แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ วิเคราะห์บอล แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ วิเคราะห์บอล แสดงบทความทั้งหมด
วันอังคารที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2564

ติดตามผลบอล และ บทวิเคราะห์บอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : เชลซี vs เอฟเวอร์ตัน

 


ผลบอล Live Score

เชลซี 2-0 เอฟเวอร์ตัน

วันอังคาร 9 มีนาคม 2564 เวลา 01:00 สนาม : สแตมฟอร์ดบริดจ์

ข้อมูลที่น่าสนใจ : เชลซี vs เอฟเวอร์ตัน


พรีวิว : เชลซี เปิดบ้านชนะ เอฟเวอร์ตัน 2-0 ยังคงยึดอันดับ 4 ไว้ได้อย่างสวยงาม ทั้งยังไม่แพ้ใครมา 11 นัดแล้ว ซึ่งเกมนี้ ไค ฮาแวร์ตซ์ ทำผลงานได้ดีมีส่วนร่วมประตูถึง 2 ลูก ในตอนนี้ เชลซี มี 50 คะแนน หนีเอฟเวอร์ตัน ไปอีก 4 แต้ม

วิเคราะห์ก่อนเกม

ทีมเชลซี : ตอนนี้อยู่อันดับที่ 4 ของตาราง มี 47 แต้ม จาก 27 นัด โดยยังมีฟอร์มที่ยอมเยียมต่อเนื่องในลีก ชนะ 5 เสมอ 3 ยังไม่แพ้ใคร ตั้งแต่ โธมัส ทูเคิ่ล เข้ามาคุมทีม

ทีมเอฟเวอร์ตัน : ตอนนี้อยู่อันดับที่ 5 ของตาราง แข่ง 26 นัดมี 46 แต้ม โดยหลังจากพวกเขาสะดุดแพ้ 2 เกม ก็กลับมาโชว์ผลงานที่ยอดเยียมอย่างต่อเนื่อง คว้า 3 คะแนนในลีกไปแล้ว 3 นัดติดต่อกัน

สถิติ

ผลงานที่เจอกันล่าสุด 5นัด 

วันที่รายการทีมvsทีม
09 มี.ค. 64พรีเมียร์ลีกเชลซี2-0เอฟเวอร์ตัน
13 ธ.ค. 63พรีเมียร์ลีกเอฟเวอร์ตัน1-0เชลซี
08 มี.ค. 63พรีเมียร์ลีกเชลซี4-0เอฟเวอร์ตัน 
07 ธ.ค. 62พรีเมียร์ลีกเอฟเวอร์ตัน3-1เชลซี
17 มี.ค. 62พรีเมียร์ลีกเอฟเวอร์ตัน2-0เชลซี

ผลงาน 5 นัดล่าสุด

ทีมเชลซี 

วันที่รายการทีมvsทีม
05 มี.ค. 64พรีเมียร์ลีกลิเวอร์พูล0-1เชลซี
28 ก.พ. 64พรีเมียร์ลีกเชลซี0-0 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
24 ก.พ. 64ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกแอต.มาดริด0-1เชลซี
20 ก.พ. 64พรีเมียร์ลีก เซาแฮมป์ตัน1-1เชลซี
16 ก.พ. 64พรีเมียร์ลีกเชลซี2-0นิวคาสเซิล

 

ผลงาน 5 นัดล่าสุด

เอฟเวอร์ตัน

วันที่รายการทีมvsทีม
 05 มี.ค. 64พรีเมียร์ลีกเวสต์บรอมวิช 0-1 เอฟเวอร์ตัน 
 02 มี.ค. 64พรีเมียร์ลีกเอฟเวอร์ตัน 1-0 เซาแฮมป์ตัน 
 21 ก.พ. 64พรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล0-2เอฟเวอร์ตัน 
 18 ก.พ. 64พรีเมียร์ลีก เอฟเวอร์ตัน1-3 แมนเชสเตอร์ ซิตี้
 15 ก.พ. 64พรีเมียร์ลีก เอฟเวอร์ตัน0-2 ฟูแล่ม 


วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2563

วิเคราะห์บอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พบ แอร์เบ ไลป์ซิก

 

วิเคราะห์บอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พบ แอร์เบ ไลป์ซิก


  • ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
  • กลุ่ม เอช
  • คืนวันพุธที่ 28 ตุลาคม 2020
  • เวลา 03.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย)
  • แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พบ แอร์เบ ไลป์ซิก
  • สนาม : โอลด์ แทรฟฟอร์ด
  • ถ่ายทอดสด : beIN Sports Connect




ความพร้อมของทั้งสองทีม

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ทีมของ โอเล กุนนาร์ โซลชา เรียกได้ว่า ฟอร์มในช่วงหลังจัดว่าดูดีขึ้นพอสมควรหลังจากไม่แพ้ใครมาแล้ว 3 เกมติดต่อกัน

โดยเกมล่าสุดเปิดบ้านเสมอกับ เชลซี 0-0 มาเมื่อสุดสัปดาห์ก่อน กลับมาที่รายการนี้ ปีศาจแดง พลิกล็อคคว้าชัยมาได้ในเกมแรกด้วยการบุกไปอัด ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ถึงถิ่น 1-2 ถัดมาในเกมที่สองของกลุ่มพวกเขามีคิวเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของทีมม้ามึดในปีก่อนอย่าง แอร์เบ ไลป์ซิก ที่คว้าชัยมาได้ในนัดแรกเช่นกัน

มีการคาดกันว่าในเกมนี้ โซลชา จะยังคงเน้นเล่นอย่างรัดกุมเอาไว้ก่อนและรอจังหวะเปิดเกมบุกโดยใช้ความเร็วอันจัดจ้านของแนวรุก แต่ต้องระวังจังหวะต่อบอลเร็วของทีมเยือนที่อาจเล่นงานเกมรับเจ้าถิ่นที่ยังดูไม่แน่นอนอยู่ได้เช่นกันในเกมวันนี้

ซึ่งสภาพทีมก่อนลงทำการแข่งขัน จะยังไม่สามารถใช้งาน เอริค ไบญี ที่ยังมีอาการบาดเจ็บ เช่นเดียวกับ เจสซี ลินการ์ด ที่ยังไม่ฟิตพร้อมเป็นตัวเลือกให้กับทีมในเกมวันนี้เช่นเดียวกัน

คาดการณ์ 11 ผู้เล่นตัวจริง
  • ผู้รักษาประตู - เด เคอา
  • กองกลัง – เทลเลส, แม็คไกวร์, ลินเดอเลิฟ, วาน บิสซาก้า
  • กองกลาง – มาติช, ป็อกบา, บรูโน
  • กองหน้า – มาต้า, มาร์กซิยาล, แรชฟอร์ด

แอร์เบ ไลป์ซิก

ทีมของ ยูเลียน นาเกลส์มันน์ ฟอร์มกำลังร้อนแรงสุด ๆ ในปีนี้ ด้วยการชนะถึง 6 จาก 7 นัดในทุกรายการ โดยเสมอไปเพียง 1 เกมเท่านั้น รั้งจ่าฝูงของ บุนเดสลีกา หลังผ่านไป 5 นัดมีแต้มเหนือ บาเยิร์น มิวนิค ทีมอันดับสองอยู่ 1 คะแนนด้วยกัน

ในรายการนี้พวกเขาเอาชนะ อิสตันบูล บาซักเซฮีร์ ไปได้ในนัดแรก 2-0 ทำให้ขยับขึ้นนำเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม เอช ซึ่งในเกมนี้ ทัพกระทิงแดง ต้องบุกมาเยือน โอลด์ แทรฟฟอร์ด รังเหย้าของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ฟอร์มในช่วงหลังดูจะดีขึ้นตามลำดับ ต้องมาลุ้นกันว่าฟอร์มที่กำลังร้อนแรงของ ไลป์ซิก จะสามารถเจาะแนวรับของ ปีศาจแดง ในเกมนี้ได้หรือไม่

ความพร้อมก่อนแข่ง จะยังมีผู้เล่นบาดเจ็บอยู่หลายรายทั้ง ไทเลอร์ อดัมส์ อมาดู ไฮดารา ลูคัส โคลสเตอร์มันน์ คอนราด ไลเมอร์ ที่จะลงสนามช่วยทีมไม่ได้แน่นอนแล้วในเกมนี้ ส่วนรายของ เควิน คัมเพิล และ นอร์ดี มูกีย์เล ยังคงต้องรอเช็คความฟิตก่อนเกมอีกครั้ง

คาดการณ์ 11 ผู้เล่นตัวจริง

  • ผู้รักษาประตู - กูลาคซี
  • กองกลัง – ออบัน, อูปาเมกาโน, ฮาลสเทนเบิร์ก
  • กองกลาง – มูกีย์เล, เอ็นคุนคู, คัมเพิล, อังเคลินโน
  • กองหน้า – โอลโม, ฮวาง, ฟอร์สเบิร์ก

ผลงาน 5 นัดหลังสุดของทั้งสองทีม

แมนฯ ยูไนเต็ด - ชนะ 3 เสมอ 1 แพ้ 1

  1. 26/09/20 พรีเมียร์ลีก - แมนฯ ยูไนเต็ด 0-0 เชลซี
  2. 21/10/20 แชมเปี้ยนส์ลีก - ปารีส 1-2 แมนฯ ยูไนเต็ด
  3. 18/10/20 พรีเมียร์ลีก - นิวคาสเซิล 1-4 แมนฯ ยูไนเต็ด
  4. 04/10/20 พรีเมียร์ลีก - แมนฯ ยูไนเต็ด 1-6 สเปอร์ส
  5. 01/10/20 คาราบาว คัพ - ไบรท์ตัน 0-3 แมนฯ ยูไนเต็ด

ไลป์ซิก - ชนะ 4 เสมอ 1 แพ้ 0

  1. 24/09/20 บุนเดสลีกา - ไลป์ซิก 2-1 แฮร์ธา
  2. 21/10/20 แชมเปี้ยนส์ลีก - ไลป์ซิก 2-0 บาซักเซฮีร์
  3. 17/10/20 บุนเดสลีกา - เอาส์บวร์ก 0-2 ไลป์ซิก
  4. 03/10/20 บุนเดสลีกา - ไลป์ซิก 4-0 ชาลเก้
  5. 26/09/20 บุนเดสลีกา - เลเวอร์คูเซน 1-1 ไลป์ซิก

***ทั้งสองทีมยังไม่เคยพบกันมาก่อน
วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2561

วิเคราะห์บอล ลิเวอร์พูล พบ ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง คืนนี้

วิเคราะห์บอล แชมเปี้ยนส์ลีก : ลิเวอร์พูล พบ ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง, เกร็ดข้อมูลน่ารู้ก่อนแข่ง


วิเคราะห์บอล ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มซี นัดแรก

  • ลิเวอร์พูล พบ ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง
  • คืนวันอังคารที่ 18 กันยายน 2561
  • เวลา 02:00 น.
  • สนาม : แอนฟิลด์
  • ถ่ายทอดสด : GOAL.com

ความพร้อมทั้ง 2 ทีม

ลิเวอร์พูล

โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน ออกมาพูดถึงอาการของตัวเองว่าเขาไม่เป็นอะไรมาก หลังได้รับบาดเจ็บบริเวณตาในเกมกับ สเปอร์ส เมื่อวันเสาร์ และน่าจะได้ลงเป็นตัวจริงในเกมนี้ อย่างไรก็ตาม แดเนียล สเตอร์ริดจ์ อาจได้ลงสนาม หาก คล็อปป์ ไม่อยากเสี่ยงส่ง ฟีร์มิโน ลงตั้งแต่นาทีแรก

เดยัน ลอฟเรน, อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน และ อดัม ลัลลานา ยังคงบาดเจ็บอยู่เหมือนเดิม ทำให้คาดว่าทั้งตังจริงและสำรองของ ลิเวอร์พูล คงไม่แตกต่างจากเดิมมากนัก

คาดการณ์ 11 ตัวจริง

  1. อลิสซอน
  2. ฟาน ไดจ์ค
  3. โกเมซ
  4. โรเบิร์ตสัน
  5. อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์
  6. เกอิต้า
  7. มิลเนอร์
  8. ไวจ์นัลดุม
  9. ซาลาห์
  10. มาเน
  11. ฟีร์มิโน
เปเอสเช

จานลุยจิ บุฟฟอน และ มาร์โก้ แวร์รัตติ ติดโทษแบนมาจากฤดูกาลที่แล้ว ทำให้ โธมัส ทูเคิล ต้องเรียกใช้บริการของ อัลฟ็องเซ อเรโอลา และ ลาสซานา ดิยาร์รา ลงเป็นตัวจริงในเกมนี้

ดานี อัลเวส กับ เลย์แว็ง คูร์ซาวา เป็นแข้งสองรายที่ได้รับบาดเจ็บและจะชวดลงเล่นในเกมนี้แน่นอน แต่พวกเขาจะได้ คีลียัน เอ็มบัปเป้ และ เนย์มาร์ กลับลงมาล่าตาข่ายอีกครั้ง หลังทั้งคู่ไม่มีชื่อลงเล่นในเกม ลีกเอิง นัดที่ผ่านมา

คาดการณ์ 11 ตัวจริง


  1. อเรโอลา
  2. มาร์ควินญอส
  3. ซิลวา
  4. เอ็นโซกี
  5. เมอนิเยร์
  6. ดิยาร์รา
  7. ราบิโอต์
  8. ดิ มาเรีย
  9. เนย์มาร์
  10. คาวานี
  11. เอ็มบัปเป้

สถิติ 5 นัดหลังสุด

ลิเวอร์พูล (ชนะ 5 เสมอ 0 แพ้ 0)

  • ชนะ สเปอร์ส 2-1 (พรีเมียร์ลีก)
  • ชนะ เลสเตอร์ 2-1 (พรีเมียร์ลีก)
  • ชนะ ไบรตัน 1-0 (พรีเมียร์ลีก)
  • ชนะ คริสตัล พาเลซ 2-0 (พรีเมียร์ลีก)
  • ชนะ เวสต์แฮม 4-0 (พรีเมียร์ลีก)


เปเอสเช (ชนะ 5 เสมอ 0 แพ้ 0)


  • ชนะ แซงต์-เอเตียน 4-0 (ลีกเอิง)
  • ชนะ นีมส์ 4-2 (ลีกเอิง)
  • ชนะ อ็องแชร์ก 3-1 (ลีกเอิง)
  • ชนะ แก็งก็อง 3-1 (ลีกเอิง)
  • ชนะ ก็อง 3-0 (ลีกเอิง)

เฮดทูเฮด (ลิเวอร์พูล 1 เสมอ 0 เปเอสเช 1)

  • ลิเวอร์พูล 2-0 เปเอสเช (คัพวินเนอร์สคัพ, 1997)
  • เปเอสเช 3-0 ลิเวอร์พูล (คัพวินเนอร์สคัพ, 1997)

ข้อมูลและสถิติน่าสนใจ


  1. ทั้งคู่เพิ่งเคยเจอกัน 2 ครั้งเท่านั้น และเป็นการเจอกันในรายที่ถูกยุบไปแล้วอย่าง คัพวินเนอร์สคัพ ซึ่งต่างฝ่ายต่างชนะได้ทีมละครั้ง
  2. ทั้ง 2 ทีมต่างชนะรวด 5 นัด ในฤดูกาลนี้ และนั่นทำให้อย่างน้อย 1 ทีมจะต้องเสียสถิติชนะรวดในเกมนี้
  3. เปเอสเช ยิงได้ 3 ลูกขึ้นไปเสมอในฤดูกาลนี้ ในขณะที่ ลิเวอร์พูล ทำได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นในเกมแรกของฤดูกาล
  4. สามประสาน เนย์มาร์, เอ็มบัปเป้ และ คาวานี ยิงไปแล้ว 13 ประตู ในฤดูกาลนี้ ในขณะที่ ฟีร์มิโน, มาเน และ ซาลาห์ ยิงได้ 8 ประตู
  5. มาเน, ฟีร์มิโน และ ซาลาห์ เป็นรองดาวซัลโซ แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลที่แล้วร่วมกันที่ 10 ประตู เป็นรองเพียงแค่ คริสเตียโน โรนัลโด้ เท่านั้น
  6. ลิเวอร์พูล และ ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง เป็น 2 ทีมใน ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลที่แล้วที่ทำลายสถิติยิงมากที่สุดในรอบแบ่งกลุ่มได้สำเร็จ โดย ลิเวอร์พูล ยิงไป 23 ลูก ส่วน เปเอสเช ยิงไป 25 ลูก ลิเวอร์พูล เดินหน้าต่อจนยิงได้ 41 ลูก (47 ลูก หากรวมรอบเพลย์ออฟ) กลายเป็นทีมที่ยิงได้มากที่สุดในซีซั่นที่แล้ว


ขอขอบคุณ
ข้อมูล :www.90min.com
วันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2559

อัพเดท วิเคราะห์ฟุตบอลยูโร 2016 กลุ่ม C เยอรมนี vs ยูเครน

อัพเดท วิเคราะห์ฟุตบอลยูโร 2016 กลุ่ม C เยอรมนี vs ยูเครน


ผลบอลสด

  • ทีม เยอรมนี - ยูเครน
  • วัน: อาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน 2559 
  • เวลา: 02.00 น.
  • สนาม: สต๊าด ปิแอร์-โมรัว
  • ผู้ตัดสิน: มาร์ติน แอตกินสัน (อังกฤษ)
  • สภาพอากาศ: 16 °C, มีฝนโปรย
  • ถ่ายทอดสด: CH 3, CH 3 HD
สถิติการพบกัน 2 นัดหลังสุด

  1. 11-11-11 ผลบอลย้อนหลัง นัดกระชับมิตร ยูเครน 3 - 3 เยอรมนี
  2. 14-11-01 ผลบอลย้อนหลัง คัดบอลโลก เยอรมนี 4 - 1 ยูเครน
สถิติผลงาน 5 นัดหลังสุด

ทีมชาติเยอรมนี

  • 4-6-16 ชนะ ฮังการี 2-0 (เหย้า)
  • 29-5-16 แพ้ สโลวาเกีย 1-3 (เหย้า)
  • 29-3-16 ชนะ อิตาลี 4-1 (เหย้า)
  • 26-3-16 แพ้ อังกฤษ 2-3 (เหย้า)
  • 14-11-15 แพ้ ฝรั่งเศส 0-2 (เยือน)
ทีมชาติยูเครน

  • 3-6-16 ชนะ แอลเบเนีย 3-1 (กลาง)
  • 29-5-16 ชนะ โรมาเนีย 4-3 (กลาง)
  • 28-3-16 ชนะ เวลส์ 1-0 (เหย้า)
  • 24-3-16 ชนะ ไซปรัส 1-0 (เหย้า)
  • 17-11-15 เสมอ สโลวีนีย 1-1 (เยือน)
สภาพความพร้อม - สภาพของทีม

ทีมชาติเยอรมนี

สำหรับมัตส์ ฮุมเมิลส์ นั้นคงยังไม่พร้อมลงเล่นในแนวรับ ชโคดราน มุสตาฟี่ และ เบเนดิคท์ โฮเวเดส นั้นยังต้องแย่งตำแหน่งกัน โดยรายหลังยังเป็นตัวเลือกในตำแหน่งแบ็กขวาด้วย

โดยมีเอ็มเร่ ชาน และ โยชัว คิมมิช นั้นรอโอกาสอยู่เช่นกัน ซึ่งแผงกลางมีทั้งโธมัส มุลเลอร์, เมซุท โอซิล, โทนี่ โครส และซามี่ เคดิร่า แนวรุกอาจเลือกมาริโอ เกิทเซ่ เหนือ มาริโอ โกเมซ

ทีมชาติยูเครน

มีเยฟเกน คาเชริดี้ กับ ยาโรสลาฟ ราคิทสกี้ คงได้จับคู่กันในแนวรับ โดยตัวเก๋าอย่างโอเล็กซานเดอร์ คูเชอร์ต้องหลุดไปเป็นสำรอง

สำหรับตัวเก๋าในแดนกลางอย่าง รุสลัน โรทาน นั้นยังต้องลุ้นว่าจะเบียดลงสนามได้หรือไม่ โดยมีอังเดร ยาโมเลนโก้กับเยฟเกน โคโนเปลียนก้าเป็นตัวหลักทางริมเส้น ส่วนหัวหอกเป็นโรมัน โซซูเลีย

ผลการวิเคราะห์รูปแบบเกม

ทีมชาติเยอรมนีมีปัญหากับในแนวรับที่ยังไม่ลงตัว แต่ว่าโดยรวมแล้วน่าจะยังแข็งแกร่งสมดีกรีแชมป์โลก โดยเฉพาะแผงกลางที่โดดเด่น จึงทำให้ น่าจะรับมือกับยูเครน ที่คงมาด้วยสไตล์เน้นรับแน่น ใช้กลางเข้าบดบี้ และรุกด้วยจังหวะสวนกลับเร็วเหมือนเคย แต่นัดนี้เจอการทำเกมของอินทรีเหล็กแล้วอาจจะปั่นป่วนได้ และคงถูกเฉือนพ่ายไปในที่สุด

รายชื่อผู้เล่น 11 คนแรกที่คาด

ทีมชาติเยอรมนี 4-2-3-1 : 1.มานูเอล นอยออร์; 21.โจชัว คิมมิช 4.เบเนดิคท์ โฮเวเดส 17.เจอโรม บัวเต็ง 3.โยนาส เฮคเตอร์; 6.ซามี่ เคดิร่า 18.โทนี่ โครส; 13.โธมัส มุลเลอร์ 8.เมซุท โอซิล 11.ยูเลี่ยน ดรักซ์เลอร์; 19.มาริโอ โกเมซ

ผู้จัดการโค้ช: โยอาคิม เลิฟ

ทีมชาติยูเครน 4-2-3-1: 1.อังเดร เปียตอฟ; 17.อาร์เต็ม เฟเดทสกี้ 3.เยฟเกน คาเชริดี้ 20.ยาโรสลาฟ ราคิทสกี้ 13.วยาเชสลาฟ เชฟชุค; 6.ทาราส สเตปานเนนโก้ 4.รุสลัน โรทาน; 7.อังเดร ยาร์โมเลนโก้ 19.เดนิส การ์มาช 10.เยฟเกน โคโนเปลียนก้า; 8.โรมัน โซซูเลีย

ผู้จัดการโค้ช: มิไคโล โฟเมนโก้

ผลบอลฮอตสกอร์: เยอรมนีเฉือนชนะไปได้ 2 - 1

เกร็ดที่น่าสนใจ
ทีมเยอรมนี นั้นยังไม่เคยแพ้ยูเครนในการพบกัน 5 นัดในทุกรายการ แต่ว่าก็เสมอถึง 3 ครั้ง
ทีมยูเครนนั้นชนะรวดในการอุ่นเครื่อง 4 แมทซ์หลัง และ แพ้แค่ครั้งเดียวในการลงเตะ 12 นัดหลังสุดในทุกรายการ ชนะ 9 เสมอ 2 แพ้ 1


วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2558

แย่ยิ่งกว่าแพ้!

แย่ยิ่งกว่าแพ้!


ฟุตบอล


วิเคราะห์บอล: สำหรับความพ่ายแพ้ หรือ การต้องตกรอบตารางบอลในการแข่งขันกีฬานั้น ถือเป็นสิ่งที่เจ็บปวดและน่าผิดหวังเสมอสำหรับทุกคนที่เกี่ยวข้อง และถ้าจะมีอะไรที่แย่ไปกว่านั้น ก็คงเป็นการแพ้โดยที่ทุกคนเบ้ปากใส่แล้วบอกว่าสมควรแล้ว

และสถานการณ์ของ ทีมเชลซี หลังจบจากเกมแชมเปี้ยนส์ลีกกับ ทีมปารีส แซงต์-แชร์กแมง เมื่อคืนวันพุธ น่าจะใกล้เคียงกับที่จั่วหัวเอาไว้

เพราะว่านอกจากจะตกรอบไปอย่างชอกช้ำ จากการทำได้แค่ผลบอลเสมอ 2-2 ในบ้านตัวเอง หลังที่มีผู้เล่นมากกว่าถึงสองในสามของเวลาที่เตะกันแล้ว

ทีมสิงโตสีคราม ยังถูกวิจารณ์ อย่างหนักจากการแสดงออกของนักเตะในสนาม ในจังหวะการฟาวล์ต่อออสการ์ที่ทำให้ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ดาวเตะคนสำคัญของคู่แข่ง โดนใบแดงไล่ออกจากสนามไป

และแน่นอนว่าการตัดสินของ บียอร์น คีเปอร์ส กรรมการชาวดัตช์ ที่คิดว่าจังหวะนี้ควรเป็นใบแดง ถือเป็นวิจารณญาณของเขาเองด้วยที่โดนจวกหนักไม่แพ้กัน แต่หลายคนก็มองว่าการแสดงออกของนักเตะ ทีมเชลซี ที่เข้าไปห้อมล้อมและโหวกเหวกโวยวายเกินจำเป็นนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นเลย


วิเคราะห์บอล


ซึ่งบรรดาเกจิในแวดวงลูกหนัง ทั้งอดีตนักเตะและผู้จัดการทีมชื่อดังหลายคน ต่างก็มองไปในทางเดียวกันว่ากองหน้าของ ทีมเปแอสเชโชคร้ายที่โดนใบแดง และพฤติกรรมของนักเตะ ทีมเชลซี เป็นสิ่งที่น่าอัปยศอดสู

โดยที่ อลัน กรีน คอมเมนเตเตอร์ของ BBC วิเคราะห์ผลบอลพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นว่า มันแย่มากที่ได้เห็นนักเตะมากมายหลายคนแสดงพฤติกรรมแบบนั้นในสนาม ผมจะไม่ปกป้องพวกไร้สมองที่ทำตัวน่าขายหน้าแบบนี้แน่

ซึ่ง แกรม ซูเนสส์ อดีตนักเตะและผู้จัดการทีมชื่อดัง ได้ออกมา วิจารณ์ออสการ์ที่เจตนาเรียกใบแดงให้คู่แข่งในจังหวะที่โดนทำฟาวล์ด้วย

เรียกได้ว่ามันเป็นสิ่งที่เราไม่จำเป็นต้องทำเลย มันรับไม่ได้อย่างสิ้นเชิง การที่นักเตะพยายามล้มเพื่อให้คู่แข่งโดนไล่ออก

และมันไม่ใช่วิถีของอังกฤษ มันกำลังคืบคลานเข้าสู่เกมของเรา ซึ่งผมรู้สึกว่ารับไม่ได้จริงๆ

และแม้เวลามีใครเข้าสกัดคุณ คุณมักจะอยากล้มลงไปเพื่อให้เขาโดนเล่นงาน มันน่าสมเพชแบบนี้แหละ ขอบคุณสวรรค์ที่เปแอสเชไม่ยอมแพ้ต่อสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขากลับไปพร้อมกับเครดิตที่สมควรได้รับ พวกเขาเป็นทีมที่ดีกว่า

ทางด้านเจมี่ คาร์ราเกอร์ อดีตกองหลัง ทีมลิเวอร์พูล ได้วิจารณ์ไปถึงโจเซ่ มูรินโญ่ ผู้จัดการทีมเชลซี ว่าเป็นคนปลูกฝังทัศนคติแบบนี้ให้กับนักเตะ


โปรแกรมบอล


ซึ่งการแสดงออกของนักเตะ ทีมเชลซีเป็นเรื่องที่น่าอดสู มันมาจากทุกทีมของโจเซ่ มูรินโญ่ ทีมของเขามักจะทำพฤติกรรมแบบนี้เสมอ มันไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นแค่ครั้งเดียว

และในบางทีสิ่งที่เขาพูดไว้ก่อนเกมว่าเปแอสเชเป็นทีมที่เล่นสกปรกที่สุด อาจจะถูกฝังไว้ในหัวของกรรมการไปแล้ว

ส่วนตัว ผมคิดเสมอว่าทีมของมูรินโญ่อาจจะได้รับการยอมรับในฝีเท้า แต่ทีมของเขาจะไม่มีทางเป็นทีมที่คนรัก เพราะสถานการณ์แบบนี้นี่แหละ ทีมของเขาเอาคำว่าชนะไปอยู่ตรงจุดที่ทีมอื่นหรือผู้จัดการทีมคนอื่นทำไม่ได้ คำพูดของเขามีอิทธิพลไปแล้ว

ในขณะที่ ไมเคิล โอเว่น อดีตดาวยิงชื่อดัง ก็มีความเห็นไปในทางเดียวกัน และมองว่าจังหวะนี้ไม่ควรเป็นใบแดง

หากเป็นจังหวะนี้ ต้องไม่ใช่ใบแดงแน่นอน พฤติกรรมของนักเตะเชลซีน่าช็อกสุดๆ การทำอะไรแบบนี้มีอิทธิพลต่อเกมได้ นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาทำ

โดยที่ผมดีใจที่เห็นคาร์ราเกอร์และซูเนสส์คิดตรงกับผมเป๊ะ เกมฟุตบอลคงกลายเป็นเรื่องตลกไปเลย ถ้านักเตะเริ่มมีอิทธิพลต่อเกมด้วยการเข้าไปกดดันกรรมการ

และมาร์ค ลอว์เรนสัน ที่เป็นอดีตกองหลัง ทีมลิเวอร์พูล ซึ่งผันตัวไปทำงานด้านสื่อมานาน ก็ร่วมแสดงความไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมของนักเตะ ทีมเชลซีเช่นกัน

สำหรับการแสดงออกของนักเตะ ทีมเชลซีนั้นเหลือเชื่อมาก ถ้าดูจากการที่การทำฟาวล์จังหวะนี้ไม่ได้รุนแรงอะไรขนาดนั้นเลย ผมเกือบจะคิดว่าเขาทำคู่แข่งขาหักซะอีก ออสการ์สมควรได้รับออสการ์เลย

และสิ่งที่เกิดขึ้นฉุดให้เกมฟุตบอลถอยหลังเข้าคลอง พฤติกรรมโอเวอร์เกินเหตุต่อการทำฟาวล์ของคู่แข่ง เกมฟุตบอลกำลังจะกลายเป็นละครเข้าไปทุกทีแล้ว

A ในส่วนของ เกรแฮม โพลล์ อดีตผู้ตัดสินชื่อดังของอังกฤษ ก็มองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นสัญญาณอันตรายของเกมฟุตบอล


พรีเมียร์ลีก


ซึ่งพฤติกรรมของนักเตะ ทีมเชลซี ตอนที่เข้าไปรุมล้อม บียอร์น คีเปอร์ส เป็นความอัปยศอย่างแท้จริง และมันเป็นสัญญาณที่บอกว่าเกมฟุตบอลในปัจจุบันกลายเป็นแบบไหนไปแล้ว

ส่วนทางด้าน จอห์น อัลดริดจ์ อดีตศูนย์หน้า ทีมลิเวอร์พูล อีกคน ออกมาตำหนิวิธีการเล่นของมูรินโญ่ที่ไม่เน้นเกมบุกมากพอ

ทีมเชลซีได้ในสิ่งที่สมควรได้รับแล้ว วิธีการเล่นของพวกเขาสะท้อนตัวตนผู้จัดการทีมของพวกเขาออกมา การเล่นเกมรับในบ้านน้อยครั้งที่จะเวิร์ก

และ โลร็องต์ บล็องก์ โค้ชของ ทีมปารีส ย้ำว่าทีมของเขาสมควรได้ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะมีเหตุการณ์ปัญหาเกิดขึ้นในเกมนี้หรือไม่ก็ตาม

ซึ่งต่อให้คุณตัดการแสดงออกอย่างไม่มีน้ำใจนักกีฬาพวกนั้นออกไปจากเกม ผมก็คิดว่าทีมของผมดีกว่าเชลซีในทุกจุดของสนาม เปแอสเชสมควรเข้ารอบแล้ว

ในขณะที่อิราฮิโมวิชเองได้เหน็บแนมพฤติกรรมของคู่แข่งเบาๆ ว่าทำตัวเหมือนเด็กไม่รู้จักโต

หลังจากที่ผมเห็นกรรมการควักใบแดงออกมา ผมนี่แบบว่า เขารู้ตัวมั้ยว่ากำลังทำอะไรอยู่ แต่นี่ยังไม่ใช่ส่วนที่แย่ที่สุดนะ ที่แย่ที่สุดก็คือในจังหวะนั้น นักเตะ ทีมเชลซี ทุกคนกรูกันเข้ามารุมล้อมเต็มไปหมด ผมรู้สึกเหมือนโดนเหล่าเด็กน้อยมากลุ้มรุมอยู่รอบตัวเลย

เรื่องโดย : Bebybear

ที่มา: http://sport.sanook.com/138549/
วันพฤหัสบดีที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2558

ผลบอล: ทีมปารีสฯบุกเจ๊าเชลซีส่วนบาเยิร์นถล่มทีมชัคเตอร์10คน 7-0

ทีมปารีสฯบุกเจ๊าเชลซี 2-2 ผล อเวย์โกลเข้ารอบชปล



  • ฟุตบอลยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก
  • รอบ 16 ทีมสุดท้ายนัดที่ 2
  • วันพุธที่ 11 มีนาคม2558
  • ทีมเชลซี 2-2 ปารีส แซงต์ แชร์กแมง
  • (รวมผลสองนัดเสมอ 3-3 ปารีสฯ ผ่านเข้ารอบด้วยกฏประตูทีมเยือน)
  • สนาม: สแตมฟอร์ดบริดจ์

เริ่มเกมครึ่งแรก ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ทั้งสองทีมยังไม่มีจังหวะหวาดเสียว เกมยังถือว่าสูสีกันอยู่

ถัดมานาทีเดียว ทีมเยือน ทีมเปแอสเช ต้องมาเหลือผู้เล่น 10 คน จากจังหวะที่ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช เสียบหนักใส่ ออสการ์ ผู้ตัดสินควักใบแดง ไล่ดาวยิงชาวสวีเดน ออกจากสนามทันที

นาทีที่ 41 เจ้าถิ่น ทีมเชลซี ได้ลุ้น จากจังหวะที่ ออสการ์ ขึ้นเกมด้านซ้าย ก่อนลากบอลเข้าไปกดด้วยขวาหน้าเขตโทษ บอลพุ่งไปตรงตัว ซิริกู

หมดครึ่งแรก ทีมเชลซี กับ ทีมเปแอสเช ผลบอลเสมอกันอยู่ 0-0

ครึ่งหลัง นาทีที่ 49 ทีมเชลซี ได้ลูกฟรีคิกระยะไกล วิลเลี่ยน หลอกยิงไปที่เสาแรก บอลพุ่งตรงกรอบ แต่ทว่า ซิริกู ยังไวพุ่งปัดทิ้งออกหลัง

นาทีที่ 54 คาวานี่ เก็บบอลได้ ก่อนจ่ายยัดให้ แม็กซ์เวลล์ แตะบอลเข้าไปยิงด้วยซ้ายมุมแคบ บอลแฉลบ เคฮิลล์ ออกไป

นาทีที่ 65 แวร์รัตติ แย่งบอลมาจากเท้าของ รามิเรส หน้าเขตโทษ ก่อนจ่ายออกด้านซ้ายให้ มาตุยดี้ ยิงไปติดบล็อก แกรี่ เคฮิลล์

นาทีที่ 82 ทีมเชลซี ก็มาได้ประตู ขึ้นนำ 1-0 เชส ฟาเบรกาส เปิดลูกเตะมุมเข้าเขตโทษ บอลขลุกขลิกอยู่หน้าประตูทีมเยือน สุดท้ายบอลมาถึง แกรี่ เคฮิลล์ ซัดด้วยขวาเข้าไปตุงตาข่าย

นาทีที่ 86 เกมที่ทำท่าจะจบด้วยชัยชนะของเจ้าถิ่น แต่ ปารีส มีฮืดในช่วงท้ายเกม ไล่ทวงประตูตีเสมอเป็น 1-1 จากลูกเตะมุมทางขวาของ ลาเวซซี่ ที่เปิดโค้งเข้าเขตโทษและเป็น ดาวิด ลุยซ์ ที่โฉบมาโหม่งเหน่งๆ บอลพุ่งเช็ดใต้คานเข้าไป

จบเกม 90 นาที ทีมเชลซี เปิดรังเสมอกับ ปารีส 1-1 ทำให้สกอร์ออกมาเท่ากับเกมแรกที่ ปาร์ก เดส์ แพร็งซ์ ซึ่งรวม 2 นัด เสมอกันที่ 2-2 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไปอีก 30 นาที

ช่วงต่อเวลาพิเศษ นาทีที่ 96 ทีมเชลซี มาได้ลูกจุดโทษ จากจังหวะที่ ติอาโก้ ซิลวา ใช้มือปัดบอลในจังหวะแย่งโหม่งบอลกับ เคิร์ท ซูม่า ก่อนที่ เอแด็น อาซาร์ จะสังหารเข้าไปไม่พลาด ทีมสิงห์บลูส์ ขึ้นนำ 2-1

โปรแกรมบอลในช่วงนาทีที่ 115 สาวก ทีมสิงห์บลูส์ แทบช็อก เมื่อ ทีมปารีสฯ มาได้ประตูตีเสมออีกครั้งเป็น 2-2 จากลูกเตะมุม ติอาโก้ ม็อตต้า เปิดเข้าเขตโทษให้ ติอาโก้ ซิลวา ขึ้นโขกคนเดียวโดดๆ บอลย้อยเสียบตาข่ายเข้าไป

ส่งผลให้จบเกม 120 นาที ปารีสฯ บุกมายันเสมอ ทีมเชลซี ถึงถิ่น 2-2 รวมผล 2 นัดเสมอกัน 3-3 ทำให้ ทีมเปแอสเช ผ่านเข้ารอบก่อนรองฯ ด้วยกฎยิงประตูทีมเยือน


บาเยิร์นถล่มทีมชัคเตอร์10คน 7-0 ลิ่ว8ทีมชปล+คลิป




  • ศึกฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ปี 2014-2015
  • แข่งในรอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2
  • แข่งวันพุธที่ 11 มีนาคม 2558
  • ทีมบาเยิร์น มิวนิค 7-0 ทีมชัคเตอร์ โดเนทส์ค
  • ซึ่งผลนัดแรก เสมอกันมาที่บ้านของ ชัคเตอร์ฯ 0-0
  • แข่งที่สนาม : อัลลิอันซ์ อารีนา
วิเคราะห์ผลบอลเปิดฉากครึ่งแรกมาแค่ 3 นาที ทีมบาเยิร์น ได้จุดโทษ โธมัส มุลเลอร์ รับหน้าที่สังหารเข้าไปไม่พลาด ทีมบาเยิร์น ขึ้นนำ 1-0

นาทีที่ 34 เจ้าบ้าน ทีมบาเยิร์น หนีห่างเป็น 2-0 จากจังหวะที่ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี่ ยิงจังหวะแรกไปติดเซฟของ อังเดร เปียตอฟ นายด่านชัคเตอร์ บอลมาเข้าทาง เยโรม บัวเต็ง ซัดจ่อๆเข้า ไปตุงตาข่าย

จบครึ่งแรก ทีมทีมบาเยิร์น มิวนิก นำ ชัคเตอร์ โดเนทส์ค อยู่ 2-0

ครึ่งหลัง มาถึง นาทีที่ 50 ฟรองค์ ริเบรี่ ยิงด้วยเท้าขวาบอลพุ่งเสียบมุมเข้าไป ทีมบาเยิร์น นำห่าง 3-0

ถัดมา 2 นาที ทีมบาเยิร์น หนีเป็น 4-0 จากจังหวะปัดบอลของ อังเดร เปียตอฟ ไปเข้าทางปืน มุลเลอร์ แปเข้าไปง่ายๆ

ถึง นาทีที่ 64 เจ้าถิ่น "เสือใต้" มาได้ลูกที่ห้า หนีเป็น 5-0 ราฟินญ่า เปิดบอลจากริมเส้นฝั่งขวาเข้าเขตโทษให้ โฮลเกอร์ บัดสตูเบอร์ ขึ้นโหม่งเต็มศีรษะเข้าไป

นาทีที่ 76 เจ้าบ้าน ทีมบาเยิร์น ทิ้งไปไกลเป็น 6-0 จากจังหวะที่ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ เปิดบอลเข้าเขตโทษให้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี่ พักบอลลงหนึ่งจังหวะก่อนกดด้วยขวาเข้าไปตุงตาข่าย

นาทีที่ 87 ทีมบาเยิร์น มาได้ประตูสุดท้าย หนีเป็น 7-0 จากจังหวะที่ บัวเต็ง เปิดจากฝั่งขวาไปที่เสาสองถึง มาริโอ เกิทเซ่ วิ่งมากดด้วยขวาเข้าไป

จบเกม ทีมบาเยิร์น มิวนิค ถล่ม ชัคเตอร์ โดเนทส์ค ไป 7 -0 ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก สำเร็จ




ที่มา: http://sport.sanook.com/138245/http://sport.sanook.com/138241/
วันพุธที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เลเวอร์คูเซ่น vs แอตเลติโก มาดริด

วิเคราะห์บอล ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เลเวอร์คูเซ่น vs แอตเลติโก มาดริด




  • วิเคราะห์บอล ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีม นัดแรก 
  • ทีมเลเวอร์คูเซ่น vs ทีมแอตเลติโก มาดริด 
  • แข่งวัน พุธที่ 25 กุมภาพันธ์ 2558 
  • แข่งเวลา: 02.45 นาฬิกา 
  • แข่งที่สนาม: ไบอารีนา 
  • กรรมการผู้ตัดสิน: พาเวล คราโลเว็ค ประเทศเช็ก 
  • ด้านสภาพอากาศ: 3 องศา, มีฝนเล็กน้อย 
  • ช่องที่ถ่ายทอดสด: TrueSport 3, TrueSport HD, TrueSport HD3


สำหรับผลการพบกัน 2 นัดหลังสุด

  1. วันที่ 16/12/10 ศึกแชมเปี้ยนส์ลีก เลเวอร์คูเซ่น 1 - 1 แอต.มาดริด
  2. วันที่ 30/09/09 ศึกแชมเปี้ยนส์ลีก แอต.มาดริด 1 - 1 เลเวอร์คูเซ่น



ผลงาน 5 นัดหลังสุดของแต่ละทีม

ทีมเลเวอร์คูเซ่น

  1. วันที่ 21/2/15 ผลบอล เสมอ เอาก์สบวร์ก 2 - 2 นัดเยือน
  2. วันที่ 14/2/15 ผลบอล แพ้ โวล์ฟสบวร์ก 4-5 นัดเหย้า
  3. วันที่ 8/2/15   ผลบอล แพ้ เบรเมน 1-2 นัดเยือน
  4. วันที่ 4/2/15   ผลบอล ชนะ แฮร์ธ่า 1-0 นัดเยือน
  5. วันที่ 31/1/15 ผลบอล เสมอ ดอร์ทมุนด์ 0-0 นัดเหย้า


ทีมแอต.มาดริด

  1. วันที่ 21/2/15 ผลบอล ชนะ อัลเมเรีย 3-0 นัดเหย้า
  2. วันที่ 15/2/15 ผลบอล แพ้ เซลต้า 0-2 นัดเยือน
  3. วันที่ 7/2/15   ผลบอล ชนะ เรอัล มาดริด 4-0 นัดเหย้า
  4. วันที่ 31/1/15 ผลบอล ชนะ เออิบาร์ 3-1 นัดเยือน
  5. วันที่ 28/1/15 ผลบอล แพ้ บาร์เซโลน่า 2-3 นัดเหย้า



เช็กความพร้อม-สภาพทีม


ทีมเลเวอร์คูเซ่น

  • ในส่วนของโอเมอร์ ท็อปรัค ติดโทษแบน 
  • ส่วนทางด้าน ทิน เยดไว ยังต้องรอลุ้นฟิต 
  • ส่วน คิริอากอส ปาปาโดปูลอส กับ เอเมียร์ สปาฮิช คงยืนเซ็นเตอร์คู่กัน 
  • ด้าน จูลิโอ โดนาติ นั้นต้องลุ้นว่าจะเบียดลงยืนแบ็กขวาได้หรือไม่ 
  • สำหรับสเตฟาน ไรนาร์ทซ์ พร้อมเป็นตัวเลือกในแดนกลางแล้ว 
  • แต่ว่า ลาร์ส เบนเดอร์ อาจยังไม่ฟิตพอ 
  • และโยซิป เดอร์มิช คงจะยืนศูนย์หน้า

รายชื่อนักเตะโดนแบน: โทเมอร์ ท็อปรัค


ทีมแอต.มาดริด

  • สำหรับโกเก้ ยังไม่หายเจ็บกลับมาเสริมแดนกลาง 
  • ส่วนอาร์ด้า ตูราน อาจชวดบู๊ด้วย ถ้าฟิตไม่ทันจากการบาดเจ็บระหว่างซ้อม 
  • แต่ว่า ติอาโก้ น่าจะพร้อมเป็นตัวเลือกได้ หลังกลับมาลงเล่นในสองนัดหลังสุดแล้ว 
  • ทางด้านของเฟร์นานโด ตอร์เรส คงต้องรอโอกาสในฐานะตัวสำรองไปก่อน 
  • เพราะว่า อองตวน กรีซม็อง กับ มาริโอ มันด์ซูคิช คงจะยืนคู่กันในแนวรุก



มาวิเคราะห์รูปเกม

โดยรวมแล้วทั้งสองทีมฟอร์มแกว่งไปเยอะ ทีมเลวอร์ฯ คงต้องเปิดเกมบุกเพื่อชิงความได้เปรียบไว้ก่อนกับการเล่นในบ้าน เพราะไปเยือน ทีมแอต มาดริดนัดหน้าคงเป็นงานที่หนักขึ้นอีกเยอะ เกมนี้ห้างขายยาต้องเน้นต่อบอลเข้าทำให้แน่นอน เพราะตราหมีดูฉาบฉวยและวูบวาบกว่า แต่ด้วยวินัยของเจ้าถิ่น เกมนี้มีลุ้นแน่และคงไม่พลาดท่าง่ายๆ


รายชื่อผู้เล่น 11 คนแรกที่คาด

ทีมเลเวอร์คูเซ่น 4 - 2 - 3 - 1:

  • 1.แบรนด์ เลโน
  • 27.กอนซาโล่ คาสโตร 
  • 14.คิริอากอส ปาปาโดปูลอส 
  • 5.เอเมียร์ สปาฮิช 
  • 18.เวนเดลล์
  • 6.ไซม่อน โรลเฟส 
  • 3.สเตฟาน ไรนาร์ทซ์
  • 38.คาริม เบลลาราบี้ 
  • 10.ฮาคาน คัลฮาโนกลู 
  • 7.ซอนเฮืองมิน
  • 9.โยซิป เดอร์มิช
โค้ชทีม: โรเจอร์ ชมิดท์


ทีมแอต.มาดริด 4 - 4 - 2:

  • 1.มิเกล โมย่า
  • 20.ฆวนฟราน 
  • 23.มิรันด้า 
  • 2.ดิเอโก้ โกดิน 
  • 3.กีเลอร์เม่ ซีเกร่า
  • 8.ราอูล การ์เซีย 
  • 14.กาบี้ 
  • 5.ติอาโก้ 
  • 17.ซอล นีเกซ
  • 7.อองตวน กรีซม็อง
  • 9.มาริโอ มันด์ซูคิช

โค้ชทีม: ดิเอโก้ ซิเมโอเน่


ผลฟุตบอลฮอตสกอร์: ทีมเลเวอร์คูเซ่น ชนะ 2-3 แอต มาดริด

สำหรับเกร็ดที่น่าสนใจ

  • ข้อแรก ทีมเลเวอร์คูเซ่นไม่ชนะเลยใน 3 นัดหลังสุด เสมอ 1 แพ้ 2 และชนะแค่ 2 จาก 10 เกมหลังเท่านั้น ชนะ 2 เสมอ 5 แพ้ 3
  • ข้อที่สอง ทีมแอตมาดริด เสมอแค่ครั้งเดียวจาก 13 นัดหลังสุด ชนะ 8 เสมอ 1 แพ้ 4 และไม่เสมอเลยใน 8 เกมหลัง
ที่มา: http://sport.sanook.com/134997/
วันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ข่าวฟุตบอล: รวมข่าวกีฬาในลีกต่างๆรวมทั้งการซื้อขายนักเตะรอบที่ 2

สมาคมเอฟเอตั้งข้อหา ฟาน กัล




หลังจากที่หลุยส์ ฟาน กัล เทรนเนอร์เลือดดัตช์วัย 63 ปี ผู้จัดการ ทีมผีแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถูกสมาคมฟุตบอลอังกฤษ หรือ เอฟเอ ตั้งข้อหา หลังจากที่ให้สัมภาษณ์ตำหนิกับการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินในเกมเอฟเอ คัพ รอบ 4 นัดแรก ที่บุกไปเสมอ ทีมเคมบริดจ์ ยูไนเต็ด 1 - 1

โดยหลังจากจบเกมเอฟเอ คัพ 2014 - 2015 รอบ 4 นัดแรก ที่ ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกไปเสมอ ทีมเคมบริดจ์ ยูไนเต็ด 1 - 1 และ หลุยส์ ฟาน กัล กุนซือผีแดงออกมาให้สัมภาษณ์แสดงความไม่พอใจหลายๆ อย่างในการแข่งขันที่ดูจะไม่เอื้ออำนวย อีกทั้งได้ตำหนิในการทำหน้าที่ของ คริส ฟอย ผู้ตัดสินในเกมดังกล่าว

และล่าสุด หลุยส์ ฟาน กัล ไม่รอด เมื่อเอฟเอนั้นได้ออกมาตั้งข้อหากับนายใหญ่ประจำถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด รายนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้มีเวลาให้ยื่นอุทธรณ์เพื่อต่อสู้ข้อกล่าวหาถึงวันจันทร์ที่ 9 กุมภาพันธ์นี้ ก่อน 18.00 นาฬิกา ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 01.00 นาฬิกา ของวันอังคารที่ 10 กุมภาพันธ์ ตามเวลาบ้านเรา


หนุ่มลีกดิวิชั่น 8 ซบทีมพาเลซหลังซัดแฮตทริค 6 นาที




โดยที่ เคชี่ แอนเดอร์สัน หัวหอกดาวรุ่งของสโมสร ทีมบาร์ตัน โรเวอร์ส ทีมจากเซาเทิร์น ลีก ดิวิชั่น วัน เซนทรัล หรือ ลีกอังกฤษ ดิวิชั่น 8 ชีวิตเหมือนฝันราวดั่งนิยาย หลังกลายมาเป็นนักเตะพรีเมียร์ลีก ตามฝันได้สำเร็จ โดยเจ้าตัวย้ายซบ ทีมคริสตัล พาเลซ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนตลาดซื้อ - ขายปิดลงเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หลังซัดแฮตทริคใส่ ทีมพาเลซ โดยใช้เวลาเพียง 6 นาที

และกองหน้าดาวรุ่งวัย 19 ปี ยังได้โชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมซัดไป 19 ประตู จาก 19 เกม ก่อนมาทดสอบฝีเท้ากับ เบรนท์ฟอร์ด ทีมในเดอะแชมเปี้ยนชิพ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และได้ลงเล่นเกมอุ่นเครื่อง ทีมคริสตัล พาเลซ โดยเจ้าตัวลงมาเป็นตัวสำรองในนาที 65 แต่ใช้เวลาห่างกันเพียงแค่ 6 นาที ก็สามารถถล่มแฮตทริคได้ ทำให้ อลัน พาร์ดิว รีบดึงมาร่วมทีมอย่างรวดเร็ว

โดยได้มีรายงานอีกว่า เคชี่ แอนเดอร์สัน รับทรัพย์จากการเซ็นสัญญา 30000 ปอนด์ จากเดิมรับค่าเหนื่อยกับ บาร์ตัน แค่ 200 ปอนด์ต่อเดือนเท่านั้น




ตัวเลนน่อน บอกปัด ทีมสโต๊คเลือกไป ทีมเอฟเวอร์ตัน แบบยืมตัว




หลังจากที่ ทีมทอฟฟี่สีน้ำเงิน เอฟเวอร์ตัน นั้นได้ประสบความสำเร็จในการคว้าตัว อาร่อน เลนน่อน ปีกวัย 27 ปีชาวอังกฤษของ ทีมไก่เดือยทอง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ มาเสริมทัพเป็นที่เรียบร้อย ก่อนตลาดรอบ 2 จะปิดตัวลง ในแบบสัญญายืมตัวจนกระทั่งจบฤดูกาลนี้ ปล่อยให้ ทีมสโต๊ค ซิตี้ ซดแห้วไปตามระเบียบ

ซึ่งอาร่อน เลนน่อน ปีกตัวจี๊ดของ ทีมไก่เดือยทอง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ปฎิเสธที่จะไม่ร่วม ทีมช่างปั้นหม้อ สโต๊ค ซิตี้ แต่เลือกซบตัก ทีมทอฟฟี่สีน้ำเงิน เอฟเวอร์ตัน แทน ทั้งนี้อยู่ภายใต้สัญญายืมตัวใช้งานจนจบฤดูกาล 2014 - 2015

และสาเหตุการย้ายทีมของ เลนน่อน เป็นที่ทราบกันดีว่าภายใต้การคุมทีมของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ กุนซือคนใหม่ของถิ่นไวท์ ฮาร์ท เลน เจ้าตัวไม่ค่อยได้รับโอกาสลงสนามมากเท่าไหร่ในซีซั่นนี้ ซึ่งได้ลงเล่นในลีกไปเพียง 9 นัดเท่านั้น และกลายเป็นตัวเลือกรองจาก 1.นาเซอร์ ชาดลี่ และ 2.อันดรอส ทาวน์เซนด์

โดยที่เลนน่อน วัย 27 ปีลงเล่นให้กับทัพ ทีมไก่เดือยทอง มาตั้งแต่ปี 2005 รวมแล้วถึงตอนนี้เป็นจำนวนทั้งสิ้น 267 นัด และทำไปได้ 26 ประตู

ซวยจริงๆ! ตากล้องตกงานหลังถ่าย เลนน่อน หน้าบูด




หลังจากที่ โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ ที่เป็นกุนซือ ทีมฟุตบอลเอฟเวอร์ตัน เกิดอาการเหวี่ยงช่างภาพสโมสรที่ถ่าย อารอน เลนน่อน ปีกความเร็วสูงคนใหม่ ออกมาหน้าตาบูดบึ้งตลอดการเปิดตัวมาร่วมทัพภายใต้สัญญายืมตัวจาก ทีมสเปอร์ส

โดยที่หลายต่อหลายรูปที่ปรากฎออกสื่อนั้น มาจากฝีมือของ ปีเตอร์ ไบร์น ที่เป็นคนถ่ายภาพ แต่ปรากฏว่าหน้าตาของ เลนน่อน แทบจะทุกภาพนั้น ดูจะไม่มีความสุขเอาเสียเลยที่ต้องย้ายมาร่วมทัพ ทีมทอฟฟี่สีน้ำเงิน





ซึ่งมาร์ติเนซ ได้กล่าวว่า จริงๆแล้ว เขาแฮปปี้มากๆเลยนะที่มาเล่นกับเรา ช่างภาพห่วยมากที่ทำให้ออกมาเป็นแบบนี้ เพราะมันเป็นหน้าที่ของเขา ที่จะต้องทำให้นายแบบยิ้มสวยๆ

และสภาพร่างกายเขาฟิตเปรี๊ยะ และพร้อมเป็นส่วนสำคัญของทีมของเราสำหรับเกมสุดสัปดาห์นี้ด้วย

เขาพูดว่า เราดีใจมากๆ และรู้ว่าตอนนี้มีหลายต่อหลายคน กำลังพูดถึงเรื่องภาพถ่ายเหล่านั้น ผมจะให้ทีมหาช่างภาพคนใหม่ เพราะผมก็หงุดหงิดเหมือนกัน




ทีมบาร์ซ่าเตรียมเปลี่ยนชื่อสนามเป็น กาตาร์ แอร์เวย์ส




ทีมบาร์เซโลน่า นั้นเตรียมเปลี่ยนชื่อสนาม คัมป์ นู หลังทีมต้องทำตามข้อตกลงของผู้สนับสนุนรายใหญ่อย่าง กาตาร์ แอร์เวย์ส สายการบินยักษ์ใหญ่

ซึ่งสนาม คัมป์ นู ชื่อนี้อาจไม่มีอีกต่อไป หลังมีรายงานว่า ทีมบาร์เซโลน่า ที่เป็นทีมยักษ์ใหญ่ลา ลีกา สเปน เตรียมเปลี่ยนชื่อสนามใหม่ ในขณะที่ทีมกำลังพยายามเจรจาทำสัญญาฉบับใหม่กับ กาตาร์ แอร์เวย์ส สายการบินยักษ์ใหญ่จากตะวันออกกลาง

ทีมบาร์เซโลน่า ยอดทีมแห่งศึก ลา ลีกา สเปนกำลังจะหมดสัญญากับสายการบินอาหรับ โดยจะทำให้ทีมได้เงินสนุบสนุนทีมมากถึง 25 ล้านปอนด์ต่อปีในปี 2016 ซึ่งขณะนี้ทีมกำลังพยายามโปรแกรมบอลขยายสัญญาใหม่อยู่

โดยที่ อัคบาร์ อัล เบเกอร์ ที่เป็น ซีอีโอของกาตาร์เผยว่ามีโอกาสที่จะใช้ชื่อของบริษัทเป็นชื่อสนามความจุ 99000 ที่นั่ง ในการเป็นชื่อใหม่ของรังเหย้าของ ทีมบาร์ซ่า

และก่อนหน้านี้ ทีมราชันชุดขาว เรอัล มาดริด คู่ปรับร่วมลีกก็มีแผนเปลี่ยนชื่อสนามตามสปอนเซอร์ของทีมเช่นกัน จาก สนามซานติอาโก้ เบร์นาเบว เป็น สนามดิ อาบู ดาบี เบร์นาเบว นั่นเอง

ที่มา: http://sport.sanook.com/football/

วันพุธที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2558

ข่าวฟุตบอล: เรื่องนี้ปล่อยให้ โค้ชซิโก้ ตัดสินใจเถอะ

เรื่องนี้ปล่อยให้ โค้ชซิโก้ ตัดสินใจเถอะ





ซึ่งในทันทีที่รายชื่อของ 20 ขุนพลแข้งฟุตบอลทีมช้างศึก ชุดทำศึกคิงส์คัพ ดินแดนเมืองย่าโม โคราช ในต้นเดือนหน้า ถูกตีข่าวออกไป

ก็ได้มีคำถามมากมายยิงตรงไปถึง โค้ชเกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ผู้เป็นหัวหน้าทีมงานสตาฟโค้ช

ว่าทำไม?  ไม่มีชื่อ คนโน้น คนนี้!

สำหรับ โค้ชซิโก้ ผู้ที่นำพาทีมชาติไทยวิ่งชนความสำเร็จมาตลอด 2 ปีเต็ม ๆ ที่รับงาน ไล่ตั้งแต่

  1. ซีเกมส์
  2. เอเชียนเกมส์ 
  3. เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 


ที่กำลังถูกจับตาจากแฟนบอลบางคน ผมย้ำนะครับ ว่าแค่บางคน!




โดยที่โค้ชซิโก้ ที่เป็นเฮดโค้ชใหญ่ทัพช้างศึก

สำหรับการหมางเมินผู้เล่นอย่าง

  1. ธีราธร บุญมาทัน
  2. มิก้า ชูนวลศรี
  3. ประทุม ชูทอง 


นั่นคือกระแส และ สิ่งที่แฟนโปรแกรมบอลกำลังตั้งคำถามถึงเฮดโค้ชใหญ่ว่า 3 คนนี้ ไม่มีชื่อในทีมชาติไทยชุดนี้

และสำหรับเจ้า อุ้ม ธีราธร คือประเด็นที่กำลังถูกถกเถียงว่า ฟอร์มแจ่มแจ๋วมาตลอดปี และฝีเท้าระดับนี้ เขาไม่ดีพอสำหรับทีมชาติหรืออย่างไร?

ในมุมมองของผม ผมบอกเลย ชั่วโมงนี้ เมื่อวัดกันที่ฝีเท้าล้วนๆ ยังไงแล้ว แบ็กซ้ายจอมเทคนิกจากค่ายบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด รายนี้ น่าจะเป็นเบอร์ 1 ของทีมชาติไทย

แต่ว่าลึกๆแล้ว ผมมองว่า การที่ โค้ชซิโก้ นั้นไม่เรียก ธีราธร คืนสู่ทีมชาติน่าจะมาจากเหตุผลที่ว่า ในทีมเวลานี้ สำหรับ เจ้าบาส พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา แบ็กซ้ายดาวรุ่งจาก ทีมมังกรไฟ เทโรศาสน ที่โชว์ฟอร์มได้ดีอยู่แล้ว ที่สำคัญ การเข้าขารู้ใจภายในทีม มีมากกว่าเจ้าอุ้ม




ธีราทร - ประทุม 2 กองหลังฟอร์มเยี่ยมในลีก แต่ไร้ชื่อในทีมชุดนี้


เพียงแต่กระแสวิเคราะห์ผลบอล ที่กดดัน และ วิจารณ์ไปทั่วโลกโซเชี่ยล ต่างก็มองว่า ที่ โค้ชซิโก้ นั้นไม่เรียกตัว เจ้าอุ้ม อาจจะเป็นเพราะช่วงเอเชียนเกมส์ เมื่อปลายปีที่แล้ว ต้นสังกัดอย่าง ทีมบุรีรัมย์ฯ นั้นไม่ยอมปล่อยตัว เจ้าอุ้ม และ ตัวของประทุม นั้นไปร่วมทีม เลยทำให้เวลานี้เขาทั้งคู่ไม่มีชื่อในคิงส์คัพหนนี้

โดยที่เรื่องนี้ผมเชื่อนะครับว่า อาจจะมีมูล แต่ลึกๆแล้ว ผมอยากให้แฟนบอลมองในมุมของผู้ที่ขึ้นชื่อว่า หัวหน้าโค้ช ดูบ้าง

ซึ่งจำได้หรือไม่ว่า ก่อนที่ โค้ชซิโก้ และ เหล่านักเตะดาวรุ่งชุดนี้ จะเดินทางไปทำภารกิจทวงบัลลังก์แชมป์ซูซูกิคัพ พวกเขาก็โดนดูถูก ว่าจะได้แชมป์ด้วยผู้เล่นอายุน้อยแบบนี้นะหรือ?

แล้วมันจะเป็นไงล่ะ?




โดยที่ความสำเร็จล่าสุดของ แชมป์อาเซียน

สำหรับเด็กชุดนี้ ได้สยบทุกเสียงวิจารณ์ โดยได้ถีบตัวเองไปสู่ตำแหน่งแชมป์ได้อย่างสวยสดงดงาม พร้อมกับโชว์ให้คนทั้งอาเซียนเห็นว่า การเป็นผู้ชนะทั้งในและนอกสนาม เขาทำกันอย่างไร!

และเรื่องที่สำคัญไปกว่านั้น ผลบอลทีมชุดนี้ได้เรียกสิ่งที่ขาดหายไปในวงการฟุตบอลไทยนั่นคือ ศรัทธา ด้วยฟอร์มที่ตราตรึงใจตลอดทั้งทัวร์นาเม้นท์

ดังนั้นที่ร่ายมายาวขนาดนี้ ผมเพียงแต่อยากจะบอกว่า ในเมื่อเรามี ศรัทธาในฟุตบอลทีมชาติของเรา

เรา ศรัทธาในตัวโค้ชของเรา  แล้วเราจะไม่ ศรัทธาต่อการตัดสินใจของผู้วางหมากของเราเช่นนั้นหรือ?

เรื่องโดย : บ.ส้มซิ่ง

วันอาทิตย์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2558

ฟุตบอล: เมื่อเจอร์ราร์ด กับการตัดสินใจ ที่เปลี่ยนชีวิต

เมื่อเจอร์ราร์ด กับการตัดสินใจ ที่เปลี่ยนชีวิต




วิเคราะห์บอลคงพูดไม่ผิดนักหากจะบอกว่า ภาพของสตีเฟ่น เจอร์ราร์ด ในชุดเสื้อสีอื่นที่นอกเหนือจากสีแดงเพลิงของทีมลิเวอร์พูล นั้นเป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือจินตนาการของเหล่า Kopites ทั้งปวง

ซึ่งหมู่มวลค็อปชนนั้นไม่เคยคิดมาก่อนแม้สักเวลานาทีว่ากัปตันทีมยอดดวงใจของพวกเขานั้นจะจากสโมสรแห่งนี้ไปอยู่กับทีมใดอีก โดยเฉพาะในช่วงบั้นปลายชีวิตเช่นนี้

แต่ว่าสิ่งที่ทุกคน เชื่อ นั้นคือเจอร์ราร์ด จะอยู่กับ ทีมลิเวอร์พูล สโมสรเดียวตลอดไปจนเลิกเล่นฟุตบอล มีสถานะเป็น One-man-club เป็นตัวอย่างของนักฟุตบอลผู้ยิ่งใหญ่ที่รับใช้สโมสรไปจวบจนลมหายใจสุดท้ายในเกมลูกหนัง

แต่ว่าน่าเสียดายและน่าเสียใจที่สิ่งเหล่านั้นคงไม่มีวันเกิดขึ้น เมื่อสตีเฟ่น เจอร์ราร์ด เตรียมประกาศการตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุดในชีวิต

ที่ว่าเขาคงต้องไปจาก ถิ่นแอนฟิลด์แล้วหลังจบฤดูกาลนี้

ซึ่งความจริงแล้วเจอร์ราร์ด เคยมีโอกาสที่จะไปจาก ทีมฟุตบอลลิเวอร์พูล มาก่อนครับ และเป็นโอกาสที่ใกล้เคียงมากด้วยอย่างน้อยถึง 2 ครั้งด้วยกัน




ในครั้งแรกในช่วงหลังจบฤดูกาล 2003 - 2004
และ.oอีกครั้ง  ซึ่งใกล้เคียงยิ่งกว่าในช่วงหลังจบฤดูกาล 2004 - 2005 โดยทั้งสองครั้งเป็น ทีมเชลซี ที่พยายามจะเจรจาเพื่อดึงตัวเขาไปร่วมทีมให้ได้ และครั้งหลังนั้นเจอร์ราร์ด ตอบตกลงด้วยวาจาไปแล้ว

แต่ว่าในคืนสุดท้ายหลังทบทวนตัวเองอย่างดี เสียงของหัวใจบอกกับเขาว่า แม้การไปอยู่ ทีมเชลซีจะทำให้เขามีโอกาสประสบความสำเร็จมากมาย แต่จะไม่มีเสื้อสีไหนนอกจากสีแดงของลิเวอร์พูล สนามใดนอกเหนือจากแอนฟิลด์ และแฟนบอลกลุ่มไหนนอกเหนือจากเหล่า ทีมเดอะ ค็อป ที่เขาต้องการรับใช้

ตัวของเจอร์ราร์ด จึงไม่ได้เป็นเพียงกัปตันทีมผู้ยิ่งใหญ่

แต่ว่าเขายังเป็นผู้รับใช้สโมสรที่จงรักภักดีมากที่สุดคนหนึ่งด้วย





รวมทั้งโอกาสของความสำเร็จ และเงินตราไม่ใช่สาระสำคัญในชีวิต เพราะสิ่งสำคัญที่สุดที่เขาต้องการทำให้ได้คือการนำ ทีมลิเวอร์พูล กลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง ซึ่งการจะทำให้ได้เช่นนั้น นั่นหมายถึงการ เสียสละ ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต

แต่ว่าในขณะที่ซูเปอร์สตาร์อย่าง เฟร์นานโด ตอร์เรส และหลุยส์ ซัวเรซ เลือกที่จะทิ้งสโมสรอย่างทีมลิเวอร์พูลไปเพราะรู้ถึง ศักยภาพ ของยักษ์หลับในอดีตว่าเป็นเรื่องยากที่จะกลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง

ดังนั้นเจอร์ราร์ด ในช่วงเวลาที่ดีที่สุด ที่กล้าปฏิเสธสโมสรอย่าง ทีมบาเยิร์น มิวนิค และ ทีมเรอัล มาดริด เพื่ออยู่ที่แอนฟิลด์ต่อไป

ก็ไม่มีใครรู้ครับว่าน้ำหนักของ ความรับผิดชอบ ที่เจอร์ราร์ด แบกรับแทนทุกคนตลอดระยะเวลา 11 ปีของการเป็นกัปตันทีมนั้นหนักหนาแค่ไหน

ซึ่งมีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้และรับไว้ด้วยความเต็มใจ โดยมิได้ปริปากใดๆไฮไลท์พรีเมียร์ลีก

ถึงแม้จะไม่สามารถบรรลุภารกิจในการนำพาสโมสรกลับคืนสู่จุดสูงสุดได้ โดยเฉพาะกับการคว้าแชมป์ลีกสูงสุด ซึ่งทำได้ดีที่สุดเพียงแค่การเป็นรองแชมป์ 3 ครั้งในฤดูกาล
2001 - 2002
2008 - 2009
2013 - 2014

ซึ่งก็ได้จบลงอย่างโศกนาฏกรรม เมื่อเจอร์ราร์ด เป็นคน ลื่นล้ม และปล่อยให้โอกาสครั้งเดียวในชีวิตของเขาหลุดมือไป

แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเหล่าเดอะ ค็อป นั้นมี ความทรงจำ ที่งดงามร่วมกันมากมาย

นับจากวันแรกที่ลงสนามในฐานะตัวสำรอง สู่ประตูแรกที่สวยงามในเกมกับเชฟฟิลด์ เวย์นสเดย์ ก้าวสู่การเป็นกองกลางตัวหลักของทีม และการเป็นกัปตันทีม

ซึ่งจาก ปาฏิหารย์ที่อิสตันบูล กับโทรฟี่ยูโรเปี้ยน คัพ ในปี 2005 สู่ ปาฏิหารย์แห่งคาร์ดิฟฟ์ กับโทรฟี่เอฟเอ คัพ ในปี 2006



ดังนั้นเจอร์ราร์ด เป็นทั้งแรงบันดาลใจ และศูนย์รวมใจของ ทีมลิเวอร์พูลตลอดมา

แต่ว่า เมื่อวันเวลาเดินทางมาถึงวันที่แข้งขานั้นไม่แข็งแรงเหมือนก่อน พละกำลังไม่มีเหมือนเก่า นักฟุตบอลผู้ทระนงในการเล่นอันสง่างามของตัวเองอย่างเจอร์ราร์ด ยังไม่อาจตัดใจยอมรับสภาพของตัวเองได้

ซึ่งรายได้และระยะเวลาในสัญญา 12 เดือนที่ ทีมลิเวอร์พูล เพิ่งจะมอบให้ในเดือนพฤศจิกายน

- ซึ่งนี่จะเป็นหนึ่งในสิ่งที่เป็นคำถามว่าเหตุใดบอร์ดบริหารพรีเมียร์ลีกจึงดำเนินการล่าช้าขนาดนี้

- และไม่สำคัญเท่ากับความรู้สึกว่าเขา นักฟุตบอลผู้เคยเป็นเบอร์หนึ่งตลอดกาล จะต้องตกอยู่ในฐานะตัวสำรองที่ต้องเฝ้ารอโอกาสตัวเองอย่างอดทน หรือหากลงตัวจริงก็ถูกตราหน้าว่าเป็น ตัวถ่วง ซึ่งเป็นสิ่งที่เจ็บปวดมากในความรู้สึก

ถ้าหากอยู่อย่างนี้ สู้จากไปเสียดีกว่า ไปค้นหาความท้าทายใหม่ในบั้นปลายของชีวิตการเล่น ไปในที่ที่เขายังสามารถเป็นเบอร์หนึ่งได้อีกครั้ง

ซึ่งก็ไม่มีหนทางใดดีไปกว่านี้อีกแล้ว

ดังนั้นนี่จึงเป็นการตัดสินใจ เพื่อตัวเอง ครั้งแรกและครั้งเดียวของเจอร์ราร์ด เป็นการ ตัดสินใจแห่งชีวิต ที่เดอะ ค็อปทุกคนควรต้องยอมรับและปล่อยให้เขาได้ทำอะไรเพื่อตัวเองบ้าง เช่นกันกับเพื่อให้สโมสรได้ก้าวเดินต่อไปข้างหน้าไม่ต้องเสียเวลากังวลกับไม้ใกล้ฝั่งเช่นเขาอีก

และการตัดสินใจครั้งนี้ยังทำให้ทุกคนได้ ตระหนัก ถึงความยิ่งใหญ่ของนักฟุตบอลคนนี้อีกครั้ง เพราะบางทีการมองจากเบื้องหน้านั้นเราอาจไม่เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของเจอร์ราร์ด ได้เท่ากับการมองจากเบื้องหลังในวันที่เขาต้องไป

ถึงแม้ว่าเจอร์ราร์ด จะไม่ได้ลงนามในสัญญาฉบับสุดท้ายที่สโมสรมอบให้ และแม้จะต้องร่ำลาจากกันไปก่อนในวันนี้

แต่ด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำเพื่อตารางบอลสโมสรตลอดระยะเวลา 16 ปีในการเป็นนักเตะ กับอีก 25 ปีที่ใช้ชีวิตในรั้วแอนฟิลด์ และ 34 ปีที่มอบทั้งกายและใจให้แก่ลิเวอร์พูล สโมสรรักแรกและรักเดียว

หากต่อให้จะไม่ได้สถานะ One-man-club เหมือนเจมี่ คาร์ราเกอร์ - แล้วเจอร์ราร์ด นั้นยังคงเป็นตำนานหมายเลขหนึ่งในดวงใจของเดอะค็อปชนเสมอ ในฐานะ มิสเตอร์ ทีมลิเวอร์พูล ที่ไม่มีใครสามารถทดแทนได้ตลอดกาล

ซึ่งสิ่งสุดท้ายที่เจอร์ราร์ด จะมอบให้แก่เดอะ ค็อป คือ สัญญาใจ ที่จะบอกกล่าวกับทุกคนว่าอย่าได้เศร้าเสียใจนาน

เพราะว่าการจากลาครั้งนี้เป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น

ซึ่งเมื่อถึงเวลา เขาจะกลับมา และจะไม่มีวันจากไปไหนอีก !!

วันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2557

วิเคราะห์บอล สเตอร์ลิ่ง VS ซานเชซ ก่อนเกมเดือด ที่แอนฟิลด์

วิเคราะห์บอล สเตอร์ลิ่ง VS ซานเชซ ก่อนเกมเดือด ที่แอนฟิลด์




ซึ่งหลังจากที่ อเล็กซิส ซานเชซ ได้โชว์ฟอร์มอย่างโดดเด่นกับ ทีมฟุตบอลอาร์เซนอลในฤดูกาลนี้ จนที่ว่ากันว่าเขามีบทบาทและอิทธิพลสำคัญต่อ ทีมปืนใหญ่ เหมือนกับที่ หลุยส์ ซัวเรซ เคยทำไว้ตอนย้ายมาเล่นให้ทีมลิเวอร์พูล

และ ล่าสุด เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือ ทีมหงส์แดง ก็ออกมาชื่นชม ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ซึ่งทำ 2 ประตู ในเกมลีกคัพรอบ 8 ทีมสุดท้ายนัดที่บุกชนะบอร์นมัธ 3-1 ว่าดาวรุ่งรายนี้มีผลงานที่โดดเด่นไม่น้อยไปกว่าซานเชซเลย

สำหรับบทบาทของเขาในทีมไม่ต่างจากบทบาทที่ อเล็กซิส ซานเชซ มีต่อ ทีมอาร์เซนอล ร็อดเจอร์ส บอก

ซึ่งเขาไม่ใช่ศูนย์หน้าอาชีพ แต่ความเร็วของเขาในการสปีดหนีกองหลังหรือสอดทะลุแนวรับเข้าไปนั้นสร้างปัญหาได้ตลอด และคุณได้เห็นแล้วจากนัดนี้ว่าเขาสามารถรับบอล พลิกบอล และพาบอลจี้เข้าหากองหลังได้ยังไงบ้าง เขาสุดยอดมาก

และหนังสือพิมพ์ เดอะเทเลกราฟ จึงได้นำเอาสถิติใน ศึกพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ของทั้ง สเตอร์ลิ่ง และ ซานเชซ มาเปรียบเทียบและวิเคราะห์บอลจุดหลักๆ ให้ดูกัน ก่อนที่ทั้งคู่จะได้วัดฝีเท้ากันจริงๆ ในเกมบิ๊กแมตช์วันอาทิตย์นี้

1.การทำประตู

ถึงแม้จะทำได้ 2 ประตู ในเกมลีกคัพนัดล่าสุด แต่สเตอร์ลิ่งก็ทำประตูในพรีเมียร์ลีกไม่ได้เลยนับตั้งแต่เดือนกันยายน และเพิ่งยิงไปแค่ 3 ลูก เท่านั้น ในฤดูกาลนี้

ส่วนทางด้านซานเชซเป็นดาวซัลโวสูงสุดอันดับ 3 ของโปรแกรมพรีเมียร์ลีกในตอนนี้ จากการทำ 9 ประตู ในการลงเล่น 15 นัด และยิงรวมกัน 15 นัด ในทุกรายการของฤดูกาลนี้

และถ้าหากดูกันที่โอกาสในการทำประตูแล้ว ซานเชซเฉือนสเตอร์ลิ่งไปเล็กน้อยที่ 28 ต่อ 24 และมีความแม่นยำในการยิงเข้ากรอบมากกว่าที่ 71% ต่อ 63% ส่วนลูกที่ยิงไปติดบล็อก กองหน้าของอาร์เซนอลก็มีสถิติสูงกว่าที่ 15 ต่อ 12

2.การสร้างสรรค์เกม

สำหรับซานเชซนั้นทำแอสซิสต์ให้เพื่อนร่วมทีมยิงได้มากกว่าสเตอร์ลิ่ง 1 ครั้ง ที่ 5 ต่อ 4 แต่ถ้าดูจริงๆ แล้วก็ไม่น่าแปลกใจอะไร เพราะ ทีมลิเวอร์พูลทำประตูได้น้อยกว่าอาร์เซนอลถึง 9 ลูก ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้

แต่ว่าถ้าดูที่การจ่ายบอลแล้วสเตอร์ลิ่งทำได้ดีกว่าเมื่อเทียบเป็นอัตราส่วน โดยเขาจ่ายบอลสำเร็จถึง 80% จากจำนวน 524 ครั้ง ขณะที่ซานเชซทำได้ 77% ของการจ่าย 666 ครั้ง

และสำหรับการลากเลื้อยบอลหลบคู่ต่อสู้ ดาวรุ่งของหงส์แดงก็เฉือนไปอย่างเฉียดฉิวที่ 49% ต่อ 48%

ในขณะที่เปอร์เซ็นต์การเปิดบอลเข้ากลางไปถึงเพื่อนร่วมทีมได้ สเตอร์ลิ่งก็ทำได้ดีกว่ามาก แม้จะเปิดแค่ 38 ต่อ 83 ครั้ง ของซานเชซ แต่สำเร็จถึง 21% ต่อ 17%

3.เกมรับ

ตัวของสเตอร์ลิ่ง นั้นลงมาช่วยป้องกันการบุกของคู่ต่อสู้ได้ดีกว่า โดยแย่งบอลสำเร็จถึง 86% เมื่อเทียบกับ 72% ของซานเชซ แม้ว่าจะเข้าแท็กเกิ้ลน้อยกว่าที่ 21 ต่อ 29 ครั้ง ก็ตาม

แต่ว่า ซานเชซ ตัดบอลจากการจ่ายบอลคู่ต่อสู้ได้ดีกว่าที่ 16 ต่อ 12 ครั้ง แต่สเตอร์ลิ่งก็ช่วยเคลียร์บอลทิ้งได้มากกว่าที่ 8 ต่อ 1

มันจะมีจริงเหรอ แสงสว่างปลายอุโมงค์ของหงส์แดง?




ก็อยากจะทราบเหมือนกันว่า หลังจบเกมบุกชนะ ทีมบอร์นสมัธ จ่าฝูง เดอะ แชมเปี้ยนชิพ สวยหรู 3-1 พร้อมตีตั๋วเข้ารอบตัดเชือก ลีก คัพ ได้แล้ว

สำหรับทิศทาง ที่ควรวิจารณ์ผลงานของหงส์แดงควรเป็นอย่างไร?

ซึ่งตัวผมเองก็ หลีกเลี่ยง ตลอดในเรื่องการวิเคราะห์ตารางบอลแบบสาดเสียเทเสีย เฉพาะอย่างยิ่งใน กรณีลิเวอร์พูล เพราะพื้นฐานทีมนั้นดีอยู่แล้ว

และการจะมาเป็นทีมแย่ๆ เพียงชั่ว ข้ามคืน หรือไม่กี่เดือนจากวันเวลา อันดับ 2 ในลีกซีซั่นที่ผ่านมา

มันเป็นไปไม่ได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อันดับ 11 ในลีก มันไม่ได้ สะท้อน ความเป็นจริง หรือตามภาษาอังกฤษ ก็คือ under perform หรือเล่นต่ำกว่ามาตรฐานที่ควรจะเป็น




เพราะฉะนั้น ทีมลิเวอร์พูล ก็รอแค่ เวลา หรือ ชนวน อะไรสักอย่างที่จะมาปลดล็อกการทำประตู

และจากที่เห็น แวบๆ ในเกม ศึกแดงเดือด เหล่าขุนพล ทีมลิเวอร์พูล นั้นได้ฉายแววบางสิ่งบางอย่าง ออกมา

ไม่ว่าจะทั้ง รูปแบบ การเล่น Fault No9 ที่มี ราฮีม สเตอร์ลิ่ง เป็นตัวหลักสนับสนุนโดย อดัม ลัลลาน่า และ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่

และใช้กองกลาง 4 ตัวมีดังนี้
  1. สตีวี่ เจอร์ราร์ด เป็นหลักตรงกลาง 
  2. จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ทางด้านขวา 


ซึ่งในนัดที่แพ้ ทีมแมนฯ ยูฯ 0-3 ได้ใช้ โจ อัลเลน ยืนกลาง และมี อัลแบร์โต้ โมเรโน่ ยืนฝั่งซ้าย

แต่ทว่าเกมนี้กับยอดทีมชายฝั่งทะเลอังกฤษ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ใช้ ลูคัส ยืนกลาง และลาซาร์ มาร์โควิช ยืนริมเส้นฝั่งซ้าย




และนักเตะที่ถูก กล่าวขวัญ อย่างมาก คือ มาร์โควิช ดาวเตะเซิร์บจากเบนฟิก้าที่โชว์เล็กๆ ในเกมบาเซิลก่อนที่จะโดน ใบแดง และนัดที่ผ่านมากับ ทีมปิศาจแดง

เขาได้แจ้งเกิดเต็มตัวในแมตช์นี้

ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว คือ ระบบกองหลัง 3 ตัว:


  1. เดยัน ลอฟเรน
  2. มาร์ติน สเคอร์เทล 
  3. โคโล ตูเร่ 


ที่รายหลังได้เล่นเพราะ เกล็น จอห์นสัน เจ็บยาว 1 เดือน

แต่ทว่าดูเหมือนจะเป็นผลดี เพราะซีซั่นนี้ ตูเร่เล่นดีทุกนัดที่ได้โอกาสลงสนาม ต่างจาก จีเจ ที่ไม่ค่อยประทับใจจ๊อด

โดยท้ายสุด ๆ จริงๆ คือ การปรับใช้ แบรด โจนส์ ยืนนายทวารแทน ซิมง มิโญเล่ต์

ซึ่งนายทวารชาวออสซี่ นั้นดีกว่า มิโญเล่ต์แน่นอนในเรื่องการ ใช้เท้า ที่สำคัญมากๆ สำหรับ ปรัชญา การเล่นของ ร็อดเจอร์ส และ ทีมลิเวอร์พูล

แต่ว่าอย่างน้อย โจนส์ ซึ่งถนัดซ้าย สามารถใช้เท้าได้ดีทั้ง 2 เท้า และดู นิ่ง แม้จะดูเหมือนจะมีจุดด้อยเรื่องการสื่อสารที่ผมมองว่า เงียบไป




โดยรวมๆ ความแล้ว ระบบ 3-4-3 อาจจะ แค่ อาจจะ นะครับ เป็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ของลิเวอร์พูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งชายชื่อ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ในฤดูกาลนี้

ถ้าพูดถึง ระบบการเล่น หรือ ฟอร์เมชั่น แล้วก็นึกถึงซีซั่นที่แล้ว เพราะกว่า ทีมหงส์แดงจะ เข้าที่ ก็พอสมควรเหมือนกันกับสูตรมิดฟิลด์ ไดมอนด์

เพราะก่อนหน้านี้ หลัง “ซาบซึ้ง” กับชีวิตที่ปราศจาก หลุยส์ ซัวเรซ ตามด้วย แดเนียล สเตอร์ริดจ์

และรู้ว่า มาริโอ บาโลเตลลี่ คือคนที่ ไม่ใช่สำหรับทีม

ซึ่งกุนซือไอร์แลนด์เหนือ พยายามจะปรับสูตรการเล่นครั้งใหญ่มา 1 หนแล้ว ด้วยการปรับ เจอร์ราร์ด มาเล่น หน้าต่ำ

แต่ว่าความพยายามดังกล่าวไม่เป็นผล อาจเป็นเพราะ สตีวี่ จี เลยวัยทะลุทะลวงไปแล้ว แม้ภาพรวมจะถือว่า กัปตันทีมหงส์แดงทำได้ไม่ขี้เหร่ก็ตาม

เพราะก่อนสุดท้าย ร็อดเจอร์ส จะ เดิมพัน และ เสี่ยงที่สุด ในชีวิตกุนซือด้วยการเลือกเกม ศึกแดงเดือด อันเป็นเกมพรีเมียร์ลีกนัดที่ 16 ในฤดูกาล

นั้นเป็นแมตช์ เปิดตัว ระบบการเล่นใหม่ 3-4-3 ที่มี สเตอร์ลิ่ง เป็น ตัวหลัก ในเกมรุก

และตามด้วยเกมนี้ และนัดต่อไปที่มีคิวเปิดบ้าน แอนฟิลด์ รับการมาเยือนของ ทีมอาร์เซนอล ในศึก ซูเปอร์ซันเดย์ นี้

ซึ่งถึงเวลานี้ จุดอ่อนหลักๆ ทั้ง 1.มิโญเล่ต์ และ 2.เกล็น จอห์นสัน รวมถึง 3.บาโลเตลลี่ ได้ถูกคัด ออกจากทีม 11 คนแรกไปแล้ว

เช่นกัน ฟอร์เมชั่น 3-4-3 ได้ถูกพัฒนามาในทิศทางที่น่าสนใจมากๆ จาก 2 นัดล่าสุดที่ถูกนำมาใช้ในเกมสำคัญ และ “ไม่ง่าย”

เพราะฉะนั้น ถ้าหากสุดสัปดาห์นี้ ทีมอาร์เซนอล ได้ตกเป็น เหยื่อ คาแอนฟิลด์ ผมว่า ช่วงโปรแกรมโหด ๆ ตอนคริสต์มาส และนิวเยียร์ แฟนหงส์มีสิทธิกลับมามี “รอยยิ้ม” อีกครั้งครับ

วันพุธที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2557

สื่อมาเลย์ จวก โค้ชซิโก้ หยิ่งหรือขี้ขลาด!

สื่อมาเลย์ จวก โค้ชซิโก้ หยิ่งหรือขี้ขลาด!




หลังจากที่ได้ กลายเป็นประเด็นขึ้นมาทันที ที่ โค้ชซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง นั้นไม่ได้ออกมาแถลงข่าวก่อนเกม ทำให้สื่อฟุตบอลมาเลย์ได้พาดหัวข่าวตัวโตว่า หยิ่งหรือขี้ขลาด

ทั้งนี้การแถลงข่าววิเคราะห์บอลก่อนเกมรอบชิงชนะเลิศ ศึกซูซูกิคัพ 2014 ระหว่าง ทีมชาติไทย พบ ทีมชาติมาเลเซีย เมื่อวานที่ผ่านมา โค้ชเกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ที่เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ได้ส่ง โชคทวี พรหมรัตน์ ผู้ช่วยผู้ฝึกสอน และ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ นายทวารกัปตันทีม มาร่วมกันแถลงข่าว

โดยที่ผู้สื่อข่าวมาเลเซีย นั้นพยายามที่จะถามจี้ ถึงเรื่องการไม่ออกมาแถลงข่าวด้วยตัวเองของ โค้ชซิโก้ ซึ่งทาง โชคทวี พรหมรัตน์ นั้นได้ตอบเพียงสั้นๆ ว่าเราเป็นทีมเดียวกัน ทุกคนมีหน้าที่ช่วยงานหัวหน้าโค้ช

เขาได้กล่าวว่า พวกเราทำงานกันเป็นทีม โค้ชเองมีหน้าที่คุมทีม ส่วนทางด้าน สต๊าฟฟ์เองก็มีหน้าที่ช่วยงานโค้ช และรับคำสั่งมาปฏิบัติตาม อดีตปราการหลังทีมชาติไทยกล่าว

และจากประเด็นนี้ทำให้ สื่อของมาเลเซีย หลายสำนัก นำไปตีข่าว และ พาดหัวข่าวว่า กุนซือทีมชาติไทยว่า Graeme arrogance or cowardice? หรือแปลว่า หยิ่ง หรือ ขี้ขลาดกันแน่? ที่ไม่ยอมออกมาแถลงข่าวในครั้งนี้

ซึ่งในโปรแกรมบอลเกมนัดชิงชนะเลิศ นัดแรก ของ ศึกฟุตบอลไทย เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2014 จะมีขึ้นในเย็นวันนี้ เวลา 19.00 นาฬิกา ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ถ่ายทอดสดทางช่อง 7 สี

วันศุกร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ฟุตบอลไทย: จะหมดไวไปไหน ถ้าเป็นแบบนี้นอนเชียร์อยู่บ้านดีกว่าไหม?

บัตรเข้าชมฟุตบอลเกมซูซูกิคัพ ไทย vs มาเลย์ ถูกจำหน่ายเกลี้ยง!




หลังจากที่ได้เปิดจำหน่าย ตั๋วนัดชิงชนะเลิศฟุตบอล เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2014 คู่ระหว่าง ไทย กับ มาเลเซีย ก็ถูกจำหน่ายหมดเกลี้ยง ภายในเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง

โดยเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 12 ธันวาคม ที่บูธ ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ ทุกสาขา ก็ได้มีแฟนบอลมาเข้าแถวซื้อบัตรเข้าชมเกมนัดสำคัญนี้ หลายร้อยคนแต่ทันทีที่เปิดจำหน่ายไม่นาน บัตร ก็ถูกจำหน่ายหมดลงในเวลาอย่างรวดเร็ว

ซึ่งในขณะที่เว็บไทยทิคเก็ตเมเจอร์ ที่เปิดให้จองในเวลา 10.00 นาฬิกา และได้จำกัด 1 คน ซื้อได้มากสุดที่ 6 ใบ เท่านั้น ก็ถูกจับจองจนหมดเกลี้ยง ภายในเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง

และทั้งนี้เกมรอบชิงชนะเลิศ นัดแรก ทีมชาติไทย กับ มาเลเซีย จะมีขึ้นในวันที่ 17 ธันวาคม ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ในเวลา 19.00 นาฬิกา ช่อง 7 สีถ่ายทอดสด


ทีมเรือใบสีฟ้า เผยโฉมศูนย์ฝึกแห่งใหม่มูลค่า 200 ล้านปอนด์




หลังจากที่ทัพ ทีมเรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ทุ่มเงินกว่า 200 ล้านปอนด์ เพื่อสร้างสนามซ้อมแห่งใหม่ขึ้น ล่าสุดได้มีการเผยโฉมออกมาให้ได้ชมกันแล้ว

ซึ่งพวกเรากำลังสร้างโครงสร้างสำหรับอนาคตไม่เพียงแค่ทีมที่เต็มไปด้วยนักเตะไฮไลท์พรีเมียร์ลีกออลสตาร์ ชีค มานซู เจ้าของ ทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เคยกล่าวไว้เมื่อตอนเข้ามาเทคโอเวอร์เมื่อปี 2008 และก็ได้นำเอาคำพูดดังกล่าวไปติดไว้บริเวณทางเข้าสนามซ้อมแห่งใหม่นี้ด้วย

โดยที่ ปาโบล ซาบาเลต้า กล่าวถึงสนามซ้อมแห่งใหม่ของทีมว่า ผมไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย เรามาทีนี่พร้อมๆ กับทีมชาติอาร์เจนติน่า ตอนที่จะเตะกับทีมชาติโปรตุเกส นักเตะทุกคนทึ่งกับความสมบูรณ์แบบของที่นี่นมาก แม้กระทั้ง ลิโอเนล เมสซี่















เกริกฤทธิ์ บอกเป็นช่วงที่ดีที่สุดอาชีพนักเตะ พร้อมนำแชมป์มาฝากคนไทยทุกคน




โดยหลังจากที่ เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ ซึ่งเป็นฮีโร่ผู้พัง 2 ประตู พา ช้างศึก เปิดบ้าน เอาชนะ ทีมชาติฟิลิปปินส์ 3 - 0 ใน ศึกฟุตบอล เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014 รอบรองชนะเลิศนัดที่ 2 วันที่ 10 ธันวาคม

ได้เปิดเผยว่า ผมขอมอบชัยชนะให้กับแฟนบอลไทยทุกคน ชี้เป็นช่วงที่ดีที่สุดในอาชีพการค้าแข้ง ลั่นขอทุ่มเต็มที่ในเกมที่เหลือ เพื่อกระชากแชมป์กลับเมืองไทย

ซึ่งเขายังได้กล่าว ความรู้สึกของผมและเพื่อนร่วมทีม มันตื่นเต้นและดีใจมาก ที่สามารถทำให้แฟนบอลชาวไทย ที่เข้ามาชมเกมเกือบเต็มความจุของราชมังคลากีฬาสถาน กลับบ้านไปพร้อมรอยยิ้มและความสุข

และยังรวมถึงแฟนๆ ที่รอเชียร์อยู่ทั่วประเทศไทย ยอมรับตามตรงว่าเกมนี้เป็นเกมแรกในชีวิตของผมที่ได้ลงเล่นต่อหน้าแฟนบอลเต็มสนาม ผมคิดว่านี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในอาชีพการค้าแข้งของผม ก็ต้องขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้โอกาสผม ไม่ว่าจะเป็น พี่โก้ เกียรติศักดิ์ และทุกๆ คน ในทีมที่ช่วยกันเล่น

ทั้งนี้ ปีก ทีมชลบุรี เอฟซี ยังได้กล่าวว่า งานของพวกเรายังไม่จบเพราะยังมีการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศรออยู่ แต่ไม่ว่าเราจะเจอกับทีมไหนเวียดนามหรือมาเลเซีย พวกเราจะทำเต็มที่ เพื่อนำถ้วยแชมป์กลับมาฝากคนไทยทุกคนให้ได้

ซึ่งสำหรับ ทีมชาติไทย ได้เข้ารอบชิงชนะเลิศไปรอพบกับผู้ชนะระหว่างเวียดนามกับมาเลเซียโดยไทยจะเล่นในบ้านก่อนวันที่ 17 ธันวาคมนี้ และยกทีมไปเยือนวันที่ 20 ธันวาคม

ทีมบุรีรัมย์ กระอัก หลังจับติ้วชปล ร่วมสายแชมป์เจลีก 

ทีมชลบุรี-บีจี สตาร์ทเพลย์ออฟ




ทางด้านสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือ เอเอฟซี ได้ทำการจับสลากแบ่งสาย ฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ออกมาเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม

โดยที่ ทีมปราสาทสายฟ้า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก ปีล่าสุด เจองานหนักอีกครั้ง เมื่อถูกจับอยู่ในกลุ่มเอฟ ร่วมสายกับ กัมบะ โอซาก้า แชมป์เจลีกจากญี่ปุ่น ตามด้วย ซองนัม เอฟซี แชมป์เอฟเอคัพ จากเกาหลีใต้ ส่วนอีกทีม เป็นทีมจากรอบเพลย์ออฟ

ซึ่งสำหรับโปรแกรมบอลนัดแรกของ ทีมบุรีรัมย์ จะเริ่มแข่ง

  1. วันที่ 24 เดือน กุมภาพันธ์ 58 พบกับ ทีมซองนัม เอฟซี นัดเหย้า 
  2. วันที่   3 เดือน มีนาคม 58 พบกับ ทีมจากเพลย์ออฟ นัดเยือน
  3. วันที่ 18 เดือน มีนาคม 58 พบกับ ทีมกัมบะ โอซาก้า นัดเยือน
  4. วันที่   7 เดือน เมษายน 58 พบกับ ทีมกัมบะ โอซาก้า นัดเหย้า
  5. วันที่ 22 เดือน เมษายน 58 พบกับ ทีมซองนัม เอฟซี นัดเยือน 
  6. วันที่   6 เดือน พฤษภาคม 58 พบกับ ทีมเพลย์ออฟ นัดเหย้า


ซึ่งทางด้าน ทีมฉลามชล ชลบุรี เอฟซี รองแชมป์ไทยลีก จะต้องเล่นในรอบเพลย์ออฟ รอบ 2 ก่อน โดยชลบุรีจะเล่นในบ้านพบกับ คิทฉี แชมป์ลีกจากฮ่องกง

และถ้าชนะก็จะเข้าไปเล่นเพลย์ออฟรอบ 3 ด้วยการออกไปเยือนทีมอันดับ 3 เจลีกจากญี่ปุ่น คาชิมา อันท์เลอร์ส หรือ คาชิวา เรย์โซล ทีมอันดับ 4 ของลีก ในกรณีที่ ทีมกัมบะ โอซากา คว้าแชมป์บอลถ้วยได้ และถ้าชนะอีก ก็จะเข้าไปอยู่ในรอบแบ่งกลุ่มในสายอี กับ

  • ชานตง ลูเหนิง ประเทศจีน
  • ชุนบุค ฮุนได มอเตอร์ ประเทศเกาหลีใต้ 
  • บิน เดือง ประเทศเวียดนาม


ในขณะที่โปรแกรมบอล ทีมบีจี บางกอกกล๊าซ เอฟซี แชมป์เอฟเอคัพ 2014 ทีได้โควต้ามาเล่นถ้วยเอเชียสมัยแรก จะออกสตาร์ทในรายการนี้ในรอบเพลย์ออฟ รอบ 2 เช่นกัน

โดยที่ในนัดแรก จะได้เล่นในบ้าน รอพบกับ
ผู้ชนะจากคู่ระหว่าง ทีมยะโฮร์ ดารุล ทาซิม แชมป์ลีกมาเลเซีย และ ทีมเบงกาลูรู ศึกแชมป์ลีก อินเดีย

ถ้าชนะในเพลย์ออฟรอบ 3 จะออกไปเยือน ทีมปักกิง กั๋วอัน รองแชมป์ลีกจากจีน
ถ้าชนะอีก ก็จะเข้าไปอยู่ในสายจี ร่วมกับ ทีมซูวอน บลูวิง ประเทศเกาหลีใต้, ทีมบริสเบน รอว์ ประเทศออสเตรเลีย และ ทีมอุราวะ เร้ด ไดมอนส์