วันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2563
สเปอร์ส 0-1 ลิเวอร์พูล: เก็บตกหลังเกมส์ พรีเมียร์ลีก
หงส์แดง ลิเวอร์พูล บุกเฉือนเอาชนะ สเปอร์ส 1-0 เก็บสามแต้มล้ำค่า พร้อมทั้งโกยแต้มไปได้มากถึง 61 คะแนนจาก 21 เกม ถือเป็นสถิติใหม่ของพรีเมียร์ลีก
นอกจากนี้ยังทิ้งห่างอันดับสอง เลสเตอร์ ซิตี้ ออกไปเป็น 16 คะแนน เราลองไปดูประเด็นสำคัญที่เกิดขึ้นในเกมนี้กัน
6. หมดยุคสำหรับแผนรถบัส
เกมนี้เริ่มต้นมาก็เป็นไปตามคาด โชเซ มูรินโญ สั่งให้ลูกทีมลงไปตั้งรับต่ำ และเน้นลูกโยนข้ามแผงหลังคู่ต่อสู้ให้กองหน้าใช้ความเร็วในการโต้กลับ ซึ่งต้องบอกว่าดูจะไม่เวิร์คสักเท่าไหร่ในช่วงครึ่งแรก เพราะกลายเป็นว่าเปิดโอกาสให้ ลิเวอร์พูล สามารถมีพื้นที่เซ็ตบอลบุกขึ้นมาได้ง่าย เนื่องจากผู้เล่น สเปอร์ส ถอยลงมายืนต่ำ ไม่เพรสซิ่ง จึงทำให้แทบจะโดนพับสนามบุกอยู่ฝ่ายเดียวตลอดระยะเวลา 45 นาทีแรก
5. แนวรุกไก่ใช้โอกาสสิ้นเปลือง
ไม่น่าเชื่อว่าเมื่อกวาดสายตามองไปที่สถิติหลังจบเกม สเปอร์ส มีโอกาสจบสกอร์ 14 ครั้ง มากกว่าฝั่งผู้มาเยือน (13 ครั้ง) เสียอีก แต่พวกเขากลับไม่แม่นยำเอาเสียเลยในจังหวะสุดท้าย (ไก่เดือยทอง ยิงตรงกรอบ 4 ครั้งและฝั่ง หงส์แดง 7 ครั้ง)
4. สเปอร์ส ต้องการศูนย์หน้าธรรมชาติ
การขาดหายไปของ แฮร์รี เคน ในวันนี้ ทำให้ ไก่เดือยทอง ไม่มีกองหน้าธรรมชาติใช้งานเลยสักคนเดียว คนที่จะคอยพักบอล เก็บบอล ในยามที่ทีมโต้กลับด้วยลูกโยนยาว แถมสังเกตได้ว่าการขาดหัวหอกตัวเป้าทำให้เกมรุกของ สเปอร์ส ขาดมิติในการเข้าทำไปพอสมควร
ซึ่งต้องถือเป็นโชคร้ายที่ เคน ก็ดันมาเจ็บก่อนหน้าเกมนี้พอดี ดังนั้นจึงถึงเวลาแล้วที่ มูรินโญ ต้องหากองหน้ามาทดแทนในกรณีดังกล่าวอย่างน้อย 1 คน เป็นการเร่งด่วนช่วงตลาดซื้อขายนักเตะเดือนมกราคมนี้ ก่อนที่อะไร ๆ จะสายเกินแก้
3. ลิเวอร์พูล เดินหน้าสร้างสถิติ
พลพรรค เร้ดแมชีน ภายใต้การคุมทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ กลายเป็นทีมที่เดินหน้าทุบสถิติอย่างต่อเนื่องจากฟอร์มที่ร้อนแรงของพวกเขา
ชัยชนะเหนือ สเปอร์ส ของทัพ หงส์แดง ทำให้พวกเขาเป็นทีมที่เก็บแต้มได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ 5 ลีกใหญ่ยุโรปหลังผ่าน 21 เกมภายในฤดูกาลเดียว (61 คะแนน) คิดเป็น 104 แต้มจากเกมลีก 38 นัดหลังสุด (ชนะ 33 เสมอ 5 แพ้ 0) มากที่สุดแซงหน้าสถิติเก่า 102 คะแนนของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (2018) และ เชลซี (2005)
อ่านต่อคลิ๊กเลย https://www.sanook.com/sport/1045647/
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น