วันพฤหัสบดีที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2557

วิพากษ์วิเคราะห์ผลบอลสไตล์ รอย คีน

วิพากษ์วิจารณ์สไตล์ รอย คีน





สำหรับหน้าข่าวกีฬาของหนังสือพิมพ์อังกฤษ ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็คงไม่มีประเด็นไหนชิงพื้นที่สื่อได้มากเท่ากับเนื้อหาในหนังสืออัตชีวประวัติเล่มที่สองในชีวิตของ รอย คีน อดีตกัปตันทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ถูกนำออกมาเผยแพร่ให้ได้ชิมลางกันเป็นน้ำจิ้ม ก่อนที่หนังสือที่ชื่อว่า The Second Half ของเขาจะวางขายอย่างเป็นทางการในวันพฤหัสบดีนี้

ตัวของรอยคีน 43 ปี โดยที่ในปัจจุบันนั้นมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยโค้ชของทีมชาติไอร์แลนด์และ ทีมแอสตัน วิลล่า ขึ้นชื่อในเรื่องของความเป็น คนโผงผาง และ อารมณ์ร้อน มาแต่ไหนแต่ไร จนทำให้เขาต้องแยกทางกับปิศาจแดงแบบจบไม่สวยในปี 2005 หลังจากที่ได้ย้ายมาร่วมทีมตั้งแต่ปี 1993 และเป็นกำลังสำคัญของทีมมาตลอด รวมถึงได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมต่อจาก เอริก คันโตน่า ด้วย

สำหรับเนื้อหาเด็ด ๆ ในหนังสือฉบับนี้ของคีนคงหนีไม่พ้นการแฉวิเคราะห์บอลและดับเครื่องชนทั้งอดีตกุนซืออย่าง เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และ อดีตเพื่อนรวมทีม และนี่คือส่วนหนึ่งของเนื้อหาแสบๆ คันๆ ที่มาจากมุมมองและความเห็นของคีโน่


รอย กล่าวถึง เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน




ถ้าหากเขาทำดีด้วย ผมจะคิดทันทีว่า นี่ต้องเป็นเรื่องของผลประโยชน์แน่ ซึ่งเขากระหายความสำเร็จและไม่ยอมอ่อนข้อให้ใคร การไม่อ่อนโยนกับใครคือจุดเด่นของเขา ทีมแมนฯ ยูไนเต็ดเป็นสโมสรที่ใหญ่กว่าทีมน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์มาก แต่ความเย็นชาของเขาก็ทำให้เขาประสบความสำเร็จ ในฐานะผู้จัดการทีมแล้ว ผมอยากเอาความอ่อนโยนของไบรอัน คลัฟกับความเฉียบขาดของเฟอร์กูสันมาผสมกัน แต่แน่นอนว่าต้องใส่ตัวตนของผมลงไปด้วยนะ



รอย กล่าวถึง ทีมคลาสออฟ 92



สำหรับทีมฟุตบอลชุดคลาสออฟ 92 นั้นเป็นนักเตะที่ดี แต่บทบาทของพวกเขาที่มีต่อสโมสรถูกยกยอจนเกินจริงไปหน่อย โดยคลาสออฟ 92 ดูเหมือนจะมีชื่อเสียงเฉพาะตัว กลายเป็นเหมือนยี่ห้อสินค้า เหมือนกับเป็นอีกทีมหนึ่งในทีมของเรา และพวกเขาก็เหมือนจะชอบซะด้วย แต่เราทั้งหมดต่างก็มีเป้าหมายเดียวกัน เราทั้งหมดต่างก็มีความกระหายเหมือนกัน





รอย กล่าวถึง พอล สโคลส์




ด้านของสโคลซี่เป็นสุดยอดนักเตะจริงๆ แต่ผมไม่ค่อยปลื้มกับภาพลักษณ์ความเป็นคนที่แสนจะติดดินของเขาเท่าไหร่นัก เขามีด้านอื่นๆ อีกเยอะ แต่ทุกคนดูเหมือนจะคิดว่าเขายังอยู่แฟลตของรัฐบาลอยู่เลยมั้ง


รอย กล่าวถึง ปีเตอร์ ชไมเคิล




ตัวผมเองเคยมีเรื่องกับ ปีเตอร์ ตอนที่ได้ออกทัวร์ปรีซีซั่นเมื่อปี 1998 คิดว่าน่าจะเป็นที่ประเทศฮ่องกงนะ ความเมาก็มีส่วนแหละ เขาบอกว่า ฉันเริ่มเบื่อนายเต็มทีแล้ว เราต้องมาเคลียร์กันซักหน่อย

ผมก็เลยบอกว่า ได้เลย แล้วเราก็ซัดกันนัว ผมตื่นมาวันรุ่งขึ้นแล้วจำอะไรไม่ค่อยได้มากนัก รู้แต่ว่ามือผมช้ำแล้วนิ้วก็ซ้น

ตอนนั้นเจ้านายด่าเราเละ ตอนที่อยู่บนรถบัส แล้วก็มีคนพูดเรื่องที่ผมกับปีเตอร์ทะเลาะกันที่โรงแรมให้ฟัง ตอนนั้นนิคกี้ บัตต์บอกผมว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ปีเตอร์คว้าคอผมแล้วผมก็เฮดบัตต์เขา หลังจากนั้นเราก็ชุลมุนกันอยู่นาน



รอย กล่าวเรื่องการไม่ตรวจ ยาโด๊ปของ ริโอ เฟอร์ดินานด์




ซึ่งเขาเองนั้นก็ได้รับผลเสียจากเรื่องนี้และทีมก็เช่นกัน ถ้าผมเป็นเขา และหมอบอกว่าผมต้องไปตรวจโด๊ป ผมก็คงจะไปตรวจ มันไม่ใช่เรื่องอะไรที่เราจะลืมกันได้ง่ายๆ

และมันไม่ใช่การไปรับจดหมายที่ไปรษณีย์ หรือลืมเอารองเท้ามา

ซึ่งในตอนที่หมอบอกว่าคุณต้องไปตรวจโด๊ปนะ มันไม่ใช่เรื่องที่ทำกันอยู่ทุกวัน แต่ก็ยังมีบางคนขี้ลืมได้อย่างเหลือเชื่อ

ตัวผมไม่ได้มองว่าริโอมีเหตุผลอะไรซ่อนเร้นนะ ผมคิดว่าเขาลืมจริงๆ และเราก็ต้องชดใช้ เขาเป็นนักเตะที่เก่งมากคนหนึ่งและเราก็ขาดเขาไป โดยเฉพาะในครึ่งหลังของฤดูกาลตอนที่การขับเคี่ยวเป็นไปอย่างเข้มข้น



รอย กล่าวถึง คริสติอาโน่ โรนัลโด้




ในนัดที่เราไปเตะกับสปอร์ติ้ง ลิสบอนเพื่อฉลองเปิดสนามศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีกใหม่ของพวกเขา ผมได้เห็นว่าโรนัลโด้เล่นได้แจ๋วแค่ไหนในวันนั้น เขาต้องดวลกับจอห์น โอเชีย และทำเอาเชียซี่แทบต้องขอยาแก้ปวดหัวกินในช่วงพักครึ่ง เพราะตาลายกับลีลาการสับขาหลอกของเขา

หลังจากที่สโมสรบรรลุข้อตกลงซื้อขายเขาเลยหลังเกมนั้น เรายังอำกันอยู่เรื่อยๆ ว่าจริงๆ แล้วเชียซี่คือคนที่ทำให้ดีลนี้เกิดขึ้น ด้วยการเล่นได้ห่วยแตกมากในเกมนั้น

ส่วนตัวผมชอบโรนัลโด้ตั้งแต่แรกเลย เขามีความมุ่งมั่นและทัศนคติที่ดี พอได้เห็นเขาซ้อมแค่ไม่กี่วัน ผมคิดเลยว่าเด็กคนนี้ต้องเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของโลกในอนาคตแน่

และเขาเพิ่งจะอายุแค่ 17 ปีแต่กลายเป็นนักเตะที่ขยันซ้อมที่สุดคนหนึ่งในทีมทันที เขารูปหล่อและเขาก็รู้ตัวด้วย พอมองดูนักเตะคนอื่นๆ ในกระจก ผมคิดว่าพวกแกนี่หุ่นไม่ได้เรื่องเลย แต่โรนัลโด้ดูใสซื่อและดูดีจริงๆ




รอย กล่าวเรื่อง การขัดแย้งกับตัว คาร์ลอส คีรอซ





ซึ่งผมได้บอกเขาว่า อย่าสะเออะ มาพูดกับผมเรื่องความจงรักภักดีนะคาร์ลอส เมื่อไม่กี่ปีก่อนคุณเพิ่งทิ้งทีมนี้เพื่อไปคุมเรอัล มาดริดหลังจากอยู่ได้แค่ 12 เดือน อย่าบังอาจมาสงสัยเรื่องความจงรักภักดีของผม ผมเคยมีโอกาสจะได้ย้ายไปยูเวนตุสและบาเยิร์น มิวนิคมาแล้ว




รอย กล่าวถึง จุดแตกหักกับ ทีมแมนฯ ยูไนเต็ด





ตัวผมนั้นเพิ่งรู้มาไม่กี่วันก่อนว่าสโมสรพยายามจะเขี่ยผมทิ้ง ผมบอกกับเฟอร์กูสันว่า ผมจะขอไปเล่นให้ทีมอื่นได้มั้ย? ซึ่งเขาก็บอกว่า ได้เลย เพราะเราจะฉีกสัญญานายทิ้งอยู่แล้ว ผมเลยคิดว่า ได้เลย ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง

ในตอนนั้น ผมรู้ว่าหลายทีมนั้นจะติดต่อมาแน่ถ้าข่าวนี้ออกไป ผมเลยบอกไปว่า งั้นผมคิดว่าเราคงต้องจบกันแค่นี้แล้วล่ะ ตอนนั้นผมแค่คิดว่าไอ้พวกงี่เง่าเอ๊ย แล้วผมก็ยืนขึ้นและพูดว่า โอเค งั้นผมไม่อยู่ต่อ




สามารถติดตามชม ไฮไลท์ฟุตบอล ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีกล่าสุด ผลบอล ได้ที่ http://sport.sanook.com/football/


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น