วันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

สต็อมบูลี่ยิงให้ไก่ดับปาร์ติซาน1-0ลิ่วยูโรปา +คลิป

สต็อมบูลี่ยิงให้ไก่ดับปาร์ติซาน1-0ลิ่วยูโรปา +คลิป




ทีมไก่เดือยทอง เก็บ 3 คะแนนได้ตามเป้า หลังได้ เบนฌาแม็ง สต็อมบูลี่ ยิงประตูชัยให้ทีมเฉือนเอาชนะ ปาร์ติซาน ไปได้ 1-0 ทำทีมทะลุรอบน็อกเอาท์ ในศึกยูโรปา ลีก เมื่อ 27 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา


ศึกฟุตบอล ยูโรปา ลีก รอบแบ่งกลุ่ม นัดที่ห้า กลุ่ม C แข่งขันคืนวันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน 2557 เป็นการพบกันระหว่าง ทีมไก่เดือยทอง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ทีมชื่อดังแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

ทำให้รั้งอันดับที่ 2 มี 8 คะแนน หลังจากที่เปิดสนามไวท์ ฮาร์ท เลน รับการมาเยือนของ ทีมเอฟเค ปาร์ติซาน สโมสรจากลีก เซอร์เบีย ทีมบ๊วย ที่มีเพียงแค่ 1 คะแนน


จังหหวะเริ่มเกม ได้เพียงแค่ 61 วินาที ทีมสเปอร์ส ได้โอกาสบุกทักทายทันที เอริค ลาเมล่า จ่ายบอลให้กับ โซลดาโด้ แต่งบอลซัดด้วยขวาบริเวณหัวกะโหลก บอลหลุดเสาไปนิดเดียว


ในนาทีที่ 18 ปาร์ติซาน ที่รูปเกมเป็นรอง มีโอกาสได้ลุ้นบ้าง บรังโก้ อิลิ เปิดบอลจากฝั่งขวาเข้าเขตโทษให้ ดานโก้ ลาโซวิช พักอกหนึ่งจังหวะ ก่อนได้ยิงด้วยขวา บอลหลุดกรอบออกไป

นาทีที่ 24 ปาร์ติซาน เริ่มทำเกมตอบโต้ได้มากขึ้น มีโอกาสลุ้นอีกครั้ง เมื่อ นิโกล่า นินโควิช ตัดบอลได้ในแดนกลาง ก่อนลากมายิงด้วยซ้ายหน้าเขตโทษ แต่ไม่ผ่านมือ อูโก้ โยริส

นาทีที่ 38 กลับมาเป็นโอกาสลุ้นของ ทีมสเปอร์ส จากจังหวะที่ อารอน เลนน่อน ขึ้นเกมทางฝั่งซ้าย ก่อนจ่ายย้อนกลับมาให้ เบนฌาแม็ง สต็อมบูลี่ วิ่งมากดด้วยขวาเต็มข้อ บอลพุ่งไปตรงตัว มิลาน ลูคาช นายประตู ปาร์ติซาน

ในนาทีที่ 41 เกมจำต้องหยุดชะงักลง เมื่อมีแฟนบอลวิ่งลงมาป่วนในสนามเป็นครั้งที่ 3 ในเกมนี้ ทำให้ เยฟเก้น อารานอฟสกี้ ผู้ตัดสินชาวยูเครน จำต้องเป่าหยุดเกม พร้อมทั้งเรียกบรรดานักเตะกลับเข้าห้องแต่งตัวทันที

ทำให้เกมต้องหยุดชะงักไปร่วม 10 นาที ก่อนกลับมาแข่งต่อได้ในช่วงท้ายครึ่งแรก แต่ยังไม่มีสกอร์เกิดขึ้น ทำให้ยังเสมอกันอยู่ 0-0

จนมาถึงนาทีที่ 49 สเปอร์ส มาได้ประตูขึ้นนำผลฟุตบอล 1-0 สต็อมบูลี่ จ่ายบอลทะลุช่องให้ โซลดาโด้ หลุดเข้าไปชิพผ่านผู้รักษาประตู บอลลอยไปชนเสากระเด้งออกมา สต็อมบูลี่ ตามซ้ำเข้าไปไม่เหลือ เป็นประตูแรกในสีเสื้อ ทีมไก่เดือยทอง ของมิดฟิลด์ฝรั่งเศส

นาทีที่ 54 แนวรับ ทีมสเปอร์ส ก่อความผิดพลาดให้เห็น ยาน แฟร์ทองเก้น สกัดบอลมาเข้าทาง ดานโก้ ลาโซวิช แต่งบอลซัดด้วยซ้ายตรงเส้น 18 หลา บอลพุ่งหลุดกรอบ

ต่อมานาทีที่ 55 ทีมสเปอร์ส พลาดโอกาสได้ประตูที่สองอย่างน่าเสียดาย อารอน เลนน่อน ตักบอลข้ามแนวรับ ปาร์ติซาน ให้กับ โซลดาโด้ ดูดบอลลงอย่างนิ่มนวล ได้ยิงจ่อๆ ไปติดเซฟ มิลาน ลูคาช

นาทีที่ 73 ทีมสเปอร์ส มาได้ฟรีคิกในระยะหวังผล ร่วมๆ 30 หลา แฮร์รี่ เคน ที่เพิ่งถูกส่งลงสนาม รับอาสาปั่นด้วยขวา บอลโค้งเกือบเสียบมุม มิลาน ลูคาช พุ่งปัดทิ้งออกหลัง

ในนาทีที่ 83 ทีมสเปอร์ส สามารถส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายได้สำเร็จ อารอน เลนน่อน จ่ายบอลทะลุช่องให้ แฮร์รี่ เคน หลุดเข้าไปยิงเสียบมุม แต่โดนจับล้ำหน้าไปก่อน

นาทีที่ 88 ท้ายเกม ทีมสเปอร์ส พลาดได้ประตูที่สองอย่างน่าเสียดาย สต็อมบูลี่ ได้บอลหลุดเดี่ยว ก่อนจ่ายออกขวาให้ ลาเมล่า ล้มตัวยิง บอลถากเสาไกล

ทำให้จบเกมเวลา 90 นาที ทีมสเปอร์ส เปิดโปรแกรมบอลเฉือนเอาชนะ ปาร์ติซาน ไปด้วยสกอร์ 2-0 เก็บ 3 แต้มมีเพิ่มเป็น 11 คะแนน ผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอาท์ ยูโรปา ลีก ขณะที่ ปาร์ติซาน มีเพียงแค่คะแนนเดียว ตกรอบ


มาดูรายชื่อผู้เล่น ทีมท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ :

  1. อูโก้ โยริส 
  2. ไคล์ นอห์ตัน
  3. วลาด ชิริเชส
  4. ยาน แฟร์ทองเก้น
  5. เบน เดวิส 
  6. เบนฌาแม็ง สต็อมบูลี่
  7. มุสซ่า เด็มเบเล่ (นาบิล เบนทาเล็บ น.56) 
  8. อารอน เลนน่อน
  9. เปาลินโญ่
  10. เอริค ลาเมล่า 
  11. โรแบร์โต้ โซลดาโด้ (แฮร์รี่ เคน น.66)


รายชื่อสำรองไม่ได้ใช้ :

  1. มิเชล ฟอร์ม 
  2. เอริค ดายเออร์
  3. โดมินิค บอลล์
  4. คริสเตียน เอริคเซ่น
  5. แฮร์รี่ วิงส์



มาดูรายชื่อผู้เล่น ทีมปาร์ติซาน :

  1. มิลาน ลูคาช 
  2. บรังโก้ อิลิช
  3. ลาซาร์ เชียร์โควิช
  4. โวยิสลาฟ สแตนโควิช
  5. วลาดิเมียร์ โวลคอฟ  
  6. นิโกล่า นินโควิช (อันดริย่า ซิฟโควิช น.62)
  7. ซาซ่า มาร์โควิช
  8. ซาซ่า อิลิช (เนนาด มารินโควิช น.74) 
  9. ดานโก้ ลาโซวิช
  10. เปตาร์ สคูเลติช (เนมานย่า โคยิช น.78)
  11. เปตาร์ เกอร์บิช


รายชื่อสำรองไม่ได้ใช้ :

  1. ซิฟโก้ ซิฟโควิช
  2. เนมานย่า เปโตรวิช
  3. เปแดร็ก ลูก้า
  4. อิสมาเอล ฟอฟาน่า




กรรมการผู้ตัดสิน : เยฟเก้น อารานอฟสกี้ (ยูเครน)


ติดตามชม ไฮไลท์ฟุตบอล ข่าวฟุตบอล ข่าวแมนยู ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีกล่าสุด ได้ที่นี่

วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ศึกฟุตบอล เอเอฟเอฟ ซูซุกิ คัพ 2014 เป็นยังไงกันบ้างไปดูกันเลย!!!

รายงานสด ศึกฟุตบอล เอเอฟเอฟ ซูซุกิ คัพ 2014




ชมรายงานสด ศึกฟุตบอล เอเอฟเอฟ ซูซุกิ คัพ 2014


  • แข่งรอบแรก กลุ่ม B นัดที่ 2
  • ทีมชาติไทย vs ทีมชาติมาเลเซีย
  • วันที่แข่ง วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน 2557
  • แข่งที่สนาม : จาลัน เบซาร์
  • ช่องที่ถ่ายทอดสด : 1.ช่อง 7 สี, 2.ทรูวิชั่นส์ ช่อง Foxsport2



สำหรับศึกฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน เอเอฟเอฟ ซูซุกิ คัพ 2014 รอบแรกกลุ่ม B นัดที่ 2 ของทีมช้างศึก ทีมชาติไทย ลงสนามพบ ทีมเสือเหลือง มาเลเซีย ที่สนามจาลัน เบซาร์ วันนี้

หากทีมชาติฟุตบอลไทยเก็บชัยชนะในเกมนี้ได้ ก็จะลอยลำเข้ารอบเป็นทีมแรกของกลุ่มนี้ในทันที




มาดูรายชื่อผู้เล่น 11 คนแรกของทีมชาติไทย

เล่นในระบบ 4-3-3

  1. กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์  ตำแหน่ง ผู้รักษาประตู
  2. นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม   ตำแหน่ง กองหลัง
  3. ธนบูรณ์ เกษารัตน์           ตำแหน่ง กองหลัง
  4.  อดิศร พรหมรักษ์            ตำแหน่ง กองหลัง
  5. ชยพัทธ์ กิจพงษ์ศรีธาดา ตำแหน่ง กองหลัง
  6. ชาริล ชัปปุยส์                  ตำแหน่ง กองกลาง
  7. สารัช อยู่เย็น                    ตำแหน่ง กองกลาง
  8. ชนาธิป สรงกระสินธ์         ตำแหน่ง กองกลาง
  9. เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์       ตำแหน่ง กองหน้า
  10. ศราวุฒิ มาสุข                   ตำแหน่ง กองหน้า
  11. กีรติ เขียวสมบัติ               ตำแหน่ง กองหน้า


นี่คือสถิติการพบกัน ในฟุตบอลชิงแชมป์ อาเซียน คัพ

โดยการพบกันทั้งหมด 10 ครั้ง

  1. ไทย ชนะ 5 ครั้ง 
  2. มาเลเซีย ชนะ 2 ครั้ง 
  3. เสมอ 3 ครั้ง



  1. ทีมชาติไทย เสมอ ทีมชาติมาเลเซีย 1-1 รอบแรก ปี 1996
  2. ทีมชาติไทย ชนะ ทีมชาติมาเลเซีย 1-0 รอบชิงฯ ปี 1996
  3. ทีมชาติไทย ชนะ ทีมชาติมาเลเซีย 2-0 รอบรองฯ ปี 2000
  4. ทีมชาติมาเลเซีย ชนะ ทีมชาติไทย ผลบอล 3-1 รอบแรก ปี 2002
  5. ทีมชาติมาเลเซีย ชนะ ทีมชาติไทย 2-1 รอบแรก ปี 2004
  6. ทีมชาติไทย ชนะ ทีมชาติมาเลเซีย 1-0 รอบแรก ปี 2007
  7. ทีมชาติไทย ชนะ ทีมชาติมาเลเซีย 3-0 รอบแรก ปี 2008
  8. ทีมชาติไทย เสมอ ทีมชาติมาเลเซีย 0-0 รอบแรก ปี 2010
  9. นัดแรก ทีมชาติมาเลเซีย เสมอ ทีมชาติไทย 1-1 รอบรองฯ ปี 2012
  10. นัดสอง ทีมชาติไทย        ชนะ ทีมชาติมาเลเซีย 2-0  รอบรองฯ ปี 2012


วงซีล ส่ง MV เพลงเหยียบดาว ปลุกใจทีมชาติไทย




วงดนตรี ซีล นั้นเป็นวงร็อคชื่อดังของไทย ได้ส่งเพลง เหยียบดาว ที่มีเรื่องราวการฝึกซ้อมของทีมฟุตบอลทีมชาติไทยเป็นตัวเอกของเรื่องราว ให้แฟนบอลทั่วประเทศ และนักกีฬาได้ชมก่อนทีมลงแข่งศึกซูซูกิคัพ วันนี้กับมาเลเซีย

หลังจากที่ ซีล วงร็อคชื่อดังของเมืองไทย สังกัดค่าย WE Records ได้นำเพลง เหยียบดาว มาทำใหม่ในสไตล์ของตนเอง และได้นำเรื่องราวของทีมฟุตบอลทีมชาติไทย มาเป็นตัวเอกของมิวสิควิดีโอ ในเพลง และได้เผยแพร่มิวสิควิดีโอดังกล่าวเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา




มาดูมิวสิควิดีโอเพลง เหยียบดาว



วงซีล

ซึ่งเพลงนี้ถือว่าออกมาได้ถูกช่วงเวลา เมื่อ ทัพช้างศึก ทีมฟุตบอลชายทีมชาติไทย นั้นต้องลงสนามทำการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน ที่ประเทศสิงคโปร์ หลังจากที่ห่างหายจากแชมป์ไปถึง 12 ปี

โดยได้ส่งเพลง และเนื้อหาจากมิวสิคที่มีความหมายนัยหนึ่งสื่อถึง การมุ่งไปข้างหน้า ผนวกกับความตั้งใจของนักฟุตบอลทีมชาติชุดนี้ ที่มุ่งมั่นเดินตามความฝัน โดยมีความหวังของคนไทยทั้งประเทศเป็นเส้นชัย เป็นกำลังใจ

และทีมฟุตบอลทีมชาติไทย นั้นจะพกความมั่นใจ และแรงใจจากแฟนฟุตบอล ลงสนามพบกับ ทีมชาติมาเลเซีย ในวันนี้ 26 พฤศจิกายน เวลา 16.00 นาฬิกา


Comment แฟนบอลเสือเหลืองก่อนฟัดทีมช้างศึก





กระแส ศึกเอเอฟเอฟ ซูซุกิ คัพ 2014 ฟีเวอร์ หลังจากโปรแกรมบอลเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ขุนพลช้างศึก ของเราประเดิมสนามนัดแรก ด้วยการชนะเจ้าภาพ ประเทศสิงคโปร์ ไปได้ 2-1 แบบสะใจแฟนบอล

เราลองมาดูความเห็นของเหล่าแฟนบอลทีมชาติมาเลเซีย ก่อนพบทีมชาติไทยว่าจะเป็นยังไง

ซึ่งหลังจากที่นัดแรกที่ผ่านมา ทีมเสือเหลือง นั้นทำได้เพียงเสมอ ทีมเมียนมาร์ 0-0 ทำให้สถานการณ์ค่อนข้างบีบคั้น ต้องเอาชนะไทยเราให้ได้ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้ารอบต่อไป


comment แฟนบอลคู่แข่ง เขาคิดกันอย่างไร เชิญติดตามครับ

1.โพสโดย Mohamad Azizul

  • ทีมชาติไทยเป็นทีมที่ดี ทางเรามีนักเตะที่ไม่สมบูรณ์ เกมนี้เราจะเป็นรองเขาแน่นอน


2.โพสโดย Omar Casablancas

  • ก็ต้องฝากเด็กๆ แก้แค้นเมื่อ2ปีที่แล้วให้หน่อยนะ หวังว่าจะทำให้แฟนบอลประทับใจ


3.โพสโดย Syaban Zau

  • สำหรับเกมเมื่อวาน ไทยครองบอลได้เหนือกว่าเจ้าภาพ จบสกอร์น่ากลัวมากๆ ระวังเมสซี่เขาให้ดีๆ


4.โพสโดย Muhammad Shahrizal Abdullah II

  • นี่คือ ข้อบกพร่องของไทยชุดนี้อยู่ที่แผงหลังของเขา แผงหลังเขาช้า เราต้องใช้ความเร็ว และหน้าอย่าใช้โอกาสเปลือง


5.โพสโดย Arman Aam

  • ตัวโค้ชเขาใช้แท็กติกแพรวพราวมาก เราอย่าเดินตามเกมของเขา ไทยชุดนี้จุดเด่นอยู่ที่การครองบอล


6.โพสโดย Amirul Syafiq

  • ตัวกองกลางลูกครึ่งเขาวางบอลแม่นมาก ระวังให้ดี ถึงว่าหน้าเขาจะไม่มีความเร็ว แต่ตัวสอดแทรกคือ เมสซี่ของเขา


7.โพสโดย Mohd Shakir Chelsea

  • ถ้าฝั่งเราเล่นอย่างมีระบบ อดทน ผมว่าเราสู้ไทยได้นะ


8.โพสโดย Muhd Saufi Noor Ezan

  • เราต้องโยนบอลจากด้านข้าง นั่นคือจุดอ่อนของแผงหลังไทย


9.โพสโดย Jamhuri Nawi

  • ทีมไทยยังมีจุดบกพร่องอยู่ที่กองหลัง นั่นแหละ ที่เราจะต้องทำมันให้ได้ แต่หลังเราก็อย่ารั่วนะ


10.โพสโดย Muhammad Hasib

  • ต้องบอกตรงๆ ตูกลัวไทยหว่ะ แต่ตูว่านักเตะเราก็สู้เพื่อชาติไม่แพ้กัน


11.โพสโดย Amir Imran Musi

  • กลัวจะเละเทะนะสิ


12.โพสโดย Hanif Ifdzal

  • หวังว่านักเตะเราจะไม่เล่นโง่ๆ เหมือน2ปีที่แล้วนะ


13.โพสโดย Ammer Shah

  • ด้านประสิทธิภาพของไทยดีกว่า2ปีที่แล้วมาก ซึ่งผมหวังว่าเราจะเก็บแต้มจากพวกเขาได้นะ


14.โพสโดย Amir Muizzuddin

  • ขอให้นักเตะเราอย่าขี้ขลาดตาขาวพอ ทีมไทยนะเว้ยยย ไม่ใช่ทีมบาร์ซ่า จะกลัวกันทำไมวะ


15.โพสโดย Raja Faizal Adzim

  • ทีมเรามาเจอทีมไทยชั่วโมงนี้ ตูอยากจะเอาหน้ามุดดินว่ะ นัดแรกถ้าเราชนะ นัดนี้เราคงอุดยันเสมอก็ได้ล่ะ


16.โพสโดย Ahmad Robani

  • เป็นเพราะนัดแรกแท้ๆ ผู้ตัดสินแม่มมมม ตูมาเจอไทย ถ้าตูแพ้ ก็รอตกรอบซินะ


17.โพสโดย Azmir Aznan

  • ขอให้ผู้ตัดสินแฟร์ ก็พอ ห้ามพกใบแดง ห้ามเป่าจุดโทษ ขอแค่นี้แหละ


18.โพสโดย Ehh Alfakir

  • ผมล่ะกลัวนักเตะเราจะโดนใบแดง โดนใบแดงมันทุกนัด จะเตะหนักไปไหน


19.โพสโดย Amali Afiq

  • ถ้าทำอารมณ์ แท็คติก เล่นตามแผน ผมว่าเรามีสิทธิ์ชนะ


20.โพสโดย Muhammad Affendy

  • มั่นใจว่าโค้ชของเรา เราต้องเล่นตามเกม ขออย่างเดียว เตะอย่างมีสติ




วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

วิเคราะห์บอล:หลังจบศึกพรีเมียร์ลีกคู่บิ๊กแมตซ์ระหว่าง ปืน-ผี

ทีมอาร์เซน่อลพ่ายแพ้แมนยูคาบ้าน




หลังจากที่ทีมอาร์เซนอล ที่เป็นฝ่ายปล่อยให้โอกาสที่มีมากกว่า ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลุดลอยไปหมด และสุดท้ายจึงต้องกลายเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในเกมศึกพรีเมียร์ลีกคู่บิ๊กแมตช์เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา

และก็แน่นอนว่า เหตุผลส่วนหนึ่งต้องให้เครดิตกับความหนึบของ ดาวิด เด เคอา ที่ช่วยเซฟชีวิตให้ ทีมผีแดง หลายต่อหลายครั้ง แต่การที่ ทีมปืนใหญ่ ไม่คมพอจะจบสกอร์ได้เองนี่แหละ ทำให้ทีมพลาดโอกาสจะทำคะแนนขึ้นติดมาติดท็อปโฟร์

ซึ่งนอกจาก ทีมอาร์เซนอล จะทำพลาดทำแต้มหลุดมือไปจนหมดในเกมนี้แล้ว นักเตะที่พลาดโอกาสสำคัญไปในเกมนี้ก็คือ แดนนี่ เวลเบ๊ค

และโอกาสแรกก็คือการจะได้หักหน้า หลุยส์ ฟาน ฮัล กุนซือคนใหม่ของปิศาจแดง ซึ่งบอกว่าเขาดีพอจะเป็นเพียงแค่ตัวสำรองใน ถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด เท่านั้น และนั่นเป็นเหตุผลให้เวลเบ๊คตัดสินใจย้ายเข้าสู่ถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยมก่อนเส้นตายการปิดตลาดนักเตะในช่วงซัมเมอร์



โดยที่แฟนผีหลายคนบ่นเสียดายที่กองหน้าลูกหม้อรายนี้ต้องอำลาทีมไป หลังจากพัฒนาฝีเท้าขึ้นมาจนกลายเป็นสมาชิกประจำในทีมชุดใหญ่ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย แถมยังไปไกลถึงขั้นเป็นตัวจริงในทีมชาติอังกฤษอีกด้วย

และยิ่งฤดูกาลนี้ตัวของ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ที่เป็นอดีตเด็กปืน ชักจะเริ่มทำฟอร์มหล่นหาย เล่นไม่ได้ดั่งใจกองเชียร์ทีมผี ส่วนกัปตันทีมคนเก่งอย่าง เวย์น รูนี่ย์ ก็ขยันจนลืมบทบาท

ซึ่งชอบถอยไปเล่นต่ำเกินไปจนไม่ค่อยมีโอกาสยิง แถม ราดาเมล ฟัลเกา ที่ถูกยืมตัวมาด้วยค่าใช้จ่ายก้อนโต ก็มาแบบเดี้ยง ๆ ไม่เต็มร้อย




มิหนำซ้ำ ตัวของเวลเบ๊ค นั้นยังระเบิดฟอร์มได้อย่างโดดเด่นนับตั้งแต่เปลี่ยนสีเสื้อ เมื่อทำไป 5 ประตูในการลงเล่นให้ ทีมอาร์เซนอล 12 นัดในทุกรายการ และซัดไปอีก 5 เม็ดใน 4 เกมกับฟุตบอลทีมชาติ

และถ้าเกมที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยมนัดนี้ เขายิงได้ซักประตู เป็นประตูตีเสมอหรือประตูชัยให้ ทีมอาร์เซนอล ได้ ก็จะเป็นการแสดงให้ ทีมแมนฯ ยูไนเต็ด ได้เห็นว่าเขาดีเกินพอ แต่ เวลเบ๊ค ก็พลาดโอกาสนั้นไปอย่างน่าเสียดาย

และเมื่อนักเตะอย่าง โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ที่ได้ถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรองในช่วงท้ายเกม และทำประตูตีไข่แตกให้ปืนใหญ่ได้ในช่วงทดเจ็บ




ซึ่งมันก็ย่อมหมายความว่าเวลเบ๊คพลาดโอกาสที่จะตอกย้ำสถานภาพของเขา ในฐานะตัวเลือกหลักในตำแหน่งศูนย์หน้าไปด้วยก็ได้

ด้วยเหตุผลที่ว่าถ้า เวลเบ๊ค นั้นแสดงให้เห็นว่าเขาดีพอที่จะทำหน้าที่นี้ได้ แม้ว่า ชิรูด์ จะฟิตสมบูรณ์กลับมา ก็คงไม่ง่ายที่จะแย่งตำแหน่งกลับไปครองได้ แต่เมื่อผลงานของเขาและทีมไม่ดีพอ การเปลี่ยนแปลงก็ต้องเกิดขึ้นแน่

และเวลเบ๊ค ก็ต้องบอกก่อนเกมนี้ว่าเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขาตัดสินใจย้ายก็เพราะถูก ทีมแมนฯ ยูไนเต็ด จับไปเล่นริมเส้นเป็นส่วนใหญ่

โดยที่เป็นตำแหน่งที่เขารู้สึกว่าทำให้ตัวเองใช้ศักยภาพได้อย่างไม่เต็มที่




เพียงแต่ถึงตอนนี้เขาอาจจะต้องกลับไปอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นอีกครั้ง คือโอกาสจะได้ลงเล่นเป็นศูนย์หน้าคงจะน้อยลงเมื่อ ชิรูด์ กลับมา และทางเลือกที่เหลืออยู่การถูกจับไปยืนริมเส้นหรือไม่ก็นั่งอยู่ข้างสนาม

โค้ชฟานกัลยัน3-5-2นั้นพาทีมผีบุกชนะปืนได้




โค้ชหลุยส์ ฟาน กัล นั้นวิเคราะห์บอลสดุดีแท็คติกที่วางเอาไว้ด้วยระบบ 3-5-2 หลังจากที่เคยพังไม่เป็นท่ามาแล้ว รื้อกลับมาใช้แล้วเอาชนะ ทีมปืนใหญ่ 2-1 ถึงถิ่น เอมิเรสต์ สเตเดี้ยม

โดยหลังจากที่ หลุยส์ ฟาน กัล ซึ่งเป็นผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยักษ์ใหญ่แห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ สุดดีใจที่สามารถพาระบบ 3-5-2 ของตนบุกไปเอาชนะ ทีมอาร์เซน่อล ถึงถิ่น เอมิเรสต์ สเตเดี้ยม ได้ 2-1 เมื่อวันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พร้อมยกว่าเป็นชัยชนะที่สุดยอดทั้งๆ ที่มีตัวผู้เล่นบาดเจ็บมากเหลือเกิน

ซึ่งเกมนี้ ทัพ ทีมปีศาจแดง ได้หันกลับมาใช้แผนการเล่นระบบ 3-5-2 อีกครั้ง โดยได้ส่งทั้ง

  1. ไทเลอร์ แบล็คเก็ตต์
  2. คริส สมอลลิ่ง 
  3. แพดดี้ แม็คแนร์ 


ให้ลงสนามพร้อมกัน โดยมีวิงแบ็กขวาเป็น

  1. อันโตนิโอ วาเลนเซีย 


ซ้ายคือ

  1. ลุค ชอว์ และได้เปลี่ยนตัว แอชลี่ย์ ยัง ลงมาแทน 


ทั้งยังใช้แท็คติกตั้งรับและโต้กลับ ซึ่งส่งผลให้ทีมไม่เสียประตูจนมาได้ลูกยิงนำ 1-0 จาก เคียแรน กิ๊บบ์ส ทำเข้าประตูตัวเอง ในนาทีที่ 56 ก่อนจะมาได้ลูกสวนกลับของ เวย์น รูนี่ย์ ในช่วง 5 นาทีสุดท้าย นำเป็น 2-0 และเก็บ 3 แต้มไปในท้ายที่สุด

และกุนซือชาวดัชต์ ยังได้กล่าวว่า มันเป็นชัยชนะที่สวยงามมาก เรามีนักเตะเจ็บมากมาย แต่เราสามารถเอาชนะเกมที่ยากในการออกไปเยือนได้ในเวลาที่ดีมาก ทีมอาร์เซน่อล มีทีมบุกที่ดี และผมรู้ถึงความได้เปรียบตรงนั้น และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงใช้แผนสวนกลับ และใช้เซ็นเตอร์ 3 คน ซึ่งตอนนี้ผมสามารถหัวเราะเยาะได้แล้วกับการที่เกมออกมาแตกต่างจากที่พวกคุณคาดเอาไว้

เขายังได้กล่าวต่ออีกว่า นี่เป็นชัยชนะนอกบ้านเกมแรกของเรา และนักเตะทุกๆ คนดีใจกันมาก แต่มันเป็นเพียงแค่ชัยชนะนัดเดียว ซึ่งต่อจากนี้เราต้องทำให้แน่ใจว่าเราจะชนะในการเล่นที่บ้านอีก 2 นัดต่อจากนี้ เราถึงจะสามารถพูดได้ว่าเรามีสปิริต และเราสามารถมองขึ้นไปที่หัวตารางได้ นายใหญ่วัย 63 ปี ร่ายยาว

โดยที่ ทีมปีศาจแดง ได้เก็บชัยชนะเกมแรกในการเล่นเป็นทีมเยือนฤดูกาลนี้ และยังเป็นชัยชนะหนแรก ในการใช้ระบบ 3-5-2 อีกด้วย ซึ่งส่งผลให้พวกเขาขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 4 ของตารางเรียบร้อยแล้ว จากผลบอล ชนะ 5 เสมอ 4 แพ้ 3 มี 19 แต้ม ตามหลังอันดับ 3 อย่าง ทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ คู่ปรับร่วมเมืองอยู่ 5 คะแนนด้วยกัน

ผีแดงบุกเฉือนทีมปืน 2-1 สุดมันส์




ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ


  • แข่งวันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2557
  • ทีมอาร์เซน่อล 1-2 ทีมแมนฯ ยูไนเต็ด
  • แข่งที่สนาม : เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม
  • กรรมการผู้ตัดสิน : ไมค์ ดีน
  • ถ่ายทอดสด cth.sanook.com


ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในฤดูกาลปี 2014 - 2015 ประจำวันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2557 สำหรับคู่เอกเป็นเกมที่สนาม ถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ระหว่าง ทีมอาร์เซน่อล จะเปิดบ้านรับการมาเยือนของ ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

เริ่มเกมในครึ่งแรก

ในนาทีที่ 5 ฝั่งเจ้าถิ่น ทีมปืนใหญ่ ได้ทักทายก่อน จากโอกาสหลุดเข้าไปยิงของ แดนนี่ เวลเบ็ค แต่ แพ็ดดี้ แม็คแนร์ วิ่งตามมาบล็อคได้ทัน

นาทีที่ 13 ฝั่งเจ้าถิ่น นั้นเกือบได้ประตูนำ จากจังหวะที่ เด เคอา เปิดบอลไม่ดี ผู้เล่นอาร์เซน่อลเก็บบอลได้ ก่อนมาถึง แจ็ค วิลเชียร์ ที่หลุดเข้าเขตโทษ แต่ยิงไปติดเซฟ เด เคอา อย่างน่าเสียดาย

นาทีที่ 20 เวย์น รูนี่ย์ ได้โอกาสปั่นพรีคิกด้วยขวานอกกรอบ แต่บอลเหินข้ามคานออกไปเยอะ

ในนาทีที่ 33 ทัพ ทีมปืนใหญ่ ก็ได้บุกมากกว่า และได้ลุ้นจากจังหวะที่ อเล็กซิส ซานเชซ ลากบอลจากทางซ้ายตัดเข้ากลาง ก่อนซัดด้วยขวาบอลพุ่งเรียด แต่ยังไม่ผ่านมือ เด เคอา

โดยที่ในนาทีที่ 35 ทีมเยือน แมนฯ ยูไนเต็ด มีลุ้นใกล้เคียงที่สุด จาก ดิ มาเรีย ที่พาบอลจี้เข้าเขตโทษฝั่งขวา ก่อนซัดด้วยซ้ายบอลโค้งไม่พอ หลุดเสาไกลออกไป

นาทีที่ 38 ทีมแมนฯ ยูไนเต็ด นั้นมีลุ้นออกนำ อังเคล ดิ มาเรีย เลี้ยงเข้าหากรอบโทษ ก่อนแผงหลังเจ้าถิ่นจะสกัดบอลมาเข้าทางปืน เวย์น รูนี่ย์ ได้ซัดเหน่งๆ แต่ไปติด คาลั่ม แชมเบอร์ส ออกหลังไป

ในช่วงท้ายเกมที่เหลือ ทั้งสองทีมก็ไม่สามารถทำอะไรกันไม่ได้ จบครึ่งแรกยังเสมออยู่ผลบอล 0-0

เริ่มเกมมาในครึ่งหลัง

นาทีที่ 49 ทีมอาร์เซน่อล นั้นได้ลุ้นจากสกอร์จาก เวลเบ็ค ที่หลุดเข้ากรอบโทษฝั่งซ้าย แต่ยิงไปตรงตัว เด เคอา อย่างน่าเสียดาย

ซึ่งในนาทีที่  56 ฝั่งทีมเยือน แมนฯ ยูไนเต็ด มาได้ประตูแบบโชคช่วย จากจังหวะ วอยเชียค เชสนี่ ออกมาปัดบอลแต่ไปชนกับ คีแรน กิ๊บบ์ส ทำให้บอลมาถึง อันโตนิโอ วาเลนเซีย ตามซ้ำด้วยขวานอกกรอบ บอลไปแฉลบ กิ๊บบ์ส ที่พยายามลุกขึ้นมาสกัด ก่อนเปลี่ยนทางเข้าประตู ทำให้ ทีมแมนฯ ยูไนเต็ด บุกนำ ทีมอาร์เซน่อล 1-0

โดยหลังจากที่เสียประตู ฝั่งเจ้าถิ่น นั้นได้บุกหนักและได้ลุ้น จากลูกโดดโขกเต็มๆของ อเล็กซิส ซานเชซ ในนาทีที่ 63 แต่ เด เคอา ยังไวล้มตัวรับเข้าซอง

นาทีที่ 68 แดนนี่ เวลเบ็ค โหม่งชงย้อนหลังให้ กาซอร์ล่า วิ่งมากดด้วยขวา แต่ก็ไปตรงตัว เด เคอา รับไว้ได้

และในนาทีที่ 85 แฟน ทีมปีศาจแดง ก็ได้เฮกันลั่นสนาม เมื่อมาได้ประตูนำห่าง 2-0 จากเกมสวนกลับบอลมาถึง ดิ มาเรีย ก่อนไหลใส่พานให้ เวย์น รูนี่ย์ พาบอลเข้าไปชิฟข้ามตัว ดาเมียน มาร์ติเนซ เข้าประตูอย่างเหนือชั้น

เข้าสู่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ฝั่งทีมเยือน น่าจะได้ลูกที่สาม จากจังหวะโต้กลับ อังเคล ดิ มาเรีย พาบอลหลุดเดียวเข้าไปดวลตัวต่อตัวกับ ดาเมียน มาร์ติเนซ แต่เจ้าตัวชิฟบอลออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย

ในนาทีถัดมา ทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อล มาได้ประตูตีไข่แตก ไล่มาเป็น 1-2 จากลูกยิงด้วยซ้ายของ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ แม้ เด เคอา จะปัดได้ด้วยปลายมือก็ตาม

และอีกไม่นานผู้ตัดสินอย่าง ไมค์ ดีน ก็เป่าหมดเวลา ทำให้ ทีมแมนฯ ยูไนเต็ด บุกมาชนะ  ทีมอาร์เซน่อล 2-1 และเป็นโปรแกรมบอลชัยชนะนอกบ้านนัดแรกของ ทีมปีศาจแดง ในฤดูกาลนี้


มาดูรายชื่อ 11 ผู้เล่นแรกที่ลงสนามของทั้งสองทีม

ทีมอาร์เซน่อล 4-2-3-1 :

  1. วอยเชียค เชสนี่ 
  2. คาลั่ม แชมเบอร์ส
  3. แพร์ แมร์เตซัคเกอร์
  4. นาโช่ มอนเรอัล
  5. คีแรน กิ๊บบ์ส 
  6. อารอน แรมซี่ย์
  7. มิเคล อาร์เตต้า
  8. อเล็กซิส ซานเชซ
  9. แจ็ค วิลเชียร์
  10. อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน 
  11. แดนนี่ เวลเบ็ค


ทีมแมนฯ ยูไนเต็ด 3-4-2-1 :

  1. ดาบิด เด เคอา 
  2. คริส สมอลลิง
  3. แพ็ดดี้ แม็คแนร์
  4. ไทเลอร์ แบล็กเก็ตต์ 
  5. อันโตนิโอ วาเลนเซีย
  6. ไมเคิ่ล คาร์ริค
  7. มารูยาน เฟลไลนี่
  8. ลุค ชอว์
  9. อังเคล ดิ มาเรีย 
  10. โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ 
  11. เวย์น รูนี่ย์




วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ถ้าหากบอลไทยชุดเอเชียนเกมส์มันดีกว่า แล้วพี่จะฝืนไปใย?

ถ้าหากทีมชุดเอเชียนเกมส์มันดีกว่า แล้วพี่จะฝืนไปใย?




ซึ่งก่อนที่จะได้ยกพลไปแข่งในศึกชิงจ้าวอาเซี่ยน ที่แดนลอดช่อง โดยที่ กุนซือใหญ่ นั้นได้ย้ำมาเสมอนี่คือชุดใหญ่ทีมฟุตบอลชาติไทย และตนเพียงยึดทีมเอเชียนเกมส์เนื่องด้วยเวลาที่จำกัด

โดยที่ผลงานใน 3 นัด ของการอุ่นแข่ง
  1. ชนะ ฟิลิปปินส์ผลบอล 3-0
  2. ชนะ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซีผลบอล 1-0 
  3. ชนะ นิวซีแลนด์ผลบอล 2-0 

ซึ่งอาจดูสวยงามในรูปแบบของผลการแข่งขัน

สำหรับส่วนตัวผมแล้ว ความต่อเนื่องในรูปเกม และความเข้าใจในระบบ หรือจะพูดตรงๆ คือ ซึ่งการเข้าขารู้ใจ กันในทีม มันเทียบกันไม่ได้เลย กับทีมชุด อินชอนเกมส์




และจากหลังที่ผ่านผลงานนัดแรกบนภารกิจทวงเจ้าอาเซียนที่ว่ากันว่า ต่ำกว่าแชมป์คือล้มเหลว ถึงแม้ว่าจะหอบ 3 แต้มแรกได้ดั่งใจ

แต่นั่นก็มีหลายข้อที่คนเชียร์บอล และดูบอลไทยมาเกินกว่าครึ่งชีวิตอย่างผม อยากบอกพี่โก้เหลือเกิน!

โดยตัวของพี่โก้ของน้องๆ ในทีมชาติ นั้นย้ำนักย้ำหนา ว่านี่คือทีมชาติชุดใหญ่ของสยามประเทศ เราจะไม่ยกทีมเอเชียนเกมส์มาแบบยกเข่ง โดยจะใช้การผสมระหว่าง ความสดกับความเก๋า

ซึ่งหลังจากที่ผ่านเกมแรกมาได้ สิ่งที่ผมอยากบอกพี่โก้อันเป็นที่รักยิ่งคือ คิดใหม่!!!




และสกอร์ผลบอล 2-1 ที่เหนือเจ้าภาพ นั้นถือว่าสอบผ่านในแง่ของผลลัพท์ที่ต้องการและยกแรงกดดันออกจากอก

เพียงแต่ว่า หากมองในรูปเกม และหยิบมาชำแหละกันตั้งแต่

  1. แนวรับ
  2. กองกลาง
  3. แนวรุก 


ซึ่งก็คงจะต้องบอกว่ามีอะไรที่ทั้ง 22 นักเตะทีมชาติไทยชุดนี้นั้นทำได้ดีกว่าที่เห็นเมื่อวาน


สำหรับผู้รักษาประตูอย่าง เจ้าตอง หรือ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ที่ทำผลงานได้อย่างหายห่วง เพื่อนพ้องไว้ไจได้ ลูกโด่งรับกิน ลูกยากช่วยกองหลังได้มากโข แต่ลูกที่โดนทะลวงตาข่ายเมื่อวาน คงยากเกินกว่าจะเซฟได้จริงๆ

ส่วนวิเคราะห์บอลทางด้าน กองหลัง ก็ทำผลงานได้ดีในระดับที่น่าพอใจ แม้ยังมีข้อผิดพลาดอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะ เจ้าบิ๊ก ประวีณวัช บุญยงค์ แต่สุดท้ายก็รอดพ้นการเสียประตูที่ 2 มาได้

ในด้านของ กองกลาง ตัวผมนั้นขอยกให้เป็นจุดแข็งของทีมชาติไทยยุคใหม่อย่าง

  1. เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์
  2. สารัช อยู่เย็น
  3. ชาริล ชัปปุยส์ 


ซึ่งทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยมมาตั้งแต่เอเชียนเกมส์ และเกมเมื่อวานทั้งสามคน ก็ยังทำได้ตามมาตรฐานเดิม



ตัวของ เจ้าก้อง เกริกฤทธิ์ ที่เดินเกมด้านซ้ายร่วมกับ พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา ก็ทำผลงานได้สะเด่าจริงๆ

และในด้านของ สารัช อยู่เย็น ถึงแม้ว่าสรีระทางด้านร่างกายจะเล็กกว่าชาวบ้าน แต่เรื่องหัวจิตหัวใจไม่ต้องพูดถึง และที่สำคัญกว่านั้นเขาเป็นคนที่มีความขยันแบบสุดยอด แถมยังมีทีเด็ดกับการส่องไกลแบบสวยๆ

ในขณะที่ลูกครึ่งสุดหล่อขวัญใจแม่ยก อย่าง ชาริล ชัปปุยส์ ก็ผลงานแจ่มแจ๋ว พร้อมกับประเดิมประตูแรกในนามทีมชาติชุดใหญ่ จากจุดโทษที่เฉียบขาด และเป็นประตูชัยให้พลพรรคช้างศึก

ทางด้านของ ประกิต ดีพร้อม และ มงคล ทศไกร ผลการสอบ ก็ผ่านในระดับที่น่าพอใจกับการรับใช้ทีมชาติ แม้บางจังหวะจะดูเหมือนว่าไม่ค่อยเข้าใจกับน้องๆ ในทีมก็ตาม



มาพูดถึงกองหน้า ที่หลายคนตั้งข้อสงสัยว่า กีรติ เขียวสมบัติ มีดีกว่า อดิศักดิ์ ไกรษร จริงหรือไม่ครับ?

เรื่องมันก็จริงอยู่ครับที่ว่าตัวของ กีรติ นั้นอาจจะมีรูปร่างที่ใหญ่กว่า และเล่นลูกกลางอากาศได้ดี แต่จากผลงานเมื่อวานที่ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ชั่วโมงนี้ ผมยังมั่นใจว่ากองหน้าป้ายแดงของบีอีซี เทโรศาสน อย่าง อดิศักดิ์ ไกรษร น่าจะดีกว่า

และผลงานจาก ศึกเอเชียนเกมส์นั้นทำให้ ตัวของเจ้ากอล์ฟ ก็เล่นด้วยความมั่นใจ และนี่เองคือเหตุผลที่โค้ชใหญ่อย่าง ซิโก้ ต้องเลือกว่าควรใช้ใครดีกว่ากัน!!

ซึ่งถ้าหากจะมาพูดถึง รายชื่อตัวสำรอง สำหรับ จอมจี๊ดจ๊าด ชนาธิป สรงกระสินธุ์ ทันทีที่ถูกส่งลงสนาม เรียกว่าเจ้าเจ ลงมาป่วนแข้งเจ้าถิ่นโดยแท้ เพราะตลอด 20 นาทีที่ผ่านมา เมสซี่เจเมืองไทย ได้โชว์ลีลาเด็ดดวง และที่สำคัญ เรียกได้ว่าเข้าขากับเพื่อนร่วมทีมอย่างเนียนตาเหลือเกิน




สำหรับสิ่งที่ผมพูดมาทั้งหมดทั้งมวลนี้ ก็เพื่ออยากบอกไปถึงพี่โก้ พี่ชายและไอดอลในวัยเด็ก ได้รู้ว่า พี่โก้ต้องยอม คิดใหม่ นั่นคือหากเด็กมันดีกว่าแข้งที่มีอยู่ ก็อย่าฝืนเลยครับ!

โดยที่อย่าไปกลัวว่าใครจะพูดว่า ทีมชาติชุดใหญ่ ทำไมมีแต่ตัวนักเตะเอเชียนเกมส์กันหว่า ?

หากแต่ด้วยเหตุผลที่ว่ากันว่า อย่างน้อย นั้นก็มีผมคนนึงล่ะ ที่มองว่า นักเตะจากโปรแกรมบอลชุดเอเชียนเกมส์ชั่วโมงนี้ มันดีกว่าจริงๆครับ

เรื่องโดย บ.ส้มซิ่ง

วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ข่าวฟุตบอลทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูลหลังจบศึกพรีเมียร์ลีกที่ผ่านมา

ทีมพาเลซพลิกแซงหักปีกหงส์แดง3-1




ซึ่งหลังจากที่วิเคราะห์ผลบอลทีมหงส์แดง ยังโชว์ฟอร์มแย่ๆ ต่อเนื่อง หลังจากที่อุตส่าห์ได้ แลมเบิร์ต ที่ยิงให้ทีมนำก่อนในสองนาทีแรก แต่สุดท้าย ทีมพาเลซ นั้นรัวทีเดียวสามลูกรวดพลิกกลับมาคว้าชัยไป 3-1 ทำให้อันดับไปรั้งที่ 12 ของลีกเรียบร้อย

โดยที่การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2014-2015 ที่สนาม เซเฮิร์ส พาร์ค  ทีมคริสตัล พาเลซ ต้อนรับการมาเยือนของ ทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล

ซึ่งในนาทีที่ 2 แฟนๆ เจ้าถิ่นต้องถึงกับช็อก หลังจาก ทีมคริสตัล พาเลซ นั้นต้องมาเสียประตูไปก่อน จากจังหวะที่ อดัม ลัลลาน่า เปิดข้ามแนวรับให้ ริคกี้ แลมเบิร์ต หนีการประกบ ก่อนจะพักบอลแล้วซัดเรียดผ่านมือ จูเลี่ยน สเปโรนี่ เข้าไป ทีมลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 1-0

ต่อเนื่องมาถึงนาทีที่ 17 เมื่อทีมพาเลซ ก็ได้เฮบ้างเมื่อมาตามตีเสมอสำเร็จเป็น 1-1 เมื่อ ยานนิค โบลาสซี่ ลากหนีแนวรับ ทีมหงส์แดง ก่อนจะตัดสินใจซัดเต็มข้อด้วยขวาระยะ 25 หลา บอลเรียดหนีมือ ซิมง มินโญเลต์ พุ่งชนเสากระดอนออกมา แต่ลูกยังเข้าทาง ดไวท์ เกล วิ่งมาซ้ำจ่อเข้าไปได้สำเร็จ

ในนาทีที่ 34 ทีมหงส์แดง นั้นเกือบได้ประตูออกนำอีกครั้ง คราวนี้ โจ อัลเลน ครอสจากฝั่งซ้ายไปให้ ริคกี้ แลมเบิร์ต ที่อยู่เสาไกลได้โอกาสขึ้นโขกคนเดียวจ่อๆ แต่โชคไม่ดีบอลดันหลุดกรอบออกไปนิดเดียว

นาทีที่ 36 ทีมพาเลซ นั้นต้องถอดเอา ดาเมี่ยน เดลานี่ย์ ที่ได้รับบาดเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหว ทำให้ต้องส่ง เบรเด้ ฮันเกลันด์ ลงมาคุมเกมรับของทีมแทน

และในช่วงท้ายครึ่งแรกไม่มีประเติมเพิ่ม หมดเวลาทั้งสองทีมเสมอกันไปก่อน 1-1

ซึ่งนาทีที่ 48 ทางด้านทีมลิเวอร์พูล นั้นก็มาได้ลุ้นจากฟรีคิกระยะ 30 หลา สตีเว่น เจอร์ราร์ด รับหน้าที่ซัดแต่บอลพุ่งหลุดกรอบออกไปเสียก่อน

ในนาทีที่ 53 ตัวของมาร์ติน สเคอร์เทล มาโดนใบเหลืองเป็นคนแรกของเกม โทษฐานเจ้าตัวเข้าไปดึงแขนของ มารูยาน ชามัคห์ เพื่อเป็นการขัดขวาง

นาทีที่ 61 ฆาบี มานกิโย่ ต้องมารับใบเหลือง หลังเจตนาไปดึง ชามัคห์ ที่หน้าเขตโทษ

และในนาทีที่ 71 ทีมหงส์แดง นั้นได้ตัดสินใจถอด อดัม ลัลลาน่า ออก แล้วส่ง ฟาบิโอ บอรินี่ ลงสนามเพื่อลุ้นทำประตูให้ทีมเพิ่ม

ต่อมาในนาทีที่ 74 ทีมลิเวอร์พูล นั้นต้องถอด โจ อัลเลน ที่มีปัญหาเลือกออกบนศีรษะที่แตกมาจากครึ่งแรก โดยเปลี่ยนเอา เอ็มเร่ ชาน ลงสนามมาช่วยเกมแดนกลางแทน ขณะที่ ทีมพาเลซ ก็ส่งให้ เจมส์ แม็คอาร์เธอร์ ลงสนามเป็นคนที่สอง โดยเปลี่ยนเอา เจสัน พันเชี่ยน ออกไป

และเมื่อถึงนาทีที่ 78 แฟนบอลทีมคริสตัล พาเลซ ก็ได้เฮกันทั้งสนามเมื่อทีมมาทำประตูที่สองสำเร็จ จากจังหวะที่บอลกำลังลอยกลางอากาศ เดยัน ลอฟเรน ที่ตามประกบ ยานนิค โบลาสซี่ จากริมเส้นไปล้มแล้วบอลตกเข้าหัวพอดีให้ดาวเตะ ทีมพาเลซ เลี้ยงหนีไปได่ ก่อนเจ้าตัวจะตบเข้ากลางให้ โจ เลดลี่ย์ วิ่งมาซัดตรงกลางลอดตัว ซิมง มินโญเลต์ เข้าไป เจ้าถิ่นพลิกขึ้นนำ 2-1

ต่อมาในนาทีที่ 81 สถานการณ์ยังเป็นใจให้เจ้าถิ่นต่อเนื่อง คราวนี้ทีมมาได้ฟรีคิกหน้าเขตโทษ ไมล์ เยดินัค วิ่งมาปั่นด้วยขวา บอลเลี้ยวข้ามกำแพง ก่อนจะอ้อมหนีมือ มินโญเลต์ เข้าไปอย่างสวยงาม ทีมคริสตัล พาเลซ ได้นำเพิ่มอีกเป็น 3-1

นาทีที่ 86 ทีมพาเลซ ตัดสินใจถอด ยานนิค โบลาสซี่ ที่เกมนีทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมออกไปพักท่ามกลางเสียงปรบมือจากแฟนๆ ในสนาม ก่อนจะให้ แบร์รี่ แบนแนน ลงมาเล่นแทน

เข้าสู่ช่วงท้ายเกมทั้งสองทีมเกือบมีลุ้นได้ประตูกันหลายครั้งแต่ก็พลาดไป สุดท้ายหมดเวลา ทีมคริสตัล พาเลซ ได้เปิดบ้านเอาชนะ ทีมลิเวอร์พูล ไปได้สำเร็จผลบอล 3-1

นั่นทำให้ ทีมพาเลซ ได้เก็บเพิ่มเป็น 12 คะแนน ขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 15 ของตาราง ส่วน ทีมหงส์แดง จากความพ่ายแพ้นัดนี้ทำให้ทีมตกมาอยู่อันดับ 12 โดยมีอยู่แค่ 14 คะแนน เท่านั้น

มาดูรายชื่อผู้เล่น คริสตัล พาเลซ 4-4-1-1 :

  1. จูเลี่ยน สเปโรนี่ 
  2. มาร์ติน เคลลี่
  3. สก็ตต์ แดนน์
  4. ดาเมี่ยน เดลานี่ย์ เปลี่ยนตัว เบรเด้ ฮันเกลันด์ ลงมาในนาทีที่ 36
  5. โจเอล วอร์ด 
  6. เจสัน พันเชี่ยน เปลี่ยนตัว เจมส์ แม็คอาร์เธอร์ ลงมาในนาทีที่ 76
  7. ไมล์ เยดินัค
  8. โจ เลดลี่ย์
  9. ยานนิค โบลาสซี่ เปลี่ยนตัว แบร์รี่ แบนแนน ลงมาในนาทีที่ 86
  10. มารูยาน ชามัคห์ 
  11. ดไวท์ เกล


ผู้เล่นสำรอง

  1. เวย์น เฮเนสซี่ 
  2. วิลฟรีด ซาฮา 
  3. เฟรเซอร์ แคมป์เบลล์ 
  4. แอนดรูวส์ จอห์นสัน


มาดูรายชื่อผู้เล่น ทีมลิเวอร์พูล 4-2-3-1 :

  1. ซิมง มินโญเลต์ 
  2. ฆาบี มานกิโย่
  3. มาร์ติน สเคอร์เทล
  4. เดยัน ลอฟเรน
  5. เกล็น จอห์นสัน 
  6. โจ อัลเลน เปลี่ยน เอ็มเร่ ชาน ลงมาในนาทีที่ 74
  7. สตีเว่น เจอร์ราร์ด 
  8. ราฮีม สเตอร์ลิ่ง
  9. ฟิลิปป์ คูตินโญ่
  10. อดัม ลัลลาน่า เปลี่ยน ฟาบิโอ บอรินี่ ลงมาในนาทีที่ 71 
  11. ริคกี้ แลมเบิร์ต


ผู้เล่นสำรอง

  1. แบร๊ด โจนส์ 
  2. โคโล่ ตูเร่ 
  3. อัลแบร์โต้ โมเรโน่ 
  4. ลูคัส เลว่า 
  5. ลาซาร์ มาร์โควิช


กรรมการผู้ตัดสิน : โจนาธาน มอสส์

ติดตามชมดูคลิป ไฮไลท์พรีเมียร์ลีก


เดอะคล็อปป์ได้โผล่ชื่อนั่งแท่นกุนซือหงส์แทนบีร็อด




ซึ่งบีร็อด นั้นคงจะได้เก้าอี้ร้อน หลังจากที่เจอร์เก้น คล็อปป์ ปรากฏชื่อเตรียมนั่งแท่นบัลลังก์กุนซือใหม่ ทีมหงส์แดง หลังผลงานโคตรแย่ เก็บชัยได้แค่ 2 นัดจาก 12 เกม

และก็ดูเหมือนขาเก้าอี้กุนซือของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล สโมสรชั้นนำแห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ จะเริ่มสั่นคลอนเสียแล้ว เมื่อล่าสุดมีรายงานว่า ทีมหงส์แดง ได้วางตัว เจอร์เก้น คล็อปป์ เทรนเนอร์ของ ทีมโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทีมดังแห่งเวที บุนเดสลีกา เยอรมัน เข้ามาเสียบตำแหน่งแทน หลังจากที่ บีร็อด นั้นเพิ่งพาทีมบุกไปแพ้ ทีมคริสตัล พาเลซ ที่ ถิ่นเซลเฮิร์ทส์ พาร์ค 1-3 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา วันที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

ซึ่งโปรแกรมบอลทีมหงส์แดง นั้นได้ออกสตาร์ทฤดูกาล 2014 - 2015 ได้อย่างย่ำแย่ เก็บชัยชนะได้เพียง 2 นัดเท่านั้นจากเกมลีก 12 นัดหลังสุด แถม 3 นัดล่าสุดแพ้รวดทั้งหมด รั้งอยู่ที่ 12 ของตาราง แข่ง 12 นัด มี 14 แต้ม

นั่นจึงทำให้แฟนๆ ชาวเดอะ ค็อป และเหล่าบรรดาเกจิลูกหนังวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก โดยล่าสุดมีรายงานเกิดขึ้นว่าทางบอร์ดบริหารของ ทีมลิเวอร์พูล ได้วางแผนทาบทาม คล็อปป์ เข้ามาทำหน้าที่แทน ร็อดเจอร์ส หลังเจ้าตัวนั้นเคยออกมายอมรับว่าสนใจที่จะเข้ามาทำงานใน อังกฤษ

และที่ก่อนหน้านี้ กุนซือใหญ่ทัพ ทีมเสือเหลือง ก็ได้เคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องทำงานในแดนผู้ดีเอาไว้ว่า ผมคิดว่า อังกฤษ เป็นที่เดียวเท่านั้นที่ผมควรไปทำงาน ถัดจาก เยอรมัน ผมคิดว่า อังกฤษ นี่แหละเหมาะสมที่สุดแล้ว เพราะมันเป็นประเทศเดียวที่ผมรู้จักภาษา ซึ่งการทำงานของผมมันจำเป็นต้องใช้ภาษาอย่างมาก และถ้าเกิดมีใครติดต่อผมมา มันก็น่าที่จะลองคุยดูนะ

วันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

โปรแกรมบอล : ข่าวฟุตบอลศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษในช่วงที่ผ่านมา

ลุค ชอว์ลั่นหวังฟิตทันลงช่วยทีมผีฟัดทีมปืนเสาร์นี้




หลังจากที่โปรแกรมบอล ชอว์ ได้ออกปากยอมรับ โดยหวังว่า จะหายอาการเอ็นร้อยหวายเดี้ยงทันลงเล่นเกมดวล ทีมปืนใหญ่ วันเสาร์นี้ หลังเจ็บมาจากการลงรับใช้ทัพ ทีมสิงโตคำราม

ซึ่งหลังจากที่ ลุค ชอว์ แบ็กซ้ายดาวรุ่งของสโมสร ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมยักษ์ใหญ่แห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ หวังว่า ตนเองจะสลัดอาการบาดเจ็บกลับมาฟิตพร้อมลงเล่นทันในเกมบิ๊กแมตซ์ที่ต้นสังกัดของเขา จะต้องบุกไปเยือน ทีมอาร์เซน่อล คู่ปรับร่วมลีก ในวันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้

และหลังจากที่ แบ็กจอมบุก นั้นได้รับบาดเจ็บในระหว่างลงเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษ ในเกมอุ่นเครื่องกับทีมชาติสก็อตแลนด์ เมื่อวันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ซึ่งทัพ ทีมทรี ไลอ้อนส์ สามารถเอาชนะไปได้ 3-1 ประตู โดย ชอว์ เองได้รับบาดเจ็บบริเวณ เอ็นร้อยหวาย ซึ่งเป็นแผลเก่าที่เจ้าตัวต้องพักยาวมาแล้วเมื่อช่วงต้นฤดูกาล และโดนเปลี่ยนตัวออกไปในนาทีที่ 66 ของเกม

ซึ่งเวลาจบเกมการแข่งขันนั้น ชอว์  ก็ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ระบุว่า ผมรู้สึกเจ็บเล็กๆ ในระหว่างเกมที่บริเวณเอ็นร้อยหวายข้างซ้ายของผม ซึ่งมันคือที่เดียวกับที่ผมเคยเจ็บมาเมื่อช่วงต้นซีซั่น พวกเรามีการพูดคุยกันในช่วงพักครึ่งว่าจะเปลี่ยนตัวผมออก แต่ผมก็ต้องการจะเล่นต่อไป จนกระทั่งครึ่งหลังผ่านไป 15 นาที รอย ก็ตัดสินใจที่จะเปลี่ยนตัวผมออกไป ตอนนี้ยังต้องรอดูอาการก่อน ว่าจะเจ็บหนักขนาดไหน แต่ผมก็หวังว่าผมจะฟิตทันเกมกับอาร์เซน่อลนะ

ข่าวอาร์เซน่อลจะดึงตัวของ ปีเตอร์ เช็ก เพื่อเฝ้าเสา




หลังจากที่สื่อของประเทศอังกฤษเผย เช็ก เตรียมย้ายไปร่วมทัพ ข่าวอาร์เซน่อล ในช่วง เดือนมกราคมนี้ โดยคาดว่าค่าตัวจะอยู่ที่ราว 350 ล้านบาท

และสื่อ เดลี่ สตาร์ ของอังกฤษนั้น ได้มีรายงานว่า ทีมอาร์เซน่อล ทีมดังในศึกพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ได้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นในการคว้าตัว ปีเตอร์ เช็ก ผู้รักษาประตูมือดีชาวเช็ก ของ เชลซี จ่าฝูงของลีกผู้ดี เป็นที่เรียบร้อย โดยมือกาวร่างโย่งเตรียมที่จะย้ายมาเฝ้าเสาในถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ในช่วงเดือนมกราคม นี้

และสำหรับ เช็ก ที่เป็นมือหนึ่งของเชลซี มาตั้งแต่ปี 2004 ต้องกลายเป็นตัวสำรองของ ธิโบต์ กูร์กตัวส์ ผู้รักษาประตูหนุ่มชาวเบลเยียม ที่เชลซี ดึงกลับมาจาก แอตเลติโก มาดริด หลังหมดสัญญายืมตัว ทำให้มีหลายทีมให้ความสนใจที่จะดึงตัวนายทวารวัย 32 ปีรายนี้ไปร่วมทัพ และล่าสุดมีรายงานว่า เป็น ทีมอาร์เซน่อล ที่ทำได้สำเร็จ

ซึ่งสำหรับค่าตัวของ เช็ก นั้นคาดว่าจะอยู่ที่ราว 7 ล้านปอนด์หรือ 350 ล้านบาท โดยเขาจะเข้ามาแย่งมือหนึ่งกับ วอยเชียค เชสนี่ ผู้รักษาประตูชาวโปแลนด์ของ ทีมปืนใหญ่ ที่กำลังโดนวิจารณ์เรื่องฟอร์มการเล่นอยู่ในตอนนี้

ทีมอาร์เซน่อลและทีมลิเวอร์พูลอดได้ตัว โบนี่ 




เมื่อทีมหงส์แดง ได้ควง ทีมปืนใหญ่ กอดคอผิดหวัง ชวดตัว วิลฟรีด โบนี่ ชัวร์แล้ว หลังนักเตะเลือกภักดี ทีมหงส์ขาว หลังขยายสัญญาลงล่าตาข่ายเพิ่มอีก 1 ปี เป็นที่เรียบร้อย

โดยหลังจากที่ วิลฟรีด โบนี่ ดาวยิงทีมชาติไอเวอรี่โคสต์ ของสโมสร ทีมสวอนซี ซิตี้ ทีมในศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ยุติข่าวลือเรื่องย้ายทีมเป็นที่เรียบร้อย หลังเจ้าตัวตัดสินใจต่อสัญญาขยายเวลาค้าแข้งให้ทัพ ทีมหงส์ขาว ได้เพิ่มไปอีก 1 ปี แม้จะมีกระแสลือเรื่องทีมดังอย่าง ลิเวอร์พูล และอาร์เซน่อล ให้ความสนใจ ซึ่งจากสัญญาฉบับใหม่ ส่งผลให้เขาจะอยู่ในถิ่นลิเบอร์ตี้ สเตเดี้ยม ยาวไปจนถึงช่วงกลางปี 2018

ซึ่งทางด้าน แกรี่ มังค์ กุนซือทัพ ทีมหงส์ขาว พูดถึงดาวยิงตัวเก่งของทีมว่า ข่าวการต่อสัญญาถือเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมสำหรับสโมสร ผมพูดมาตลอดว่าการย้ายมาของ โบนี่ ช่วยทีมได้เยอะ ไม่เฉพาะแค่ในสนาม เขาช่วยในเรื่องนอกสนามเช่นกัน เขาเป็นนักเตะที่มีคุณภาพที่เราพร้อมจะทำทุกวิถีทางเพื่อรั้งเขาให้อยู่กับทีมต่อไปในระยะยาว ซึ่งเขาแสดงให้เห็นถึงความภักดีด้วยการต่อสัญญาฉบับใหม่กับทีมออกไป

และสำหรับ โบนี่ ย้ายจาก วิเทสส์ ในลีก ฮอลแลนด์ มาอยู่กับ สวอนซี ด้วยค่าตัวสถิติสโมสร 12 ล้านปอนด์ ในปี 2013 ซึ่งเจ้าตัวแจ้งเกิดบนเกาะอังกฤษได้ทันทีกับการลงเล่นฤดูกาลแรก จากผลงาน 25 ประตู จนทำให้มีข่าวว่า ทีมหงส์แดง กับ ทีมปืนใหญ่ อยากได้ตัวไปร่วมทีม แม้ผลงานในปีนี้จะดร็อปลงไปบ้าง ยิง 4 ประตู จาก 11 เกมลีก แต่ ทีมหงส์ขาว กำลังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม จนรั้งอยู่อันดับ 5 ของตารางคะแนน ณ เวลานี้

สื่อดังสเปนได้จัดทีม รวมดาราที่อยู่ข้างสนามลา ลีก้า สเปน




หลังจากที่เอล แดงดา หรือเจ้ามุ้ย-ธีรศิลป์ ได้นำทีมรวมดาราแข้งหน้าใหม่ลา ลีก้า ที่ถูกดองข้างสนาม จากการจัดทัพของสื่อ มาร์ก้า สื่อชื่อดังแดนกระทิงดุ

โดยที่ มาร์ก้า หรือสื่อฟุตบอลยักษ์ใหญ่ของสเปน ได้จัดทัพ 11 นักเตะหน้าใหม่ที่เพิ่งย้ายมาร่วมทีมใน ลา ลีก้า แต่ยังไม่ค่อยมีโอกาสได้โชว์ฝีเท้าในซีซั่นนี้ นำทัพมาโดย เจ้ามุ้ย ธีรศิลป์ แดงดา ศูนย์หน้าเบอร์ 1 ทีมชาติไทย ที่ตอนนี้ตกเป็นตัวสำรองของ อัลเมเรีย นั่นเอง

ซึ่งตามรายงานแจ้งว่า ตั้งแต่เปิดฤดูกาล 2014 - 2015 เป็นต้นมา ธีรศิลป์ เพิ่งได้รับโอกาสลงสนามรวมแล้วแค่ 78 นาทีเท่านั้น โดยส่วนใหญ่เป็นตัวสำรองที่ถูกเปลี่ยนลงไปในช่วงท้ายเกม และยังยิงประตูไม่ได้เลย

และมาดูรายชื่อที่นำมาโดย ยาโก้ อัสปาส อดีตศูนย์หน้า ข่าวลิเวอร์พูล ที่ปล่อยมาให้ เซบีย่า และ กิเย่ร์โม่ โอชัว นายทวารหัวฟูที่แจ้งเกิดในฟุตบอลโลก 2014 กับทีมชาติเม็กซิโก ที่ย้ายมาอยู่กับ ทีมมาลาก้า




นี่คือรายชื่อวิเคราะห์บอล 11 นักเตะ ทีมรวมดาราข้างสนามลา ลีก้า


  1. นักเตะ กิเย่ร์โม่ โอชัว - สังกัด ทีมมาลาก้า ได้ลงเล่น 0 นาที
  2. นักเตะ ดิดาค บีย่า - สังกัด ทีมเออิบาร์ ได้ลงเล่น 0 นาที
  3. นักเตะ โมดิโบ ดิยากิเต้ - สังกัด ทีมลา คอรุนญ่า ได้ลงเล่น 90 นาที
  4. นักเตะ โธมัส แฟร์มาเล่น - สังกัด ทีมบาร์เซโลน่า ได้ลงเล่น 0 นาที
  5. นักเตะ ดักลาส - สังกัด ทีมบาร์เซโลน่า ได้ลงเล่น 73 นาที
  6. นักเตะ โมฮัมเหม็ด ฟาเตา - สังกัด ทีมราโย บาเยกาโน่ ได้ลงเล่น 90 นาที
  7. นักเตะ อเลสซิโอ แชร์ซี่ - สังกัด ทีมแอตเลติโก มาดริด ได้ลงเล่น 77 นาที
  8. นักเตะ บรูโน่ ซูคูลินี่ - สังกัด ทีมบาเลนเซีย ได้ลงเล่น 45 นาที
  9. นักเตะ ดาเนียล ลาร์สสัน - สังกัด ทีมกรานาด้า ได้ลงเล่น 0 นาที
  10. นักเตะ ยาโก้ อัสปาส - สังกัด ทีมเซบีย่า ได้ลงเล่น 62 นาที
  11. นักเตะ ธีรศิลป์ แดงดา - สังกัด ทีมอัลเมเรีย ได้ลงเล่น 78 นาที


วันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

วิเคราะห์ผลบอล: ทีมปืนปะทะผี แมตช์เคยยิ่งใหญ่สำหรับทั้งคู่

ทีมปืนปะทะผี แมตช์เคยยิ่งใหญ่สำหรับทั้งคู่




ทีมอาร์เซน่อล ปะทะ ทีมแมนฯยู  กับแมตช์ที่เคยยิ่งใหญ่


ซึ่งหากวิเคราะห์ผลบอลทุกครั้งหลังจาก ศึกฟีฟ่า เดย์ ก็จะมีอารมณ์นี้ตลอดว่า คิดถึง ฟุตบอลลีกยุโรปโดยเฉพาะ ศึกพรีเมียร์ลีก ที่สุดสัปดาห์นี้มีโปรแกรม บิ๊กแมตช์ รออยู่

และนี่เป็นเกมที่ ถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ระหว่าง ทีมอาร์เซน่อล vs ทีมแมนฯยูไนเต็ด คู่ เวลาน้ำชา บ่ายแก่ๆ ที่อังกฤษ หรือเที่ยงคืนครึ่งบ้านเรา

โดยที่เบื้องต้น ผมเชื่อว่า คอบอลจะนึกถึง ปริมาณ นักเตะบาดเจ็บของ หลุยส์ ฟาน ฮัล ที่ไปๆ มาๆ ผมเริ่ม ไม่เชื่อ แล้วล่ะครับว่า จะเยอะจริงอย่างที่ประโคมข่าวกันปาวๆ หรือไม่




ซึ่งหลังจากจบเกมนัดที่ 4 ของ ศึก ยูโร 2016 รอบคัดเลือกช่วงสุดสัปดาห์ ตัวเลขนักเตะ ทีมปิศาจแดงบาดเจ็บมีจำนวน 10 คน และเพิ่มเป็น 12 คนหลัง อังเคล ดิ มาเรีย และ ลุค ชอว์ เจ็บในเกมกระชับมิตรวันอังคาร

โดยที่ สื่อ เดอะ เทเลกราฟ ได้ระบุยอดรวมว่า ฤดูกาลนี้ นักเตะปิศาจแดง บาดเจ็บไปแล้วทั้งสิ้น 18 คน ขณะที่ฟาน ฮัล ใช้ผู้เล่นไปแล้วถึง 36 คน นับจากเปิดซีซั่นเป็นต้นมา

โดยที่ 3 เดือนที่ผ่านมา กุนซือดัตช์นั้นโดน รับน้อง เต็มๆ และต้องแสดงความสามารถในการบริหารจัดการผู้เล่น

สำหรับสถานการณ์แบบนี้จะ ทดสอบ ประสิทธิภาพในเชิงลึกของผู้เล่นปิศาจแดงว่ามี Strength in depth กล้าแกร่งเพียงใด




และตรงกันข้ามด้าน คู่แข่ง เช่น ทีมอาร์เซน่อล เสาร์นี้ น่าจะ ลูบปาก หรือแอบคิดว่า นี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเจอกับ ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ซึ่งนอกจากประเด็นนี้แล้ว มีประวัติศาสตร์ ของการปะทะกันของทั้งคู่ในยุค พรีเมียร์ลีก คือ สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า นี่คือ 2 ทีมที่ประสบความสำเร็จสูงสุดนับจากเปลี่ยนจาก ดิวิชั่น 1 มาเป็น ศึกพรีเมียร์ลีก ในปี 1992

โดยที่ผ่านมา อย่างน้อยๆ ทีมใดทีมหนึ่งจะต้อง ลุ้นแชมป์ ณ เวลาที่เจอกัน หรือก็ทั้ง 2 ทีมนั่นแหละที่กำลังถูกมองว่า คั่วแชมป์

แต่ว่า ในปี คศ.นี้ ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว และไม่มีใครทราบว่า จะมีวันกลับมาเหมือนเดิมอีกหรือไม่ เพราะวันนี้ ทีมอาร์เซน่อล อยู่อันดับที่ 6 และทีมแมนฯยูฯ อยู่ในอันดับที่ 7



ซึ่งถ้าหากจะพูดให้ชีช้ำกะหล่ำปลีเล่นก็คือ แมตช์นี้จะเป็นเกมชิง ท็อปโฟร์ ลุ้นไปเตะฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นหน้าเท่านั้น

โดยที่ในซีซั่นนี้ ทีมอาร์เซนอลนั้น เกือบพลาด ไปเตะฟุตบอลถ้วยหูยักษ์ ขณะที่ ทีมแมนฯยูฯ นั้นพลาด และเพิ่งมีรายงานว่า สูญเสีย รายรับมากมาย หรือ 30-40 ล้านปอนด์ จากการที่ไม่ได้ไปเตะ UCL

และการเจอกันวันเสาร์นี้ ยังเป็นครั้งแรกนับจากปี 1998 ที่ทั้งคู่เจอกันขณะที่อันดับอยู่นอกโซน ท็อปโฟร์

โดยที่ครั้งนี้ยังเป็นช่วงเวลาที่เก้าอี้ อาร์แซน เวนเกอร์ ต้องสั่นคลอน ที่สุด หากไม่นับว่า เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน รีไทร์ไปแล้วเป็นปีที่ 2 ทั้งที่ในอดีต โปรแกรมบอลในครั้งนี้ คือ เกมประชันความสามารถกันระหว่าง เวนเกอร์ vs เฟอร์กี้

ซึ่งยิ่งเขียน ก็ยิ่งใจหาย และยิ่งจะกลายเป็นเหมือนศึก แดงเดือด ทีมแมนฯ ยูฯ vs ทีมลิเวอร์พูล ที่ ทีมหงส์แดง ค่อยๆ ตกต่ำหลังพ้นยุค 1980 และต้องใช้ชื่อเสียงเก่าๆ มาช่วยเข้าไปทุกขณะ




และในฮอตสกอร์ ของเรา หรือสื่อทั่วโลก ผมคาดว่า จะมีการพูดถึงแมตช์แห่งความทรงจำของทั้ง 2 ทีมกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา

โดยส่วนตัวก็มีกับเค้า 2-3 แมตช์ เช่น 21 กันยายน ปี 2003 ที่เสมอผลบอล 0-0 ในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด โดย รุด ฟาน นิสเตลรอย พลาดจุดโทษช่วงทดเวลาเจ็บ

และในงานนั้น หากรุด ไม่ยิงไปชนเสา ทีมอาร์เซนอลคงหยุดสถิติไม่แพ้ใครแค่นัดที่ 8 ของฤดูกาลหาใช่ วิ่งยาว invincible ไปจนจบซีซั่น แมตช์ถัดมา ก็คือ 24 ตุลาคม ในปี 2004 โดยที่ทีมแมนฯ ยูฯ นั้นได้เปิดบ้านชนะ 2-0 และหยุดสถิติไม่แพ้ใครของ ทีมอาร์เซน่อลในลีกไว้ที่ 49 แมตช์



หรืออีกแมทที่สุดๆ ซึ่งก็คือ เอฟเอ คัพ  ในเกมรอบตัดเชือกปี 1999 ซึ่ง เดนนิส เบิร์กแคมป์ พลาดจุดโทษให้กับ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล เซฟได้ตอนก่อนหมดเวลา


และจากนั้นช่วงต่อเวลาพิเศษ ชาวโลกก็ได้เห็น ไรอัน กิ๊กส์ ตัดบอลกลางสนามแล้วโซโล่ไปยิงประตูชัย

ซึ่งนี่ก็คือสกอร์ เบาะๆ แค่ 3 เกม ตัวอย่างนะครับ เพราะจริงๆ แล้วยังมีอีกมากมายเป็น คดีความ ระหว่าง 2 ทีมนี้ด้วย

และที่ผมไม่แน่ใจว่า ทีมผี vs ทีมปืน จะเหลือเป็นแค่ อดีต โปรแกรมแห่งความทรงจำเท่านั้น

แย่แล้ว ฟัลเกาเดี้ยงเพิ่มอีก 2 วีค




ข่าวนี้คงทำให้ สาวกทีมเร้ด อาร์มี่ นั้นต้องคอตก เมื่อได้รับการยืนยันจาก หลุยส์ ฟาน กัล นายใหญ่ ทีมผีแดง กล่าวว่า ราดาเมล ฟัลเกา ได้รับบาดเจ็บซ้ำ เลื่อนเวลาคัมแบ็กออกไปอีก 2 สัปดาห์

ซึ่งกองเชียร์ ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมยักษ์ใหญ่ในศึกพรีเมียร์ลีก ต้องเจอเรื่องเซ็ง เมื่อ ราดาเมล ฟัลเกา ศูนย์หน้าทีมชาติโคลอมเบีย หมดสิทธิ์ลงช่วยทีมนัดยกพลบุกเยือนรังเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ของ ทีมอาร์เซน่อล ในคืนวันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน นี้เป็นที่แน่นอนแล้ว หลัง หลุยส์ ฟาน กัล กุนซือออกมายืนยันด้วยตัวเองว่า แข้งรายนี้ได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติม และจะต้องเลื่อนเวลาคัมแบ็กสู่ทีมชุดใหญ่ออกไปอีก 2 สัปดาห์

โดยที่ฟาน กัล ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อ MUTV สื่อโทรทัศน์ของทัพ ทีมปีศาจแดง พูดถึงกองหน้าคนดังที่ยืมตัวมาจาก ทีมโมนาโก เป็นเวลา 1 ฤดูกาลว่า ตัวเขามีอาการบาดเจ็บขึ้นอีกครั้ง และต้องใช้เวลาพักฟื้น เขาจะต้องใช้เวลาราวๆ 2 สัปดาห์ในการรักษาตัว จากนั้นค่อยมาลงทำการฝึกซ้อมกับทีมชุดใหญ่ แล้วค่อยมาลุ้นเรื่องโอกาสลงสนาม

และทางด้านดาวยิงชาวโคลอมเบีย ที่เจ็บเรื้อรังมาตลอด นับตั้งแต่ย้ายมาอยู่ถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด จนเพิ่งจะมีโอกาสลงสนามไปแค่ 4 เกมเท่านั้น กล่าวว่า มันเป็นเรื่องน่าผิดหวังที่ผมไม่สามารถลงเล่นได้ แต่ผมจำเป็นต้องใจเย็นและเฝ้ารักษาตัวไปเรื่อยๆ เพราะสิ่งสำคัญสำหรับผม คือจะต้องกลับมาช่วยทีมให้ได้ ยามที่ผมพร้อมจะกลับมาลงสนามอีกครั้ง

ทีมอาร์เซน่อลเฮ หลังชิรูด์ควงอาร์เตต้าฟิตทันฟัด ทีมผีแดง




ซึ่งหลังจากที่ อาร์แซน เวนเกอร์ ได้ออกมาเผยข่าวดีของ ทีมปืนใหญ่ เพราะทั้ง โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ และมิเกล อาร์เตต้า นั้นพร้อมกลับมา เป็นตัวเลือกในเกมลีกนัดเปิดบ้านรับ ข่าวแมนยู ในสุดสัปดาห์นี้ พร้อมแย้มทั้ง โลร็องต์ กอสเซียลนี่ และ มาติเยอ เดอบูชี่ ก็เริ่มซ้อมเบาๆ ได้บ้างแล้ว

โดยที่อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือเลือดน้ำหอมของ ทีมอาร์เซน่อล หนึ่งในทีมบิ๊กโฟร์ของศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เผยความพร้อมของทีมก่อนลงเล่นเกมบิ๊กแมตช์ที่ทัพ ทีมปืนใหญ่ มีคิวเปิดบ้านรับการมาเยือน ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมอริร่วมลีกในสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้ โดยยืนยันว่า 2 นักเตะที่บาดเจ็บไปในช่วงก่อนนี้อย่าง โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ และ มิเกล อาร์เตต้า จะพร้อมลงเล่นในเกมดังกล่าวแน่นอน

สำหรับในตัวของเทรนเนอร์เฟร้นช์แมนของทัพ ทีมเดอะ กันเนอร์ส ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ชิรูด์ นั้นกลับมาลงเล่นได้ก่อนเวลาที่มีการคาดการณ์กว่า 1 เดือน ตามปกติเราคิดว่าเขาน่าจะกลับมาลงเล่นในช่วงต้นปีหน้า ทั้ง ชิรูด์ และ มิเกล อาร์เตต้า นั้นจะพร้อมลงเล่น ในเกมที่เจอกับ ทีมแมนฯ ยูฯ ทั้งคู่ ถ้าถามว่าพวกเขาพร้อมไหม พวกเขาพร้อมลงเล่นแล้ว

และเวนเกอร์ ยังกล่าวถึงอาการของอีก 2 แข้งอย่าง มาติเยอ เดอบูชี่ และ โลร็องต์ กอสเซียลนี่ ที่ก่อนหน้านี้มีรายงานว่าจ่อหายกลับมาลงเล่นได้ในเร็ววันนี้ว่า โลร็องต์ กอสเซียลนี่ และ มาติเยอ เดอบูชี ดีขึ้น พวกเขาเริ่มกลับมาซ้อมได้อีกครั้ง เรากำลังเฝ้าดูอาการของพวกเขาอยู่ แต่คาดว่ายังต้องแยกซ้อมเบาๆ จากเพื่อนร่วมทีมอีกราว 3 สัปดาห์ จากนั้นคือการเรียกความฟิตกลับมา

ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ทีมอาร์เซน่อล ต้องประสบปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บกว่าครึ่งทีม หลังแข้งหลักทยอยขึ้นเตียงพยาบาลกันอย่างต่อเนื่อง โดย ชิรูด์ และ อาร์ต เป็น 2 รายแรกที่หายจากอาการบาดเจ็บกลับมาลงเล่นได้ โดยรายชื่อนักเตะเดี้ยงที่เหลืออยู่เช่น

  1. เมซุต โอซิล
  2. อาบู ดิอาบี้
  3. เดอบูชี่ 
  4. กอสเซียลนี่ 
วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

รายชื่อ 50 อันดับสุดยอดกองหน้าในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

รายชื่อ 50 อันดับสุดยอดกองหน้าในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ




สำหรับฟุตบอลลีกยอดนิยมในใจของใครหลายคน โดยเฉพาะแฟนฟุตบอลชาวไทย เดินทางมาถึงฤดูกาลที่ 23 แล้ว นับตั้งแต่เปลี่ยนชื่อจาก ดิวิชั่น 1 มาเป็น ศึกพรีเมียร์ลีก ได้ผลิตยอดนักเตะออกมาประดับวงการมากมาย

ซึ่งโดยเฉพาะตำแหน่งที่เรียกได้ว่าสำคัญและเป็นพระเอกในสนามมากที่สุดนั่นคือ ศูนย์หน้า หรือหัวหอกถล่มประตูนั่นเอง

และล่าสุดทางสื่อ เดลี่เมล์ ซึ่งเป็นสื่อชื่อดังแห่งเกาะอังกฤษ ได้จัดรายชื่อ 50 อันดับกองหน้ายอดเยี่ยมตลอดกาลพรีเมียร์ลีก มาเพื่อให้แฟนบอลได้รำลึกความหลังกัน เชื่อว่าแฟนบอลที่อายุ 30 ปีขึ้นไป น่าจะทันได้ยลฝีเท้าของแข้งดังเหล่านี้ทั้งหมด

ลองมาดูว่าตรงใจผู้อ่านกันบ้างหรือไม่? เชิญติดตามกันครับ


เริ่มต้นที่อันดับ 50. อลัน สมิธ ทีมที่เคยอยู่ ทีมลีดส์ ยูไนเต็ด, ทีมแมนฯ ยูไนเต็ด, ทีมนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด



อันดับที่ 49. โทนี่ เยบัวห์ ทีมที่เคยอยู่ ทีมลีดส์ ยูไนเต็ด



อันดับที่ 48. เควิน เดวี่ส์ ทีมที่เคยอยู่ ทีมเซาธ์แฮมป์ตัน, ทีมแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส, ทีมโบลตัน วันเดอเรอร์ส



อันดับที่ 47. เจมส์ บีทตี้ ทีมที่เคยอยู่ ทีมแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส, ทีมเซาธ์แฮมป์ตัน, ทีมเอฟเวอร์ตัน, ทีมสโต๊ก ซิตี้, ทีมแบล็คพูล



อันดับที่ 46. ยาคูบู ทีมที่เคยอยู่ ทีมพอร์ทสมัธ, ทีมมิดเดิ้ลสโบรช์, ทีมเอฟเวอร์ตัน, ทีมแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส



อันดับที่ 45. ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ทีมที่เคยอยู่ ทีมแมนฯ ซิตี้, ทีมเชลซี, ทีมลิเวอร์พูล



อันดับที่ 44. หลุยส์ ซาฮา ทีมที่เคยอยู่ ทีมนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด, ทีมฟูแล่ม, ทีมแมนฯ ยูไนเต็ด, ทีมเอฟเวอร์ตัน, ทีมท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์, ทีมซันเดอร์แลนด์



อันดับที่ 43. มิคกี้ ควินน์ ทีมที่เคยอยู่ ทีมโคเวนทรี ซิตี้



อันดับที่ 42. ปีเตอร์ เคร้าช์ ทีมที่เคยอยู่ ทีมแอสตัน วิลล่า, ทีมเซาธ์แฮมป์ตัน, ทีมลิเวอร์พูล, ทีมท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์, ทีมสโต๊ก ซิตี้



อันดับที่ 41. ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ทีมที่เคยอยู่ ทีมท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์, ทีมแมนฯ ยูไนเต็ด, ทีมฟูแล่ม



อันดับที่ 40. ดาร์เรน เบนท์ ทีมที่เคย ทีมอิปสวิช ทาวน์, ทีมชาร์ลตัน แอธเลติก, ทีมท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์, ทีมซันเดอร์แลนด์, ทีมแอสตัน วิลล่า, ทีมฟูแล่ม



อันดับที่ 39. ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น ทีมที่เคยอยู่ ทีมเชลซี, ทีมท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์, ทีมสโต๊ก ซิตี้, ทีมฟูแล่ม



อันดับที่ 38. ไนออล ควินน์ ทีมที่เคยอยู่ ทีมแมนฯ ซิตี้, ทีมซันเดอร์แลนด์



อันดับที่ 37. เคร็ก เบลลามี่ ทีมที่เคยอยู่ ทีมโคเวนทรี ซิตี้, ทีมนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด, ทีมแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส, ทีมลิเวอร์พูล, ทีมเวสต์แฮม ยูไนเต็ด, ทีมแมนฯ ซิตี้, ทีมคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้



อันดับที่ 36. เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ทีมที่เคยอยู่ ทีมอาร์เซน่อล, ทีมแมนฯ ซิตี้, ทีมท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์



อันดับที่ 35. โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ทีมที่เคยอยู่ ทีมแมนฯ ยูไนเต็ด



อันดับที่ 34. ดันแคน เฟอร์กูสัน ทีมที่เคยอยู่ ทีมเอฟเวอร์ตัน, ทีมนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด



อันดับที่ 33. มาร์ค ฮิวจ์ส ทีมที่เคยอยู่ ทีมแมนฯ ยูไนเต็ด, ทีมเชลซี, ทีมเซาธ์แฮมป์ตัน, ทีมเอฟเวอร์ตัน, ทีมแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส



อันดับที่ 32. เจอร์เมน เดโฟ ทีมที่เคยอยู่ ทีมเวสต์แฮม ยูไนเต็ด, ทีมท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์, ทีมพอร์ทสมัธ



อันดับที่ 31. ดิออน ดับลิน ทีมที่เคยอยู่ ทีมแมนฯ ยูไนเต็ด, ทีมโคเวนทรี ซิตี้, ทีมแอสตัน วิลล่า



อันดับที่ 30. เอมิล เฮสกี้ย์ ทีมที่เคยอยู่ ทีมเลสเตอร์ ซิตี้, ทีมลิเวอร์พูล, ทีมเบอร์มิงแฮม ซิตี้, ทีมวีแกน แอธเลติก, ทีมแอสตัน วิลล่า



อันดับที่ 29. ร็อบบี้ คีน ทีมที่เคยอยู่ ทีมโคเวนทรี ซิตี้, ทีมลีดส์ ยูไนเต็ด, ทีมท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์, ทีมลิเวอร์พูล, ทีมเวสต์แฮม ยูไนเต็ด, ทีมแอสตัน วิลล่า



อันดับที่ 28. เควิน ฟิลลิปส์ ทีมที่เคยอยู่ ทีมซันเดอร์แลนด์, ทีมเซาธ์แฮมป์ตัน, ทีมแอสตัน วิลล่า, ทีมเบอร์มิงแฮม ซิตี้, ทีมคริสตัล พาเลซ



อันดับที่ 27. คริส ซัตตัน ทีมที่เคยอยู่ ทีมนอริช ซิตี้, ทีมแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส, ทีมเชลซี, ทีมเบอร์มิงแฮม ซิตี้, ทีมแอสตัน วิลล่า



อันดับที่ 26. เจอร์เก้น คลิ้นส์มันน์ ทีมที่เคยอยู่ ทีมท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์



อันดับที่ 25. เฟอร์นันโด ตอร์เรส ทีมที่เคยอยู่ ทีมลิเวอร์พูล, ทีมเชลซี



อันดับที่ 24. เปาโล ดิ คานิโอ ทีมที่เคยอยู่ ทีมเชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์, ทีมเวสต์แฮม ยูไนเต็ด, ทีมชาร์ลตัน แอธเลติก



อันดับที่ 23. จิมมี่ ฟลอยด์ ฮัสเซลเบงค์ ทีมที่เคยอยู่ ทีมลีดส์ ยูไนเต็ด, ทีมเชลซี, ทีมมิดเดิ้ลสโบรช์, ทีมชาร์ลตัน แอธเลติก



อันดับที่ 22. โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ทีมที่เคยอยู่ ทีมอาร์เซน่อล, ทีมแมนฯ ยูไนเต็ด



อันดับที่ 21. นิโกล่าส์ อเนลก้า ทีมที่เคยอยู่ ทีมอาร์เซน่อล, ทีมลิเวอร์พูล, ทีมแมนฯ ซิตี้, ทีมโบลตัน วันเดอเรอร์ส, ทีมเชลซี, ทีมเวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน



อันดับที่ 20. เซร์คิโอ อเกวโร่ ทีมที่เคยอยู่ ทีมแมนฯ ซิตี้



อันดับที่ 19. คาร์ลอส เตเบซ ทีมที่เคยอยู่ ทีมเวสต์แฮม ยูไนเต็ด, ทีมแมนฯ ยูไนเต็ด, ทีมแมนฯ ซิตี้



อันดับที่ 18. หลุยส์ ซัวเรซ ทีมที่เคยอยู่ ทีมลิเวอร์พูล



อันดับที่ 17. สแตน คอลลีมอร์ ทีมที่เคยอยู่ ทีมน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์, ทีมลิเวอร์พูล, ทีมแอสตัน วิลล่า, ทีมเลสเตอร์ ซิตี้, ทีมแบร็ดฟอร์ด ซิตี้



อันดับที่ 16. แม็ทธิว เลอ ทิสซิเอร์ ทีมที่เคยอยู่ ทีมเซาธ์แฮมป์ตัน



อันดับที่ 15. ดไวท์ ยอร์ค ทีมที่เคยอยู่ ทีมแอสตัน วิลล่า, ทีมแมนฯ ยูไนเต็ด, ทีมแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส, ทีมเบอร์มิงแฮม ซิตี้, ทีมซันเดอร์แลนด์



อันดับที่ 14. จิอันฟรังโก้ โซล่า ทีมที่เคยอยู่ ทีมเชลซี



อันดับที่ 13. เท็ดดี้ เชอริงแฮม ทีมที่เคยอยู่ ทีมน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์, ทีมท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์, ทีมแมนฯ ยูไนเต็ด, ทีมพอร์ทสมัธ, ทีมเวสต์แฮม ยูไนเต็ด



อันดับที่ 12. รุด ฟาน นิสเตลรอย ทีมที่เคยอยู่ ทีมแมนฯ ยูไนเต็ด



อันดับที่ 11. เลส เฟอร์ดินานด์ ทีมที่เคยอยู่ ทีมควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส, ทีมนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด, ทีมท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์, ทีมเวสต์แฮม ยูไนเต็ด, ทีมเลสเตอร์ ซิตี้, ทีมโบลตัน วันเดอเรอร์ส



เข้าสู่อันดับที่ 10 ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ทีมที่เคยอยู่ ทีมลิเวอร์พูล, ทีมลีดส์ ยูไนเต็ด, ทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้, ทีมแบล็กเบิร์น โรเวอร์ส



สำหรับเจ้าของฉายาที่ว่า ก็อด ของสาวก ทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล เติบโตมาในฐานะนักเตะเยาวชนของทีม ก่อนได้ประเดิมสนามตั้งแต่อายุ 18 ปี ทะลวงตาข่ายกระจุย 25 ลูกในปี 1994 - 1995

และก่อนที่จะซัดอีก 28 ประตูในซีซั่นถัดมา สร้างชื่อสุดๆด้วยการซัดแฮตทริกใส่ ทีมอาร์เซน่อล ด้วยเวลาเพียง 4 นาที 33 วินาทีเท่านั้น


ในอันดับ 9 เอียน ไรท์ ทีมที่เคยอยู่ ทีมอาร์เซน่อล, ทีมเวสต์แฮม ยูไนเต็ด



สำหรับ ไร้ท์ซ่า ที่เป็นตำนานอีกคนนึงของ ทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อล เจ้าของ 128 ประตู จาก 221 นัดในลีก

ซึ่งหลังจากคว้าตัวมาจาก คริสตัล พาเลซ ในปี 1991 ด้วยค่าตัว 2.5 ล้านปอนด์ และเป็นสถิติสโมสรในขณะนั้น ความทุ่มเทเต็มร้อย ยิงประตูเฉียบขาด ไม่แปลกใจเลยที่แฟนปืนใหญ่จะรักกองหน้าผิวหมึกผู้นี้เหลือเกิน


ในอันดับ 8 ไมเคิ่ล โอเว่น ทีมที่เคยอยู่ ทีมลิเวอร์พูล, ทีมนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด, ทีมแมนฯ ยูไนเต็ด, ทีมสโต๊ก ซิตี้



ทางเบบี้โกล์ ได้แจ้งเกิดตั้งแต่อายุ 17 เมื่อลงสนามมาแล้วยิงได้ทันทีในโปรแกรมบอลเกมพบ วิมเบิลดัน เมื่อปี 1997 ยิงไป 118 ให้หงส์แดงในลีก

ซึ่งตลอด 8 ปีที่อยู่กับทีมก่อนย้ายไปอยู่ยักษ์ใหญ่ของสเปนอย่าง ทีมเรอัล มาดริด ก่อนฟอร์มตกฮวบหลังจากได้รับบาดเจ็บบ่อยครั้ง

อีกทั้งยังต้องระหกระเหินกลับมาอังกฤษด้วยการเซ็นสัญญากับ ทีมนิวคาสเซิ่ล, ทีมแมนฯ ยูไนเต็ด ได้แชมป์พรีเมียร์ลีกด้วย แฟนหงส์บอกว่ามันเจ็บตรงนี้แหละ และ ทีมสโต๊ก ซิตี้


อันดับ 7 ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา ทีมที่เคยอยู่ ทีมเชลซี



สำหรับคำว่า แข็งแกร่ง, เฉียบคม, และทรงพลัง นั้นคือคำนิยามของหัวหอกทีมชาติไอวอรี่ โคสต์ ผู้นี้ เป็นหัวหอกตัวหลักของทีมตลอด 8 ปี กวาดแชมป์ร่วมกับ ทีมสิงโตน้ำเงินคราม มากมาย เป็น 1 ในศูนย์หน้าที่กองหลังฝ่ายตรงข้ามต่างเทคะแนนให้ว่า ไม่อยากรับมือ ด้วยที่สุดคนนึงในลีก

ซึ่งปัจจุบันได้ย้ายกลับมาจาก ทีมกาลาตาซาราย และรับบทกองหน้าหมายเลข 3 ของทีมคอยพยุงน้องๆ


อันดับ 6 แอนดี้ โคล ทีมที่เคยอยู่ ทีมนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด, ทีมแมนฯ ยูไนเต็ด, ทีมแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส, ทีมฟูแล่ม, ทีมแมนฯ ซิตี้, ทีมพอร์ทสมัธ



ซึ่งเจ้าของสถิติยิงประตูมากที่สุดอันดับ 2 ของพรีเมียร์ลีก ด้วยจำนวน 187 ประตู แม้บางช่วงของอาชีพจะถูกค่อนขอดว่าใช้โอกาสเปลืองไปบ้างเวลาอยู่หน้าปากประตู แต่ก็ต้องถือว่า "คิงโคล" ถือเป็นหนึ่งในกองหน้าหัวแถวของลีกอยู่ดีเมื่อดูจาก การคว้าแชมป์แบบนับไม่ถ้วนกับ ทีมผีแดง และตัวเลขสกอร์ที่เขาทำได้


อันดับ 5 เวย์น รูนี่ย์ ทีมที่เคยอยู่ ทีมเอฟเวอร์ตัน, ทีมแมนฯ ยูไนเต็ด



และได้แจ้งเกิดตั้งแต่อายุ 16 ขวบ เมื่อลงสนามมาซัดอย่างสุดสวยใส่ อาร์เซน่อล ในปี 2002 ก่อนลุยศึกไฮไลท์ฟุตบอลยูโร 2004 ด้วยอายุ 18 ปี ก่อนย้ายมาร่วมทีม ทีมปีศาจแดง ด้วยค่าตัวมหึมา 25 ล้านปอนด์ จนถึงตอนนี้ยิงไปแล้ว 161 ประตูจาก 313 เกมในลีก ปัจจุบันรับตำแหน่ง กัปตันทีม ทั้งในนามสโมสรและทีมชาติอังกฤษ


ในอันดับ 4 เดนนิส เบิร์กแค้มป์ ทีมที่เคยอยู่ ทีมอาร์เซน่อล



สำหรับคำว่า คลาสสิก นึกถึงสไตล์ของ เบิร์กแค้มป์ ต้องใช้คำนี้เลย เป็นกองหน้าที่ไม่ค่อยมีความเร็วมากนัก รูปร่างก็ไม่ได้แข็งแกร่งบึกบึน แต่เทคนิคการยิงประตูและลีลาการจ่ายบอล แพรวพราวมีระดับเหลือเกิน

และคำถามก็คือ? จะมีใครจะลืมประตูสุดสวยที่ยิงใส่ นิวคาสเซิ่ล ในปี 2002 และ ในนามทีมชาติฮอลแลนด์ ที่ยิงใส่ ทีมอาร์เจนติน่า ในฟุตบอลโลก 1998 ได้ลงกันล่ะ?


อันดับ 3 เอริค คันโตน่า ทีมที่เคยอยู่ ทีมแมนฯ ยูไนเต็ด



สำหรับเอริค เดอะ คิง นั้นเล่นให้ทีมปีศาจแดงแค่ 5 ปี แต่กลายเป็นสัญลักษณ์ของสโมสรคนนึงไปเรียบร้อย

และด้วยฝีเท้าที่เอกอุ และบุคลิกในสนามที่โดดเด่น สร้างความยำเกรงให้คู่แข่ง และความเชื่อใจให้เพื่อนร่วมทีมได้เสมอ

ซึ่งสำหรับก็องโต้ไม่ใช่กองหน้าประเภทถล่มประตูเป็นกอบเป็นกำ แต่เป็นเหมือนจุดศูนย์กลางของทีมในเกมรุกมากกว่า ห้าวหาญดุดัน ฉลาดปราดเปรื่อง แต่น่าเสียดายที่อารมณ์ศิลปินมากเกินไป ติสต์แตก ตัดสินใจแขวนสตั๊ดขณะที่อายุเพียง 31 ปีเท่านั้น


อันดับที่ 2 อลัน เชียเรอร์ ทีมที่เคยอยู่ ทีมเซาธ์แฮมป์ตัน, ทีมแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส, ทีมนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด



เรียกได้ว่าเป็นเจ้าของสถิติยิงประตูในพรีเมียร์ลีกมากที่สุดตลอดกาลด้วยจำนวน 260 ประตู "ฮอตชอต" ซัดให้ แบล็คเบิร์น ไป 112 ลูก และกับทีมในดวงใจตั้งแต่เด็ก นิวคาสเซิ่ล อีก 148 ตุง หลังย้ายมาร่วมทีมในปี 1996 ด้วยค่าตัวสถิติโลกตอนนั้น 15 ล้านปอนด์

ซึ่งแม้จะไม่ประสบความสำเร็จด้านถ้วยรางวัล เพราะได้เพียงแค่แชมป์ลีกกับ กุหลาบไฟ ในซีซั่น 1994 - 1995 เท่านั้น

แต่ว่าในแง่ส่วนตัวถือว่าสุดยอด เมื่อดูจากประตูที่ยิงได้ และตำแหน่งกัปตันทีมชาติอังกฤษอีกหลายปี


และอันดับที่ 1 เธียร์รี่ อองรี ทีมที่เคยอยู่ ทีมอาร์เซน่อล



และถึงแม้ว่าวิเคราะห์ผลบอลว่าจะด้อยกว่า 1.เชียเรอร์, 2.โคล หรือแม้แต่ 3.รูนี่ย์ ถ้าวัดในแง่จำนวนประตู แต่ "ติตี้" คือสุดยอดกองหน้าของพรีเมียร์ลีกอย่างแท้จริง


  1. อย่างแรกคือเทคนิคแพรวพราวหาตัวจับยาก
  2. อย่างที่สองความเร็วที่กองหลังเลิกฝันเลยว่าจะไล่ทันเมื่อเขาได้ควบบอล
  3. อย่างที่สามการจ่ายบอลให้เพื่อนทำประตูที่เฉียบขาด 
  4. อย่างที่สี่การจบสกอร์ที่เหนือชั้นมาก


สำหรับอองรีได้

  • อย่างแรกคือแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย โดยครั้งล่าสุดเมื่อปี 2003 - 2004 ทำสถิติไม่แพ้ใครทั้งซีซั่นด้วย
  • อย่างที่สอง 3 แชมป์ เอฟเอ คัพ
  • อย่างที่สาม นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมนักเตะอาชีพ 2 ครั้ง
  • อย่างที่สี่ นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมผู้สื่อข่าวอีก 3 ครั้ง 
  • อย่างที่สี่ โกลเด้นบู๊ทอีก 4 ครั้ง


และแบบนี้ไม่ว่าจะมองมุมไหน อองรี ก็คู่ควรกับตำแหน่ง อันดับ 1 แบบไร้ข้อโต้แย้งอย่างที่สุด