ด 
  6. เจสัน พันเชี่ยน เปลี่ยนตัว เจมส์ แม็คอาร์เธอร์ ลงมาในนาทีที่ 76
  7. ไมล์ เยดินัค
  8. โจ เลดลี่ย์
  9. ยานนิค โบลาสซี่ เปลี่ยนตัว แบร์รี่ แบนแนน ลงมาในนาทีที่ 86
  10. มารูยาน ชามัคห์ 
  11. ดไวท์ เกล


ผู้เล่นสำรอง

  1. เวย์น เฮเนสซี่ 
  2. วิลฟรีด ซาฮา 
  3. เฟรเซอร์ แคมป์เบลล์ 
  4. แอนดรูวส์ จอห์นสัน


มาดูรายชื่อผู้เล่น ทีมลิเวอร์พูล 4-2-3-1 :

  1. ซิมง มินโญเลต์ 
  2. ฆาบี มานกิโย่
  3. มาร์ติน สเคอร์เทล
  4. เดยัน ลอฟเรน
  5. เกล็น จอห์นสัน 
  6. โจ อัลเลน เปลี่ยน เอ็มเร่ ชาน ลงมาในนาทีที่ 74
  7. สตีเว่น เจอร์ราร์ด 
  8. ราฮีม สเตอร์ลิ่ง
  9. ฟิลิปป์ คูตินโญ่
  10. อดัม ลัลลาน่า เปลี่ยน ฟาบิโอ บอรินี่ ลงมาในนาทีที่ 71 
  11. ริคกี้ แลมเบิร์ต


ผู้เล่นสำรอง

  1. แบร๊ด โจนส์ 
  2. โคโล่ ตูเร่ 
  3. อัลแบร์โต้ โมเรโน่ 
  4. ลูคัส เลว่า 
  5. ลาซาร์ มาร์โควิช


กรรมการผู้ตัดสิน : โจนาธาน มอสส์

ติดตามชมดูคลิป ไฮไลท์พรีเมียร์ลีก


เดอะคล็อปป์ได้โผล่ชื่อนั่งแท่นกุนซือหงส์แทนบีร็อด




ซึ่งบีร็อด นั้นคงจะได้เก้าอี้ร้อน หลังจากที่เจอร์เก้น คล็อปป์ ปรากฏชื่อเตรียมนั่งแท่นบัลลังก์กุนซือใหม่ ทีมหงส์แดง หลังผลงานโคตรแย่ เก็บชัยได้แค่ 2 นัดจาก 12 เกม

และก็ดูเหมือนขาเก้าอี้กุนซือของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล สโมสรชั้นนำแห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ จะเริ่มสั่นคลอนเสียแล้ว เมื่อล่าสุดมีรายงานว่า ทีมหงส์แดง ได้วางตัว เจอร์เก้น คล็อปป์ เทรนเนอร์ของ ทีมโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทีมดังแห่งเวที บุนเดสลีกา เยอรมัน เข้ามาเสียบตำแหน่งแทน หลังจากที่ บีร็อด นั้นเพิ่งพาทีมบุกไปแพ้ ทีมคริสตัล พาเลซ ที่ ถิ่นเซลเฮิร์ทส์ พาร์ค 1-3 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา วันที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

ซึ่งโปรแกรมบอลทีมหงส์แดง นั้นได้ออกสตาร์ทฤดูกาล 2014 - 2015 ได้อย่างย่ำแย่ เก็บชัยชนะได้เพียง 2 นัดเท่านั้นจากเกมลีก 12 นัดหลังสุด แถม 3 นัดล่าสุดแพ้รวดทั้งหมด รั้งอยู่ที่ 12 ของตาราง แข่ง 12 นัด มี 14 แต้ม

นั่นจึงทำให้แฟนๆ ชาวเดอะ ค็อป และเหล่าบรรดาเกจิลูกหนังวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก โดยล่าสุดมีรายงานเกิดขึ้นว่าทางบอร์ดบริหารของ ทีมลิเวอร์พูล ได้วางแผนทาบทาม คล็อปป์ เข้ามาทำหน้าที่แทน ร็อดเจอร์ส หลังเจ้าตัวนั้นเคยออกมายอมรับว่าสนใจที่จะเข้ามาทำงานใน อังกฤษ

และที่ก่อนหน้านี้ กุนซือใหญ่ทัพ ทีมเสือเหลือง ก็ได้เคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องทำงานในแดนผู้ดีเอาไว้ว่า ผมคิดว่า อังกฤษ เป็นที่เดียวเท่านั้นที่ผมควรไปทำงาน ถัดจาก เยอรมัน ผมคิดว่า อังกฤษ นี่แหละเหมาะสมที่สุดแล้ว เพราะมันเป็นประเทศเดียวที่ผมรู้จักภาษา ซึ่งการทำงานของผมมันจำเป็นต้องใช้ภาษาอย่างมาก และถ้าเกิดมีใครติดต่อผมมา มันก็น่าที่จะลองคุยดูนะ